PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ต้องสลับกล้ารึเปล่า?

ต้องสลับกล้ารึเปล่า?

พลันที่วันพิพากษาคดีจำนำข้าวนัดชี้ชะตา 25 สิงหาคม อารมณ์ “ผวาม็อบ” ก็กำเริบทันควัน

ตามปรากฏการณ์ที่ “หน่วยข่าวไม่ได้กรอง” เจ้าเดิม ยี่ห้อ “สมชาย แสวงการ” สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แตะมือกับ “ไพศาล พืชมงคล” กรรมการผู้ช่วยรองนายกฯ

รีบ “ปล่อยของ” อ้างความเคลื่อนไหวของอดีต ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทย ปลุกระดมมวลชน เตรียมกดดันการตัดสินคดีจำนำข้าวของศาลฎีกาฯ

สะท้อนอาการ “ตื่นตูม” ของ “ต้นสังกัด” ในฝ่ายคุมเกมอำนาจ

รับกับจังหวะที่แหล่งข่าวไม่ประสงค์ออกนาม ปล่อยข้อมูลอ้าง “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. ได้สั่งให้กองกำลังรักษาความสงบตามประกบความเคลื่อนไหวของทุกกลุ่มทุกฝ่ายในห้วง 1 เดือนจนกว่าจะถึงวันตัดสินของศาล

ทหารขยับเกาะติดเกมมวลชน ล้อไปกับเสียงขู่ของขาเฮี้ยวอย่าง “เสี่ยไก่” นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีคนดังพรรคเพื่อไทย ประกาศจะไม่ปล่อยอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “ตายเดี่ยว”

เร้าฉากบู๊วัดดวง วัดใจ ตามฟอร์มของฝ่ายโดนต้อนจนมุม

อย่างไรก็ตาม ลำพังปมคดีจำนำข้าวก็คงกระตุกอารมณ์ได้แค่กองเชียร์ของ “น้องปู” เครือข่ายเสื้อแดง นปช.และพรรคเพื่อไทย

แค่เผยอ “ลิ้นไก่” ก็เห็นเข้าไปถึงไส้ติ่ง คนส่วนใหญ่ยังชั่งใจ

แต่จุดอันตราย “หัวเชื้อ” ไวไฟจุดม็อบของจริง มันอยู่ตรงสถานการณ์ที่นักการเมืองอาชีพทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยช่วยกันตีปี๊บ ประจานการแก้ปัญหาราคา

พืชผลเกษตรของรัฐบาล คสช. กระตุ้นจุดเดือดของเกษตรกรและชาวบ้านที่กำลังลำบากปากท้อง
นี่ต่างหากที่มันกำลังจะไหลเป็นขนมผสมน้ำยา

ยิ่งภาวะที่สอดคล้องกับกระแสชนชั้นกลาง ล่าสุด “นิด้าโพล” เชียร์ให้ปรับ ครม. ด้วยเหตุเพราะคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันยังทำงานและแก้ไขปัญหาได้ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ

โพลตอกย้ำสถานการณ์น่าห่วงในเชิงบริหารของรัฐบาล คสช.

ในมุมของคนนอกที่เสพข้อมูลจากข่าว ก็มุ่งไปที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง หงุดหงิดกระทรวงเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องตรงกับปัญหาปากท้อง

แต่ข้อมูลวงในที่รู้กันเต็มอกของคนที่รับผิดชอบสูงสุดในการบริหาร จุดที่ลงล็อก

ที่สุดในมุมของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. อยากให้เป็นดั่งใจนึก
แต่ก็ยังติดลูกเกรงใจ ไม่กล้าหักดิบในเชิงปฏิบัติจริง

กับการปรับเก้าอี้ สลับฉากกันระหว่าง “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กับ “พี่รอง” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

แน่นอน พล.อ.ประวิตร อาจจะติดความเป็นทหารอาชีพ ทำให้อิดๆออดๆ แต่ด้วยเงื่อนไขความจำเป็นเร่งด่วนของมหาดไทยที่คุมผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการบริหารร่วมกับทุกกระทรวง

ตามรูปการณ์ต้องใช้มือประสานอย่าง “พี่ใหญ่” ที่มากบารมี กล้าตัดสินใจ ทำงานไว ไปแก้วัฒนธรรมองค์กรของ “เสือซุ่ม สิงห์เงียบ” ที่ขึ้นชื่อเรื่องกั๊กอำนาจ หวงงบประมาณ ห่วงเงินทอน

ถือเป็นจุดติดขัดหนักสุดในการขับเคลื่อนการบริหารของรัฐบาล

งานไม่เดิน มีแต่นักวิ่ง จมูกไว แบบที่ไม่ทันไร ผู้ว่าฯจังหวัดใหญ่ในแถบอีสานใต้ รีบประกาศจองเก้าอี้อธิบดีกรมที่ดิน ตั้งแต่มีข่าวเจ้านายสายตรงอย่าง “บิ๊กป้อม” จะสลับขั้วไปนั่ง มท.1

ถ้ายังไม่ปรับจูนมหาดไทย ส่งผลต่อสุขภาพรัฐบาลแน่

และกับปมอันตรายสดๆร้อนๆ โครงการ “9101 ตามรอยเท้าพ่อเพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน” ที่มีกลิ่นโชยมาแต่หัววัน ตามข้อมูลของจอมแฉอย่างนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ปูดรายการสวาปาม “เงินทอน” ผลิตดอกไม้จันทน์

อ้างเหตุเกิดที่อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ ที่ได้เงินหมู่บ้านละ 2.5 แสนบาท จากงบฯแจกจ่ายให้ตำบลละ 2.5 ล้าน มีการโอนเงินให้องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ละ 8 หมื่นบาท แต่ให้ส่งคืนจังหวัดด้วยเงินสด 5,000 บาท และคืนอำเภอ 3,000 บาท

ฝากให้รัฐบาลตรวจสอบด่วน เพราะหากทำจริงก็ถือว่าชั่วสิ้นดี

มันเป็นอะไรที่เข้าจุดโฟกัสพอดี โครงการและงบฯของกระทรวงเกษตรฯที่คาบโยงกับกระทรวง
มหาดไทยในฐานะฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่

เจอปม “เงินทอน” ร้อนๆแบบนี้ เสียววาบทั้งรัฐบาลก็แล้วกัน.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: