PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

นักเลงโบราณ โดย ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์

วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20:00:58 น

ผมอายุหกสิบกว่าแล้ว เริ่มเข้าเขตของคนชรา จึงมักคิดย้อนหลังถึงเรื่องราวในอดีตและนำมาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน

เมื่อสี่ห้าสิบปีก่อน ผมยังอยู่ในวัยฉกรรจ์ สังคมไทยยุคนั้นนิยมอ่านนวนิยายที่เป็นเรื่องของลูกผู้ชายชาตรีที่เขียนโดยนักประพันธ์ชื่อดัง เช่น อรวรรณ (อกสามศอก, ชาติอาชาไนย) พนมเทียน (เล็บครุฑ, เพชรพระอุมา) ส.เนาวราช (เหยี่ยวราตรี) เศก ดุสิต (อินทรีแดง) ป.อินทรปาลิต (เสือใบ, เสือดำ) จ.ไตรปิ่น (ไอ้หน้าบาก) และอีกมากมายจาระไนไม่หมด 

ผมเองก็ติดตามอ่านนวนิยายเหล่านี้ด้วยความสนุกสนาน ดื่มด่ำ ซาบซึ้ง จนซึมซับเข้าไปในอุปนิสัยใจคอ ก่อให้เกิดค่านิยมที่อยากเป็นอย่างตัวเอกในนวนิยาย เป็นลูกผู้ชายในอุดมคติที่รักความเป็นธรรม รักษาคำพูด เสียสละ และกล้าหาญ นิยมการต่อสู้แบบซึ่งๆ หน้า ตัวต่อตัว ไม่อยากถูกประณามว่าเป็นหมาลอบกัดหรือหมาหมู่ ซึ่งหมายถึงลอบทำร้ายลับหลัง หรือใช้พวกมากรุมสกรัมฝ่ายตรงข้ามที่อาจจะเหลืออยู่เพียงแค่ตัวคนเดียวเท่านั้น 

ลูกผู้ชายที่ดีจะไม่ทำร้ายผู้หญิงซึ่งเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า มิฉะนั้นจะถูกเรียกขานว่า "ไอ้หน้าตัวเมีย" (ยกเว้นผัวเมาเหล้าพลั้งมือทำร้ายเมียแล้วสำนึกเสียใจเมื่อสร่างเมาจนต้องคุกเข่าขอโทษ) ที่สำคัญก็คือ ลูกผู้ชายจะไม่หยามน้ำใจลูกผู้ชายด้วยกัน ถ้าเรารักศักดิ์ศรีของเรา คนอื่นก็รักศักดิ์ศรีของเขาเหมือนกับเรา จึงต้องให้เกียรติกัน เคารพศักดิ์ศรีซึ่งกันและกัน เช่น จีบผู้หญิงคนเดียวกันได้ แต่เมื่อหญิงสาวตกลงปลงใจแต่งงานกับใคร ผู้ชายอื่นๆ ก็จะไม่ไปเกาะแกะยุ่งเกี่ยวด้วยอีก มิฉะนั้นจะถือเป็นการหยามน้ำหน้าที่ให้อภัยกันไม่ได้ ค่านิยมของความเป็นลูกผู้ชายนี้ยังส่งผลให้ผู้ชายที่เรียบร้อยเกินไปหรือทำตัวกระตุ้งกระติ้งจะถูกล้อว่าเป็นกะเทย ซึ่งคนที่ถูกล้อก็ฮึดสู้ไปเรียนวิชาหมัดมวย แล้วกลับมาท้าชกกับคนที่ล้อเลียนเพื่อล้างอาย

นอกจากผมแล้ว ผู้ชายส่วนใหญ่ในยุคนั้นต่างก็ยกย่องและยึดถือในค่านิยมนี้เช่นเดียวกัน แต่เมื่อกาลเวลาผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ผมรู้สึกว่า ค่านิยมที่ดีนี้เลือนหายไปอย่างน่าเสียดาย สังเกตได้จากข่าวที่นักเรียนยกพวกรุมทำร้ายนักเรียนต่างสถาบัน ใช้คนมากรังแกคนน้อย ใช้มีดกับคนมือเปล่า ใช้อาวุธที่เหนือกว่าเอาเปรียบฝ่ายตรงข้าม ใช้ปืนและระเบิดจนคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องพลอยโดนลูกหลงบาดเจ็บล้มตายไปด้วย 

พฤติกรรมต่ำช้าเหล่านี้ไม่ใช่การกระทำของนักเลงที่แท้จริง แต่เป็นพฤติกรรมของอันธพาลซึ่งเกิดขึ้นจากการขาดความภาคภูมิใจในตนเอง ขอเพียงให้บรรลุเป้าหมายก็ทำได้ทุกอย่าง ดูเผินๆ เหมือนกล้าแกร่ง แต่ความจริงแล้วขี้ขลาด ไม่กล้าดวลกันตัวต่อตัวแล้วจบกันแค่นั้น ยืดอกยอมรับผลแพ้ชนะอย่างลูกผู้ชาย โดยไม่ต้องระแวงว่าอีกฝ่ายจะย้อนกลับมาแก้แค้นอีก

จะเห็นได้ว่า การมีค่านิยมที่ดีนั้นช่วยสนับสนุนให้เกิดพฤติกรรมที่พึงประสงค์ ตรงกันข้าม การขาดค่านิยมที่ดีทำให้ไม่มีอะไรคอยเหนี่ยวรั้งการกระทำที่ไม่เหมาะสม กลายเป็นสังคมที่ผู้คนป่าเถื่อน ไร้ยางอาย เจ้าเล่ห์เพทุบาย ทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้ ตระบัดสัตย์ ทรยศหักหลัง... 

มองไปก็เวิ้งว้างวังเวง...ทุกวันนี้ จะมีนักเลงจริงแบบโบราณหลงเหลืออยู่สักกี่คน!?

ไม่มีความคิดเห็น: