PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2560

เสียราคาอำนาจพิเศษ

เดือดร้อนมวยรุ่นใหญ่ต้องวางท่า รักษาฟอร์มไว้ก่อน

ล่าสุด “เบอร์หนึ่ง” ฝ่ายความมั่นคงอย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ
รมว.กลาโหม ยืนยันเสียงเข้มเลยว่า รัฐบาลยังไม่ยกเลิกมาตรา 44 คุมวัดพระธรรมกาย

เนื่องจากการข่าวมีมือที่สามแทรกซึมอยู่ในพื้นที่

อยู่ระหว่างการตรวจสอบอดีตแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองที่เข้าไปแทรกแซงการเคลื่อนไหวของเครือข่ายธรรมกาย และจะดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

นั่นหมายความว่า ยุทธการสยบธรรมกาย ยังไม่ม้วนเสื่อกลับบ้านซะทีเดียว

ตามท้องเรื่องที่พวกฮาร์ดคอร์ บรรดาคอหนังซาดิสต์ ยังได้ลุ้นฉากเสียวๆในการไล่ล่าเจ้าลัทธิ “ชิตังเม โป้ง” อยู่

“ผู้กำกับคิวบู๊” อย่าง “บิ๊กป้อม” บอกให้ดูตอนต่อไป

แต่นั่นก็สวนทางกับภาพข่าวที่กรมสอบสวนคดีพิเศษคว้าน้ำเหลวในการลุยค้นสถานที่ต้องสงสัยจะเป็นที่หลบซ่อนของอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย

เจอแค่เสื้อยืดสไตล์แบบที่เจ้าสำนักจานบินชอบใส่ ทิ้งไว้ให้ดมกลิ่น

ตามข้อมูลต่อเนื่องจากที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ แบไต๋ผู้ต้องหาหนีหมายจับคดีฟอกเงิน อาจทุบกำแพงหนีไปแล้วตั้งแต่ช่วงชุลมุนใหม่ๆ

ดีเอสไอยังออกแรงให้เห็นความพยายามอย่างเต็มที่

เรื่องของเรื่อง ณ นาทีนี้ แบบที่คนทางบ้านเห็นๆกัน ดาบอาญาสิทธิ์มาตรา 44 ไล่ตามได้แค่เงา “ธัมมชโย” ยุทธการลุยปราบอาณาจักรธรรมกายไปไม่ถึงสุดซอย

ตามฉากที่ทหาร ตำรวจ ดีเอสไอ ต้องถอยกลับกลางคัน

เสียทั้งงบประมาณ เสียทั้งแรง เสียทั้งฟอร์ม เสียทั้งหน้า

นั่นไม่เท่ากับ “เสียราคา” อำนาจพิเศษ

โดยภาวะทางกระแส ทำดาบอาญาสิทธิ์มาตรา 44 ลดความขลังลงไปหลายขีด

ตามรูปการณ์แบบที่นายวีระ สมความคิด ประกาศดังๆผ่านโซเชียล บอกตำรวจไม่ต้องเสียแรงมาตามจับ

เพราะจะเดินทางเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาเองที่โรงพัก ยักไหล่ไม่ยี่หระที่โดนคดีผิด

พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฐานทำโพลวัดคะแนนนิยมรัฐบาลทหาร คสช.ผ่านเฟซบุ๊ก

ปล่อยตัวเลขกระตุกต่อมฉุนคนโตในรัฐบาล

แถมซัดผู้มีอำนาจหวังใช้ พ.ร.บ.คอมพ์ปิดปากให้คนหวาดกลัวไม่กล้าวิจารณ์

ในสถานการณ์ที่ “เสี่ยไก่” นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีคนดังของพรรคเพื่อไทย ก็ได้ทีโพสต์เฟซบุ๊กจี้ให้ยกเลิกมาตรา 44 คุมวัดพระธรรมกาย แขวะหัวหน้า คสช.ใช้อำนาจสั่งปิดล้อมวัด ห้ามประชาชนและพระสงฆ์เข้าออก ยึดอาหารพระ ตัดสัญญาณการสื่อสาร สูญเสียงบประมาณ สังเวยชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ไป 2 ราย

เพียงเพื่อนำตัวผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาจึงเกินความจำเป็น และเป็นความจริงที่ถูกบิดเบือนใน

กรณีธรรมกายทำให้ไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่นนอกจากรัฐบาลมีเจตนาแอบแฝง

“วีระ-วัฒนา” 2 “ตัวแสบ” ในโพยของรัฐบาลทหาร คสช.

กล้าแสดงตัวท้าทายแบบไม่กลัวของแข็ง

โดยปรากฏการณ์เร้าแรงเสียดทาน คสช.ถือเป็นปฏิบัติการ “นำร่อง” พวกที่จ้องจังหวะกลับมาเขย่าเกมอำนาจพิเศษที่ถูกกระบองยักษ์มาตรา 44 กดหัวไว้

ต่อไปนี้คงมีรายการแหย่ ยั่วท็อปบูตเป็นระลอก

ในเมื่อรัฐบาลทหารมีอาการสะดุด “อำนาจพิเศษ” ให้เห็น

ยิ่งเป็นอะไรที่มีช็อตให้ต้องวัดใจการใช้อำนาจพิเศษอีกครั้ง ตามคิวล่าสุดที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปของครอบครัวอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังจะหมดอายุความ มาหารือก่อนยกคณะเข้ารายงาน “นายกฯลุงตู่”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.

โดยมีข้อสรุปว่า ที่สุดก็ต้องให้รัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจ

ที่แน่ๆ นายวิษณุบอกปัดเลยว่า รัฐบาลจะไม่ใช้อำนาจมาตรา 44 ขยายอายุความออกไปตามที่มีข้อเสนอจากหลายฝ่าย ยืนยันรัฐบาลจะไม่ทำอะไรที่ฝ่าฝืนหลักนิติธรรม

ปมธรรมกายยังหาทางกลับไม่เจอ จะให้ย่ำซ้ำรอยก็บ้องตื้นแล้ว.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: