PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560

มติปลดออก”รองอธ.สุภัฒ”ขโมยภาพโรงแรมญี่ปุ่น ชี้ผิดวินัยร้ายแรง เผยแจงเหตุไม่พอใจบริการ ฟังไม่ขึ้น

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 มีนาคม ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยร้ายแรง กรณีนายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ก่อเหตุขโมยภาพเขียน3รูป ในโรงแรมแห่งหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่น โดยใช้เวลาในการประชุมประมาณ40นาที
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวหลังการประชุมว่า ในวันนี้ที่ประชุมมีความเห็นไล่ออกนายสุภัฒ เนื่องจากในสุภัฒก่อคดีขึ้นถึง 2 ครั้งในโรงแรมเดียวกัน โดยนายสุภัฒชี้แจงถึงสาเหตุที่ก่อเหตุดังกล่าว เพราะไม่พอใจการให้บริการของทางโรงแรมนั้น เป็นเหตุผลที่คณะกรรมการฟังไม่ขึ้น แต่หลังจากถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดและถูกดำเนินคดีที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว นายสุภัฒได้รับสารภาพกับตำรวจและอัยการญี่ปุ่น พร้อมทั้งมีการชดใช้ค่าเสียหายที่ตัวเองได้กระทำความผิดต่อโรงแรมแล้ว โดยกฎหมายต่างประเทศไม่ดำเนินคดี เพราะเห็นว่าผู้กระทำความผิดสำนึกแล้ว จึงให้โอกาสกลับตัว
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวต่อว่า ทางคณะกรรมการได้ตรวจสอบประวัติการรับราชการของนายสุภัฒ ทราบว่ารับราชการมาแล้วกว่า 30 ปี และไม่เคยกระทำความผิดทางวินัยหรือสร้างความเสียหายให้แก่ทางราชการเลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้ง ยังได้ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกจนทราบว่า นายสุภัฒเคยแต่งงานกับภรรยาชาวญี่ปุ่น และได้หย่าร้างไปแล้ว ซึ่งปัจจุบันพบว่านายสุภัฒอาศัยอยู่เพียงลำพัง ไม่มีผู้ดูแล ดังนั้น คณะกรรมการจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลงโทษปลดออกจากราชการแทนการไล่ออก โดยนายสุภัฒยังมีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญ รวมถึงสิทธิในการรักษาพยาบาลด้วย
รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการชุดนี้พิจารณาทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างละเอียด และเมื่อครั้งที่นายสุภัฒเดินทางกลับถึงประเทศไทย ได้ทำหนังสือขอโทษ แสดงให้เห็นถึงความสำนึกในการกระทำความผิด อีกทั้งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับข้าราชการระดับสูงหลายรายที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง หรือยักยอกทรัพย์ของทางราชการ แต่ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอด แม้จะถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด แต่รอการลงอาญาไว้ ปัจจุบันคนเหล่านี้ก็ยังรับราชการอยู่ ดังนั้น โทษปลดออกของนายสุภัฒจึงถือว่าสมเหตุสมผล
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้คณะกรรมการจะทำหนังสือแจ้งไปยังต้นสังกัดและนายสุภัฒ และจะมีผลทันที

ไม่มีความคิดเห็น: