PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ศาลแพ่งจำคุก “อาจารย์ตุ้ม-ทนายนปช.”คนละ 1 เดือน ละเมิดอำนาจศาล

ศาลแพ่งจำคุก “อาจารย์ตุ้ม-ทนายนปช.” ละเมิดอำนาจศาล คนละ 1 เดือน โดยไม่รอลงอาญา พาผู้ชุมนุมประท้วงวางพวงหรีดหน้าศาลแพ่ง ชี้เป็นการกระทำอุกอาจและให้ออกหมายจับ"ดารณี"เบี้ยวไม่มาศาล
ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (9 มิ.ย.) ศาลนัดฟังคำสั่งไต่สวนการละเมิดอำนาจศาลในคดีที่ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการศาลแพ่ง กล่าวหา นางดารณี กฤตบุญญาลัย หรือ เจ๊ดา นักธุรกิจไฮโซ แนวร่วมกลุ่มประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นางสุดสงวน สุธีสร หรือ อาจารย์ตุ้ม อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และ นายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความ นปช. ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-3 กรณีนำกลุ่มมวลชนที่ไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลแพ่งในคดีเพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ประมาณ 130 คน มาวางพวงหรีดที่หน้าศาลแพ่ง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยทนายความแถลงว่านางดารณีกลัวอำนาจคสช. เกรงจะได้รับอันตรายจึงไม่มาศาล แต่ศาลเห็นว่ามีเจตนาหลบหนีจึงให้ออกหมายจับ และจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราวเฉพาะในส่วนของนางดารณี
ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และ3 ศาลเห็นว่าผู้อำนวยศาลแพ่ง ได้กล่าวหาว่าเมื่อวันที่ 21 ก.พ.2557 จำเลยทั้งสามกับพวกประมาณ 130 คน ได้เข้ามาวางพวงหรีดเปิดเครื่องขยายเสียงและชูป้าย มีถ้อยคำเสียดสีศาลแพ่ง อันเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 อนุ 1 และ มาตรา 33
ข้อเท็จจริงฟังประกอบการเปิดภาพวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าว มีกลุ่มคน130 คนมาชูป้ายคัดค้านและเสียดสีศาลแพ่ง กรณีเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา นายถาวร เสนเนียม เป็นโจทก์ฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรกับพวก ให้เพิกถอน พรก.ฉุกเฉินฯและศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ผู้ถูกล่าวหาทั้งสามกับพวกจึงมาวางพวงหรีดและใช้โทรโข่ง ตะโกนเอะอะเสียงดัง ส่งเสียงอื้ออึง มีป้ายความว่า”แด่ความอยุติธรรม” ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และ 3 ยอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับคนในภาพ และแถลงขอถอนคำให้การปฏิเสธทั้งหมด กับแถลงรับสารภาพ และอ้างว่าไม่รู้จักกับหญิงชุดดำที่ถือตราชูและปลัดขิก
จึงมีคำสั่งว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และ3 มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ลงโทษจำคุก 2 เดือน คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกคนละ1 เดือน คดีนี้เป็นการกระทำอุกอาจ ท้าทายศาล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย และผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 เป็นทนายความ ย่อมมีความรู้ดีว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการประพฤติไม่สมควร ทำให้ศาลได้รับความเสื่อมเสีย จึงควรลงโทษเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง จึงไม่สมควรรอการลงโทษ จากนั้นผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองจึงยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว
นายพิชา กล่าวว่า ตนยอมรับว่ามาร่วมอ่านคำแถลงหน้าศาลจริง แต่ทำไปเนื่องจากไม่เห็นด้วยคำพิพากษาศาลแพ่งที่ออกข้อกำหนด 9 ข้อคุ้มครอง กลุ่ม กปปส. อย่างไรก็ตามเมื่อศาลมีคำสั่งออกมาก็ยอมรับและจะอุทธรณ์คำสั่งต่อไป โดยได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 5 หมื่นบาทขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์สู้คดี ภายหลังศาลพิจารณาอนุญาตให้ประกันตัวได้

ไม่มีความคิดเห็น: