PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

บทเปรียบเทียบ 'วิญญูชน-ทุรชน'

นปช.-กปปส.".............
อ่านตัวอย่าง "ข้อสอบเฉลย" นี่หน่อย!
อ่านแล้วจะรู้ "ผลสอบ" ตัวเองเมื่อปี ๕๓ และปี ๕๖-๕๗ โดยเทียบเคียงชัดแจ๋ว!
".........จำเลยทั้งหกซึ่งมีการศึกษาต้องรู้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการผิดกฎหมาย ทำให้เสียทรัพย์ราชการ ส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน
ซึ่งกระทบต่อเนื่องถึงประโยชน์สาธารณะ เลยขอบข่ายการแสดงออกทางประชาธิปไตย
อย่างไรก็ดี การกระทำของจำเลยทั้งหกไม่ได้มุ่งเน้นประโยชน์ส่วนตน และไม่ได้ประทุษร้ายบุคคล
อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยคนละ ๒ ปี โดยไม่รอลงอาญานั้นหนักเกินไป
เห็นควรปรับบทลงโทษให้เหมาะสม พิพากษาแก้เป็นจำคุกจำเลยคนละ ๑ ปี ไม่รอลงอาญา
โดยคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ ๑ ใน ๓
คงจำคุกจำเลยคนละ ๘ เดือน ไม่รอลงอาญา"
นี่คือส่วนหนึ่งของ "คำตัดสินศาลอุทธรณ์" เมื่อวาน (๒๔ ก.ค.๖๐) ในคดีแกนนำพันธมิตรฯ บุกทำเนียบรัฐบาล เมื่อปี ๕๑
จำเลยทั้ง ๖ ............
"พลตรีจำลอง ศรีเมือง, สนธิ ลิ้มทองกุล, พิภพ ธงไชย, สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, สมศักดิ์ โกศัยสุข และ สุริยะใส กตะศิลา"
รวมทั้งชนชาวพันธมิตรฯ ทั้งที่ไปและไม่ได้ไปร่วมฟังคำตัดสินเมื่อวาน
ต่างน้อมรับคำตัดสินนั้น "ด้วยเคารพต่อศาล" โดยไม่มีปฏิกิริยาต่อต้าน-โต้แย้งใดๆ
ศาลแจกแจง แยกแยะแจ้งชัด เป็นคำตัดสิน "สถิตยุติธรรม" ถึงพร้อมด้วยบรรทัดฐานกฎหมาย บรรทัดฐานคุณธรรม
และรับรู้ถึงมโนสำนึกแห่งชนผู้ "ยอมทำผิด"
เพื่อให้ผิดนั้น............
เป็นผิดเพื่อพิทักษ์ "ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์" จากทุรชนที่มุ่งโค่นชาติ ล้มสถาบัน ในเวลานั้น
ทั้งหลาย-ทั้งปวง ที่แกนนำพันธมิตรฯ ทำลงไป ตัวเองพร้อมตาย แต่ฝ่ายตน ไม่ยอมกระทำใดๆ ในทางทำลายและประทุษร้ายใครๆ
เห็นได้จริง ดังคำตัดสินที่ว่า.........
"การกระทำของจำเลยทั้งหกไม่ได้มุ่งเน้นประโยชน์ส่วนตน และไม่ได้ประทุษร้ายบุคคล"
ขณะนี้ ศาลอนุญาตให้จำเลยทั้ง ๖ ได้ประกันตัวไปสู้ชั้นฎีกาต่อไปแล้ว
ไม่มีใครออกมาฮึ่มแฮ่ ด้วยอ้างบุญคุณทำเพื่อชาติ
ไม่มีใครออกมาพูดว่า "ไม่ได้รับความเป็นธรรม"
ไม่มีใครนัดหมายแสดงพลัง-สร้างวลีเสียดสีศาล
ไม่มีใครบีบน้ำตา-บ้าน้ำลาย เป็นอีบ้า-ไอ้เบื๊อกเถลือกไถล
แกนนำ นปช.-แดงระบอบทักษิณทั้งหลาย โปรดดูเป็นตัวอย่าง
และใช้สำนึกแห่งมนุษย์ ลำดับพฤติกรรมแห่งตน ในการชุมนุม ก่อจลาจล วินาศกรรม-เผาบ้าน-เผาเมือง.......
บุกโรงพยาบาล-บุก กกต.-บุกโรงพัก-บุกค่ายทหาร-บุกรัฐสภา-ฆ่าตำรวจ-ทหาร-ชาวบ้าน ตั้งแต่ปี ๕๒-๕๓
ว่าการกระทำเหล่านั้น เข้าข่าย..........
"ผิดกฎหมาย ทำให้เสียทรัพย์ราชการ ส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน กระทบต่อเนื่องถึงประโยชน์สาธารณะ เลยขอบข่ายการแสดงออกทางประชาธิปไตย หรือไม่?"
"เป็นการกระทำมุ่งเน้นประโยชน์ตน เมื่อกูอยู่สุขไม่ได้ ใครก็อย่าหมายจะได้อยู่เป็นสุข
อีกทั้ง ที่เหี้ยมเกรียม-เกรี้ยวกราดกันช่วงนั้น มีการกระทำถึงขั้นประทุษร้ายถึงชีวิตทั้งต่อบุคคลและต่อประชาชนหรือไม่?"
เนี่ย....ลำดับเรื่องที่ทำไว้ .........
แล้วเทียบเคียงกับบรรทัดฐานยุติธรรมจากคำตัดสินนี้ดู ก็พอจะรู้ได้ ว่าที่ทำกันลงไปนั้น
ผิดหรือไม่ผิด เข้าข่ายคุก หรือไม่เข้าข่าย?
แม้กระทั่ง กปปส.ก็ประยุกต์คำตัดสินนี้เป็น "ข้อสอบเฉลย" ได้เช่นกัน
ว่าที่มวลมหาประชาชนนับสิบล้านตบเท้าออกมาชุมนุมชนิด "แก้วซักใบก็ไม่แตก" เมื่อปี ๕๖-๕๗ นั้น
ผิดหรือไม่ผิด มีตรงไหนเข้าข่ายคุกหรือไม่เข้าข่าย?
๒๔๙๙ เป็นยุค "อันธพาลครองเมือง"............
แต่พอ ๒๕๐๐ "จอมพลสฤษดิ์" ครองเมือง บรรดาอันธพาลแตกกระสานซ่านหนี
ยอม "กลายพันธุ์" ให้ตัวเอง ก่อนถูกจอมพลสฤษดิ์ "สลายพันธุ์" ให้!
๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๐ ที่จะถึงนี้..........
ใครยังคิดจะเป็น "อันธพาลครองเมือง" ก็ลองดู ว่าพลเอกประยุทธ์ ในฐานะผู้นำ "รัฐบาลทหาร"
จะสลายพันธุ์ได้เหมือนจอมพลสฤษดิ์หรือไม่?
ผมดูๆ นะ ..........
นักกฎหมายที่ระบอบทักษิณขุนไว้ มีทั้งอดีตอัยการ อดีตอธิการมหาลัย อดีตผู้พิพากษา และนักกฎหมายจากฝรั่งเศส-เยอรมัน
ในยามหน้าสิ่ว-หน้าขวาน แทนที่จะทำตัวเป็นที่พึ่งทางกฎหมาย พูดจาให้คนเครือข่ายได้เข้าใจ เป็นไปในทางเคารพ-เอื้อเฟื้อต่อสถาบันศาล
กลับออกมาร่วมตะแบงในทางว่า นายกระโปรงข้าถูกยุติธรรมรังแก บางถ่อยใช้ตรรกะระยำปลุกระดมถึงขั้นว่า .........
ความยุติธรรมจากคน ๙ คน ๑๐ คน หรือจะสู้ความยุติธรรมจากคน ๑๐ ล้าน!
คนไม่มีการศึกษา คนบ้านป่า-เมืองเถื่อน ก็ไปอย่าง แต่พวกนี้ มีการศึกษา ข้าวแดงแกงร้อนจากรัฐราดหัว เคยมีอำนาจทางราชการ
แต่จิตสำนึกแห่งคน แม้สักนิดก็ไม่มี
ที่ทักษิณเคยพูดกับผมถึงบางคนที่เคยใหญ่โตด้วยอำนาจกฎหมายว่า..........
"พี่...พวกนี้ 'คนของผม' ทั้งนั้น"!?
ผมนึกว่าทักษิณโม้ แต่พอเกษียณ จาก "สูงสุด" ที่แอบขึ้นลิฟต์ลับตึกชินเป็นอาจิณ
ก็เปิดตัว "ต่ำสุด" มาเป็นขี้ข้าจากตำแหน่งล่อ ทำหน้าที่ฟอกถ่าน-แก้ต่างให้ระบอบทักษิณ
ก็จริงของเขา.....
ทักษิณไม่ได้โม้ เงินซื้อ "คนรัฐ" ให้คอยทำคดเพื่อเขาได้ ก็ไม่เข้าใจ คนระดับนี้ ทำไมอัปรีย์บริสุทธิ์ได้ยืนยง?
คนทั่วไปยังเข้าใจว่า ........
ถ้า ๒๕ สิงหา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก
"ยิ่งลักษณ์" ต้องเข้าคุกทันที!
ไม่ใช่อย่างนั้น ตามรัฐธรรมนูญ ฉบับ ๒๕๖๐ ศาลฎีกาฯ นักการเมือง ให้อุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ ยังไม่เข้าคุกทันที
เหมือน ๖ แกนนำพันธมิตรฯ เมื่อวาน ถึงต่างศาล แต่กฎหมายให้โอกาสทัดเทียมกัน
คดีพันธมิตรฯ ถูกจำคุก ๘ เดือน ไม่รอลงอาญา หมายความว่า ต้องเข้าคุกสถานเดียว
แต่ยังไม่ต้องเข้า ยังมีศาลฎีกาให้สู้ต่อได้อีกศาล
ก็ประกันตัวไปสู้ต่อ!
เรื่องอย่างนี้ แทนที่นักกฎหมายระบอบทักษิณจะอธิบายให้นายหญิงทูนหัวและสมุนไพร่ได้เข้าใจ ก็เฉไฉซะ
เอะอะปลุกวิญญาณ "อันธพาลครองเมือง" ท่าเดียว หรือเป็นวิธีฉวยโอกาสเพื่อ "วางบิล" เรียกเก็บหลังจากนั้น?
ทั้งคดียิ่งลักษณ์-คดีบุญทรง "ถ้าติด" อุทธรณ์ได้
ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญานักการเมือง ที่ผ่าน สนช.ไป ๑๐ กว่าวันก่อน
"มาตรา ๖๐ ในกรณีที่จำเลยซึ่งไม่ได้ถูกคุมขังเป็นผู้อุทธรณ์ จำเลยจะยื่นอุทธรณ์ได้ต่อเมื่อแสดงตนต่อเจ้าพนักงานศาลในขณะยื่นอุทธรณ์ มิฉะนั้น ให้ศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์"
นี่ไง คำตอบในประเด็นที่พูดกัน......
"ยิ่งลักษณ์จะหนี-ไม่หนี ยิ่งลักษณ์กล้าอยู่เสี่ยงคุกเลยหรือ"?
ก็จะรีบถลกตูดหนีทำไม ขืนหนีก่อน ๒๕ สิงหา แทนที่จะได้ตีบทแตกอีกรอบ กลับซวยหนักขึ้น
เพราะมาตรา ๖๐ ปิดประตูล่วงหน้าไว้แล้ว คือในการอุทธรณ์ จะมอบทนายทำแทนเหมือนก่อนไม่ได้แล้ว
จำเลยต้องไปปรากฏตัวต่อเจ้าพนักงานศาลด้วย ไม่งั้นศาลไม่รับอุทธรณ์!
เมื่อก่อน ต้องมี "ข้อมูลใหม่" จึงอุทธรณ์ได้ แต่ตอนนี้ อุทธรณ์ได้ทุกกรณี ทั้งด้านข้อกฎหมาย ด้านข้อเท็จจริง
มาตรา ๖๓ "กฎหมายลูก" บอกว่า ...........
"ในคดีเรื่องใด หากมีปัญหาข้อกฎหมาย ที่ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้แตกต่างกัน ผู้พิพากษาคนหนึ่งคนใดในองค์คณะพิจารณาคดีนั้น หรือประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกาจะเสนอประธานศาลฎีกาเพื่อพิจารณาให้มีการวินิจฉัยปัญหานั้น โดยที่ประชุมใหญ่ก็ได้............ฯลฯ......."
ฉะนั้น แดง-ดำ ทั้งหลาย ถ้ามีพวกอดีต ส.ส. พวกแกนนำ พวกไพร่ไปปลุกระดม ชักชวนมาฟังคำตัดสินบังหน้า เจตนาระดมพลป่วนเมืองในวันที่ ๒๕ สิงหา
ก็อย่าไปเชื่อมัน นอนให้กำลังใจอยู่กับบ้านนั่นแหละ!
ยิ่งลักษณ์รู้อยู่แล้ว ว่าอุทธรณ์สู้ต่อ ยืดเวลาคุกได้ จะต้องรีบหนีทำไม
ขืนหนี ซวยตลอดชาติเหมือนพี่ชาย คดีไม่นับอายุความแล้ว กลับมาเข้ากระบวนการศาลวันไหน จึงจะนับอายุความวันนั้น
นอกจากหมดสิทธิ์อุทธรณ์แล้ว........
ตามกฎหมายใหม่ ถึงจำเลยหนี ศาลก็พิจารณาคดีลับหลังได้
พอเข้าใจกันแล้วกระมัง ที่อยู่ ไม่ใช่โฉมยงไม่กลัวคุก
หากแต่ติงต๊องขนาดไหน ก็ยังพอเข้าใจ อยู่-ยังอุทธรณ์ "ยืดเวลาคุก" ได้ ขืนหนี........
หน่อย "ยึดพรรค" ไปกินแน่!

ไม่มีความคิดเห็น: