PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ขบวนการโลกล้อมไทยมาตามนัด..(แนวหน้า)

แผนทรมานสังขารสุมไฟป่วนเมืองเริ่มเห็นผลเข้าทางขบวนการเพื่อแม้วหลังจากที่ก่อนหน้านี้นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สองผู้นำเสื้อแดงเดินเกมยั่วยุคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ด้วยการนัดบุกอุทยานราชภักดิ์โดยอ้างเพื่อตรวจสอบปมทุจริต แต่ถูกทหารคุมตัวแล้วปล่อย จนล่าสุดนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่หน้าเดิม นำโดยนายสิรวิชญ์ เสรีธีวัฒน์ หรือ “จ่านิว” ใช้วิธีเดียวกันคือยกพวกเตรียมบุกอุทยานราชภักดิ์จนถูกทหารคุมตัวเช่นกันซึ่งครั้งนี้แผนขบวนการเพื่อแม้วที่ต้องการจุดกระแสต่อต้านคสช.ทั้งในและนอกประเทศด้วยข้ออ้างว่าเผด็จการรัฐประหารคุกคามสิทธิเสรีภาพฝ่ายประชาธิปไตยเริ่มเห็นผลกลายเป็นปัญหาระดับสากลเข้าทางแผนโลกล้อมไทย

โดยองค์การนิรโทษกรรมสากลซึ่งที่ผ่านมาให้ท้ายขบวนการเพื่อแม้วมาตลอดออกแถลงการณ์โจมตีการคุมตัวนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ว่ารัฐบาลทหารของไทยกำลังใช้อำนาจโดยพลการกับฝ่ายที่ออกมาเคลื่อนไหวอย่างสันติ

แต่ที่ต้องจับตาคือ นายมาร์กแอนดรูว์ เจฟฟรีย์ เคนต์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ที่ทวีตความเห็นเชิงเหน็บแนมการคุมตัวกลุ่มนักศึกษาที่เดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ ด้วยข้อความเปรียบเทียบกับการที่ก่อนหน้านี้คนไทยกว่า 200 คน เดินทางไปประท้วง นายเกล็น ที.เดวี่ส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ที่หน้าสถานทูตสหรัฐเนื่องจากไปเสวนาแสดงความเห็นคัดค้านการลงโทขบวนการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยโทษฐานหมิ่นพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์

เอกอักรราชทูตเมืองผู้ดีกล่าวเหน็บแนมด้วยข้อความที่ว่า “ผมนึกว่าการที่มีผู้ประท้วงกว่า 200 คน บริเวณหน้าสถานทูตสหรัฐจะทำให้มีการผ่อนคลายในเรื่องเสรีภาพการชุมนุมแล้วซะอีก” ซึ่งส่อเจตนาชี้ให้เห็นว่า คสช.ใช้อำนาจแบบ 2 มาตรฐาน ปล่อยให้มีการแสดงพลังหน้าสถานทูตสหรัฐ แต่กลับคุมตัวขบวนการเพื่อแม้วที่จะเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงทั้งสองเรื่องสองเหตุการณ์มีที่มาที่ไปและวัตถุประสงค์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยการแสดงพลังของคนไทยเพราะไม่พอใจทูตมะกันอันตรายที่ส่อพฤติการณ์แทรกแซงกิจการภายในและที่สำคัญคือให้ท้ายขบวนการบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงอันเป็นการย่ำยีหัวใจคนไทยทั้งประเทศถือเป็นสิ่งชอบธรรม ส่วนแผนบุกอุทยานราชภักดิ์ของขบวนการเพื่อแม้วรู้กันอยู่ว่าเป็นเกมทางการเมืองที่ต้องการสุมไฟให้เกิดความวุ่นวายในชาติ

ที่ผ่านมาคสช.ก็ไม่ได้จำกัดสิทธิเสรีภาพในทุกเรื่องหากเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพโดยไม่มีเป้าหมายทางการเมืองแอบแฝง ซึ่งการไปประท้วงที่หน้าสถานทูตสหรัฐของกลุ่มคนไทยก็เป็นไปด้วยแนวทางสันติคือยื่นหนังสือประท้วงแล้วกลับซึ่งต่างจากขบวนการเพื่อแม้วที่หวังใช้กรณีอุทยานราชภักดิ์ ปลุกระดมวลชนและที่สำคัญคือมีมวลชนที่ไม่พอใจขบวนการเพื่อแม้วเตรียมเดินทางไปต่อต้านจนเสี่ยงที่จะเกิดการเผชิญหน้ากันทำให้ คสช.ต้องตัดไฟแต่ต้นลม

เมืองผู้ดีและมะกันอันตรายนั้นใครก็รู้ว่าเป็นมหาอำนาจชาติพันธมิตรที่แนบแน่น ซึ่งที่ผ่านมา สองชาติส่อพฤติการณ์ให้ท้ายขบวนการเพื่อแม้วมาตลอดดังนั้นท่าทีของทูตเมืองผู้ดี จึงสอดประสานและมีเป้าหมายเดียวกับทูตมะกันอันตรายโดยเคลื่อนไหวในลักษณะแยกกันเดินแต่ร่วมกันตีถล่มคสช.ภายใต้ข้ออ้างสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยอมปลอม

ไม่มีความคิดเห็น: