PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

'ตลาดหลักทรัพย์กับ CPALL' เปลว สีเงิน

'ตลาดหลักทรัพย์กับ CPALL' เปลว สีเงิน
ผมดูการจัดการของผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ไทย ต่อกรณีผู้บริหาร CPALL ใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้นสยามแม็คโคร จบแค่ "ปรับ" ..........ก็อยากจะถาม
"ที่บ้านเมืองเกือบล่มจมต่อหน้า-ต่อตาทุกวันนี้ นั่นไม่เพราะ 'คนพวกหนึ่ง สมประโยชน์' กับพวกโจรดอกหรือ?"
กรณี CPALL ซึ่งเป็นบริษัทมหาชน มีหุ้นซื้อขายอยู่ในตลาด...........
แล้ว ตลท.ก็ดี ก.ล.ต.ก็ดี บริหารให้เกิด "ความโปร่งใส" ด้านธรรมาภิบาลไม่ได้
ก็ลองตอบซิ อะไรจะเกิดตามมา?
เรื่องความโปร่งใสในตลาดหุ้น แค่นักลงทุนระแวง...แค่นั้น ความวินาศสันตะโร ก็ตั้งเค้าแล้ว!
และนี่.....ตลท.และ ก.ล.ต.กำลังทำให้นักลงทุนทั้งไทย-ทั้งเทศเชื่อว่า ทั้ง ตลท.และ ก.ล.ต. "เชื่อง" อยู่ใน CPALL ตามที่ส่วนใหญ่เชื่อ
เพราะนายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) แถลงวันก่อน
"ไม่ทราบว่าการเข้าซื้อหุ้นสยามแม็คโครเป็นความผิดตามกฎ ก.ล.ต.ซึ่งผมได้ชำระเงินเปรียบเทียบปรับ เพื่อจบเรื่อง เพราะหากไม่รับ ต้องสู้คดีชั้นศาล ทำให้ไม่สามารถเป็นคณะกรรมการบริษัทได้"
แล้วมันก็ "จบ" อย่างที่นายก่อศักดิ์พูดจริงๆ!
ผมดูเฉยๆ มาครึ่งเดือน วันนี้ ต้องขอคุยหน่อย
ถ้าระดับ CEO บริษัทมหาชน พูดง่ายๆ ผู้บริหารทุกบริษัท ที่มีหุ้นซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ
อ้าง "ไม่รู้กฎหมาย" เหมือนนายก่อศักดิ์ แล้วถือเคสนายก่อศักดิ์เป็นบรรทัดฐาน ...อินไซด์ ยอมให้ปรับก็จบ
แล้วพากันใช้ข้อมูลภายใน ปั่นหุ้น ซื้อ-ขายรวยกันเองยกใหญ่ เป็นพันล้าน-หมื่นล้าน บนความฉิบหายนักลงทุนทั่วไป
ถูกจับได้...ก็อ้าง "ผมไม่ทราบว่าเป็นความผิดตามกฎ ก.ล.ต.นี่ครับ"!
ถ้าเป็นแบบนี้ทั้งตลาด.........
ตลท.และ ก.ล.ต.คิดมั้ยว่า ความฉิบหายด้วยละเลยธรรมาภิบาล มันจะไม่อยู่ในวงจำกัดแค่ชื่อตลาดหุ้นไทยแค่นั้น
มันจะลามถึงความเป็น "ประเทศไทย" ใน-ภาพรวม บนการประทับ-รับรู้คนทั้งโลก ว่าประเทศไทยล้มละลายทางความเชื่อถือ!?
ใครล่ะ...
เป็นประธานบอร์ดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)?
อ้อ...นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ตัวละครหนึ่งที่มะลำ-มะเลืองอยู่ในวงจรวิกฤติ "ต้มยำกุ้ง" เมื่อปี ๒๕๔๐
แล้วใครล่ะ...
เป็นประธานบอร์ดกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผู้ต้องรักษาคัมภีร์ธรรมาภิบาลเท่าชีวิต
"นายวรวิทย์ จำปีรัตน์"!
เอ้า...รู้กันแล้ว ใคร-เป็นใคร ในความเป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทีนี้มาดูเรื่องราวประกอบกันนิดหน่อย จำกันได้ใช่มั้ย เมื่อต้นเดือนธันวา ๕๘ นี้
ก.ล.ต.ได้รับแจ้งเรื่องจาก ตลท.แล้วคณะกรรมการเปรียบเทียบ จึงมีคำสั่งเปรียบเทียบ
๑.นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ เป็นเงิน ๓๐,๒๒๘,๐๐๐ บาท
๒.นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล เป็นเงิน ๗๒๕,๐๐๐ บาท
๓.นายพิทยา เจียรวิสิฐกุล เป็นเงิน ๙๗๙,๕๐๐ บาท
๔.นายอธึก อัศวานันท์ เป็นเงิน ๑,๔๐๗,๐๐๐ บาท
ทั้ง ๔ คนนี้อาศัยข้อมูลภายใน บางรายล่วงรู้จากการร่วมคณะผู้บริหาร CPALL ที่เข้าร่วมเจรจากับผู้ขายแม็คโคร และบางรายล่วงรู้ เนื่องจากเป็นกรรมการและผู้บริหาร CPALL
๕.นายสมศักดิ์ เจียรวิสิฐกุล และ
๖.นางสาวอารียา อัศวานันท์
กลุ่มนี้ ให้การช่วยเหลือสนับสนุนอินไซด์ ถูกเปรียบเทียบเป็นเงิน รายละ ๓๓๓,๓๓๓.๓๓ บาท
ประเด็นที่ข้องใจกันมาก เอ๊ะ...ยอมรับ ...ปรับ..แล้วจบ เอากันง่ายๆ แบบนี้นะหรือ?
Enron บริษัทยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ ที่คนทั้งโลกเชื่อว่าแข็งแกร่ง-ยิ่งใหญ่ อีกห้าร้อยชาติก็ไม่มีวันล้มนั่นน่ะ จำกันได้มั้ย?
"ถอนโคน" ล้มครืน .......
เพราะเอาเข้าจริง....."รากไม่มี"!
รากคือ ธรรมาภิบาล ซึ่งผู้บริหารเอ็นรอน ทั้งโกง ทั้งแต่งตัวเลข ทั้งปั่นข่าว-ปกปิด-สร้างราคา "ต้มคนทั้งโลก"
ใหญ่ขนาดนั้น "พัง" คาตา เพียงเพราะถูกจับได้ว่า "บริหารไม่มีธรรมาภิบาล"!
มาดูกรณี ผู้บริหาร CPALL ว่า ก.ล.ต.ผู้กำกับหลักทรัพย์ว่าไง....?
".....กรณีแม็คโคร ในส่วนของ ก.ล.ต.ถือว่าสิ้นสุดแล้ว หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการและผู้ถือหุ้นที่จะพิจารณา"
นายรพี สุจริตกุล เลขาฯ ก.ล.ต.ท่านว่างั้น!?
"การเปรียบเทียบปรับผู้บริหารกลุ่ม CPALL หลังใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น MAKRO นั้น ก.ล.ต.ได้ให้โอกาสผู้บริหารชี้แจง ซึ่งกลุ่มผู้บริหารยอมรับว่าเป็นผู้กระทำผิด และยอมรับการเปรียบเทียบปรับ
.....มองว่า เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลที่นำข้อมูลภายในของดีลขนาดใหญ่มาหาประโยชน์ให้ตัวเอง ไม่ใช่เรื่องของบริษัท ทำให้เรื่องความรับผิดชอบจึงมีเพียงการเปรียบเทียบปรับเท่านั้น"
ส่วนนางเกศรา มัญชุศรี ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ บอกว่า....
"การปรับลดระดับธรรมาภิบาลของกลุ่มบริษัทนั้น ไม่ได้เป็นหน้าที่ของ ตลท. แต่ขึ้นอยู่กับสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ที่จะตรวจสอบว่าเป็นเรื่องสมควรหรือไม่
แต่กรณี CPALL เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เมื่อผู้ทำผิดยอมเข้าสู่กระบวนการเปรียบเทียบปรับ ตามที่ ก.ล.ต.กำหนด ถือว่ายุติ แต่หากไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการดังกล่าวตามขั้นตอน จะมีการกล่าวโทษต่อไป"
ก็ชัดเจน....ชัดเจนม้ากกกกกด้วย
ชัดเจนตามมาตรา ก.ล.ต.ว่า สารภาพ...ยอมให้ปรับ...จบ!?
แล้ววานซืน (๒๑ ธ.ค.๕๘) บริษัท CPALL แจ้ง ตลท.เป็นทางการว่า....
"........คณะกรรมการได้พิจารณาว่าพฤติกรรมและผลงานในอดีต รวมทั้งคุณสมบัติและประสบการณ์อันโดดเด่นของบุคคลเหล่านี้ หาทดแทนได้ยาก โดยได้เปรียบเทียบกับผลกระทบและผลประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับ และความเชื่อมั่นว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
คณะกรรมการตรวจสอบและกรรมการอิสระ จึงลงความเห็นว่า ยังสมควรให้บุคคลเหล่านี้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้"
ครับ...เป็นปี่-เป็นขลุ่ย สอดรับกันดีจริง ระหว่าง ตลท.-ก.ล.ต.-CPALL ถึงขนาดนายก่อศักดิ์ ผู้หาใครทดแทนได้ยาก แหงนหน้าแถลงเต็มปาก-เต็มคำ
"ทางเครือซีพีได้รับทราบแล้ว และไม่ได้ว่าอะไร เพราะหากยอมรับการปรับก็จบไป ซึ่งผมยังเป็นคณะกรรมการต่อไป ในทั้งส่วนของ CPALL และ MAKRO"!
เอาล่ะ....จะจบกันไป หรือยังจบไม่ได้ มาดูตรงนี้ดีกว่า.....
ข้อกฎหมายที่ ก.ล.ต.ยกอ้างเปรียบเทียบบุคคลทั้ง ๖ นั้น ใน ๔ คนแรกเข้าข่าย
"ความผิดตามมาตรา ๒๔๑ ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.๒๕๓๕"
มาตรา ๒๔๑ ความวรรคแรกมีว่า......
"ในการซื้อหรือขายซึ่งหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์
ห้ามมิให้บุคคลใดทำการซื้อหรือขายหรือเสนอซื้อหรือเสนอขาย หรือชักชวนให้บุคคลอื่นซื้อหรือขายหรือเสนอซื้อหรือเสนอขายซึ่งหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
ในประการที่น่าจะเป็นการเอาเปรียบต่อบุคคลภายนอก โดยอาศัยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาของหลักทรัพย์ที่ยังมิได้เปิดเผยต่อประชาชนและตนได้ล่วงรู้มาในตำแหน่งหรือฐานะเช่นนั้น
และไม่ว่าการกระทำดังกล่าว จะกระทำเพื่อประโยชน์ต่อตนเองหรือผู้อื่น หรือนำข้อเท็จจริงเช่นนั้นออกเปิดเผยเพื่อให้ผู้อื่นกระทำดังกล่าว โดยตนได้รับประโยชน์ตอบแทน"
........ฯลฯ..............
ส่วน ๒ คนหลัง คือนายสมศักดิ์และ น.ส.อารียา เข้าข่าย.....
"ช่วยเหลือสนับสนุนการกระทำผิด เป็นความผิดตามมาตรา ๒๔๑ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ประกอบมาตรา ๘๖ ประมวลกฎหมายอาญา"
มาตรา ๘๖ ความว่า..........
"ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด ก่อนหรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม
ผู้นั้น เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น"
ครับ....ไม่มีมาตราไหน-วรรคไหนบอก...อ้างไม่รู้กฎหมาย สารภาพ-ปรับ แล้วจบกัน?
ปรับเป็นเรื่อง ก.ล.ต.
แต่อินไซด์ เป็นเรื่องอาญา แม้สารภาพ ก.ล.ต.ก็ต้องทำเรื่องส่งอัยการพิจารณาฟ้องศาล
ไปจบที่ศาล สุดแต่ศาลท่านจะตัดสิน ไม่ใช่จบที่ ก.ล.ต.ตัดสิน
ถ้า ก.ล.ต.บอก มีอำนาจชี้ขาดให้จบตรงนั้นได้
ระวัง....ต้องขึ้นศาลเอง ในฐานะจำเลย ตามมาตรา ๑๕๗!

ไม่มีความคิดเห็น: