PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2558

บิ๊กป้อม เรียกผู้ว่าฯภาคเหนือ ผบ.หน่วย ทหาร-ตำรวจ สั่งการ รับมือภัยมี่นคง ที่ซับซ้อน มีมติเชื่อมโยง ไน-นอกประเทศ

บิ๊กป้อม เรียกผู้ว่าฯภาคเหนือ ผบ.หน่วย ทหาร-ตำรวจ สั่งการ รับมือภัยมี่นคง ที่ซับซ้อน มีมติเชื่อมโยง ไน-นอกประเทศ ลั่น ทหาร -ตำรวจ ขรก. ห้ามขัดแย้งกันเอง เน้นงานการข่าว บังคับใช้กม.จริงจัง แก้ปัญหาให้จบในพื้นที่ แก้มาเฟีย อาวุธสงคราม สี่งขรก. ยึดซื่อสัตย์ สุจริตและโปร่งใส/ควง บิ๊กโด่ง-บิ๊กหมู แทคทีม เดินสายถกผบ.หน่วย มั่นคง ทหาร-ตร.-ผู้ว่า เหนือ สยบข่าวร้าว กำชับดูแลความปลอดภัย ช่วงกิจกรรมสำคัญ และเทศกาล
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯมั่นคง/รมว.กห./รองหน.คสช. นำ บิ๊กโด่ง พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รมช.กห. บิ๊กหมู พลเอกธีรชัย นาควานิช ผบทบ./เลขาฯคสช./รองผอ.รมน. พร้อม บิ๊กติ๊ก พลเอกปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม แทคทีม เดินทางไป กองทัพภาค3 พิษณุโลก ประชุมผบ.หน่วยทหาร ตร. และ ผู้ว่าฯภาคเหนือ เพื่อกำชับกวดขันงานมั่นคง โดยมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รัวสิพราหมณกุล รอง ผบตร. ร่วมทีมไปด้วย บิ๊กปัอม แพคทีม เดินสายเยี่ยมทุกกองทัพภาค ในโอกาสจะปีใหม่ ด้วย มีทั้ง บิ๊กหมู บิ๊กโด่ง ไปด้วยกัน เพิ่อสยบข่าวร้าว โดยสัปดาห์ ที่แล้ว แทคทีม ไป กองทัพภาค2 นครราชสีมา ด้วยกันมาแล้ว
พลตรี คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกห. กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร . ได้นำคณะ อันประกอบด้วย รมช.กห. ปลัดกห. ผบ.ทบ.และ รองผบ.ตร. เดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้กับ เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ กองทัพภาค3 พิษณุโลกโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับหน่วยทหารและตำรวจ ตั้งแต่ ผบ.พันและผู้กำกับสถานีตำรวจในพื้นที่ขึ้นไป ร่วมรับฟัง
ภายหลังรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจและฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ที่ร่วมกันเสียสละทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ด้วยดีมาโดยตลอด
พร้อมเน้นย้ำถึง สถานการณ์ความมั่นคงปัจจุบัน มีความซับซ้อนยิ่งและมีมิติเชื่อมโยงทั้งภายในและต่างประเทศ มีความจำเป็นที่หน่วยงานความมั่นคงต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ
โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างทั่วถึง ความมั่นคงของประเทศจะเกิดขึ้นอย่างยั่งยืน มีความจำเป็นที่ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วน
ดังนั้น การทำงานร่วมกับภาคประชาชนจึงมีความสำคัญยิ่ง ที่ต้องสร้างการตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมกับประชาชนทุกภาคส่วน จนสามารถพัฒนาเป็นเครือข่ายประชาชนร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐในการทำหน้าที่เครือข่ายเฝ้าระวังในทุกพื้นที่ให้ได้ เพื่อแก้ปัญหาสำคัญต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งยาเสพติด การค้ามนุษย์ อาชญกรรมข้ามชาติ และการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของคนในชาติ เป็นต้น
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภาค 3 ซึ่งมีชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกับทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองในระดับพื้นที่ ทั้งในระดับกลุ่มจังหวัด จนถึงระดับตำบลและหมู่บ้านในการดูแลความมั่นคง รวมทั้งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ควบคู่กันไปอย่างทั่วถึงให้ได้ตามนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนึ้ จำเป็นต้องมุ่งบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจัง มีประสิทธิภาพ และสามารถแก้ปัญหาให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จในพื้นที่
เน้นการแก้ปัญหาที่สำคัญได้แก่ ปัญหายาเสพติด การบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ การลักลอบเข้าเมืองผิดกฏหมายและการค้ามนุษย์เป็นพิเศษ
ในระดับจังหวัด ผู้ว่าราชการต้องทำหน้าที่หลักบูรณาการทำงานร่วมกับทุกส่วนราชการในจังหวัด ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขและเป็นที่พึ่งของประชาชน ทั้งความมั่นคงและการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย การทำงานของศูนย์ดำรงธรรมทั้งระดับจังหวัดและอำเภอ ต้องสามารถแก้ปัญหาให้ได้เบ็ดเสร็จในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ
การทำงานของตำรวจในพื้นที่ เน้นการทำงานของกองกำกับการในพื้นที่ ต้องลงพื้นที่ ทำหน้าที่เป็นที่พึ่งของประชาชนให้ได้ ทั้งงานการข่าว การสร้างความเข้าใจกับประชาชน โดยต้องบังคับใช้กฏหมายอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมอย่างจริงจัง ดำเนินการทั้งมาตรการป้องกันและแก้ปัญหาควบคู่กับการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เพื่อให้ปัญหาอาชญกรรมในพื้นที่ลดลงให้ได้
"ขอเน้นย้ำ เป็นนโยบายว่า ข้าราชการต้องไม่ขัดแย้งกับใคร สร้างความสงบสุขและลดความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้น"พลเอกประวิตร กล่าว
รวมทั้งต้องไม่ให้มีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นในพื้นที่ โดยต้องร่วมกันเอ๊กซเรย์ ไม่ให้มีกลุ่มอิทธิลหรือกลุ่มบุคคลใด มีและใช้อาวุธสงครามในครอบครอง หรือมีอำนาจเหนือกฏหมายโดยเด็ดขาด
พร้อมทั้งให้ดำเนินมาตรการข่าวอย่างเข้มข้นในทุกพื้นที่ต่อกลุ่มอิทธิพลใน 16 ฐานความผิดที่กำหนด เพื่อดำเนินมาตรการทางกฏหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป
ขณะเดียวกันก็ขอให้ร่วมกันสร้างความเข้าใจกับประชาชน ถึงนโยบายของรัฐบาล ที่มีความตั้งใจที่จะปฏิรูปและขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้า เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมและวากรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข."
"ขณะเดียวกัน ก็ขอให้ทุ่มเททำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตและโปร่งใส โดยจำเป็นต้องลงไปกำกับดูแลการทำงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
พร้อมทั้ง ขอให้ติดตามการเสนอข้อมูลที่เป็นเท็จ บิดเบือน โดยไม่ยอมให้กลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีกับประเทศ ใช้สื่อนำเสนอเรื่องราวที่เป็นเท็จแก่ประชาชน ให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความแตกแยกของคนในชาติและกระทบต่อสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของประชาชน อย่างเช่นที่เกิดขึ้นในอดีตโดยเด็ดขาด."
พร้อมกันนี้ พลเอกประวิตร ได้ส่งความปรารถนาดีและแสดงความขอบคุณพร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองทุกคนในพื้นที่ ผ่านผู้บังคับหน่วยที่เข้าร่วมประชุมทุกคน

ไม่มีความคิดเห็น: