PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560

นพดล โผล่ช่วย ทักษิณ ยันหุนชินฯไม่ต้องเสียภาษี

'นพดล' อดีตรมต.ต่างประเทศ ชี้ ประเด็นปมขายหุ้นชินคอร์ปฯ ไม่ใช่เรื่องอายุความ แต่อยู่ที่การขายหุ้นทำผ่านตลาดหลักทรัพย์ ได้รับยกเว้นภาษีตามประมวลรัษฎากร
15 มี.ค.60 นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ตามที่ผู้นำในรัฐบาลให้สัมภาษณ์ว่าจะมีการประเมินเรียกเก็บภาษีจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้กับกลุ่มเทมาเส็ก เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2549 นั้น ซึ่งคงหมายถึงหุ้นจำนวน 329.2 ล้านหุ้นนั้น ขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะมีการประเมินภาษีจากเงินได้ส่วนใด จากธุรกรรมตอนใด และจะอาศัยกฎหมายข้อใด ซึ่งในเบื้องต้น เห็นว่า
1.เคยมีคำพิพากษาซึ่งสรุปความตอนหนึ่งได้ว่าหุ้นในชินคอร์ปจำนวนดังกล่าวที่รวมขายให้กลุ่มเทมาเส็กในปี 2549 นั้น นายทักษิณ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ บุคคลอื่นๆ เป็นเพียงผู้ถือหุ้นแทน ไม่ใช่เจ้าของหุ้น
2.การขายหุ้นดังกล่าวให้กลุ่มเทมาเส็กได้ขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่ได้ขายนอกตลาด
3.ตามกฎหมายไทย เงินได้จากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นั้น ได้รับยกเว้นภาษีตามกฎกระทรวงฉบับที่ 126 ข้อ 23 ที่ออกตามประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งกฎกระทรวงดังกล่าวนี้ ใช้มานานแล้ว และใช้บังคับเป็นการทั่วไปกับทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้น การขายหุ้นชินคอร์ปผ่านตลาดหลักทรัพย์ก็อยู่ภายใต้กฎกระทรวงฉบับเดียวกันนี้ ตราบใดที่ไม่มีการแก้ไข และ
4.นอกจากเงินได้จากการขายหุ้นในตลาดจะได้รับยกเว้นภาษีแล้ว เงินได้จากการขายหุ้นชินคอร์ป และเงินปันผลจากหุ้นประมาณ 46,000 ล้านบาทถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินไปตั้งแต่ 8 ปีที่แล้ว
นายนพดล กล่าวต่อว่า การขายหุ้นชินคอร์ป เกิดขึ้นมาสิบปีแล้ว ผ่านมาหลายรัฐบาล แม้แต่ท่านรองนายกรัฐมนตรี ก็ยังให้สัมภาษณ์ในสื่อต่างๆ ว่า เรื่องนี้ยังไม่แน่ชัดว่าใครผิดใครถูก เพราะกรมสรรพากร ระบุอาจดำเนินการไม่ได้ ที่จริงประเด็นไม่ใช่เรื่องอายุความว่าจะขาดหรือไม่ แต่ประเด็นหลักคือ การขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้รับยกเว้นภาษีตามกฎหมาย ดังนั้น จึงไม่เข้าใจว่า จะมีการประเมินภาษีบนพื้นฐานข้อกฎหมายใด กรมสรรพากร ซึ่งเป็นหน่วยงานจัดเก็บภาษีของประเทศเป็นผู้มีความรู้เรื่องกฎหมายภาษีเป็นอย่างดี ตนหวังว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะปฏิบัติหน้าที่โดยชอบและดำเนินการเรื่องนี้ตามกฎหมายและหลักนิติธรรม และยึดหลักความเท่าเทียมเสมอภาคกับทุกคน เชื่อว่า ถ้าทุกฝ่ายทำเช่นนั้น ก็จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับการค้าและการลงทุนในประเทศได้ 

ไม่มีความคิดเห็น: