PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ตูมตอกย้ำความจำเป็น

ตูมตอกย้ำความจำเป็น

แค่...เสียงดังคล้ายระเบิด
บทสรุปเบื้องต้นของปรากฏการณ์ตูมตามที่หน้าโรงละครแห่งชาติ สนามหลวง
เขตพื้นที่ “ควบคุมอย่างเข้มงวด”
ตามรูปการณ์ที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ที่เข้าถึงจุดเกิดเหตุตั้งแต่นาทีแรกๆ ยืนยันว่าไม่มีการวางระเบิดแต่อย่างใด ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก
ไล่เลี่ยๆกับ “บิ๊กแดง” พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ก็สรุปข้อมูลเบื้องต้นพบว่าลักษณะของระเบิดเป็นท่อพีวีซี แต่แนวโน้มน่าจะเป็นประทัดยักษ์มากกว่า เมื่อระเบิดแล้วกระเด็นไปโดนป้ายโฆษณา
ซึ่งนั่นก็เป็นข้อมูลพื้นฐานให้ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. บอกปัดสถานการณ์ร้อนๆว่าไม่ได้ป่วน
มุมเดียวกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ก็ออกตัวเลยว่า ไม่ได้เป็นการกระทำเชิงสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับครบรอบ 3 ปี คสช.ที่ใกล้จะถึงนี้ และไม่ใช่ความพยายามของกลุ่มใดทั้งนั้น
ขณะที่ พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการ สมช. ก็พยายามมองโลกในแง่ดีว่า อาจเป็นแค่อุบัติเหตุ แต่ฝ่ายความมั่นคงก็ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง เพื่อให้มั่นใจว่าการตรวจสอบครอบคลุมทุกประเด็น
พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ก็ยืนยัน จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่พบการเผาไหม้ เขม่าหรือร่องรอยสารระเบิด
โดยลักษณะเบื้องต้นเหมือนท่อแตกระเบิดเอง แต่กองพิสูจน์หลักฐานก็ต้องตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อยืนยันผลที่ชัดเจน โดยนำชิ้นส่วนวัตถุพยานทั้งหมดเข้าห้องปฏิบัติการไปสกัดหาสารต่างๆที่ติดแฝงอยู่
ทีมฝ่ายความมั่นคง คสช.พยายามคุมโทนไปในทิศทางเดียวกัน
นั่นคือไม่ต้องการให้เกิดความตื่นตระหนก
แต่อย่างไรก็ตาม โดยฉากสถานการณ์ที่ค่อนข้างชัด แบบที่ยากจะทำให้มองโลกในแง่ดีได้ เพราะอีกด้านก็มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้พบหลักฐานสำคัญคือ ไอซีไทเมอร์ หนึ่งในชิ้นส่วนใช้ประกอบระเบิดไปป์บอมบ์ตกบริเวณพื้นห่างจากจุดที่เกิดเหตุระเบิดประมาณ 15 เมตร
และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบด้วยว่า ไอซีไทเมอร์ดังกล่าว ลักษณะเดียวกับเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดไปป์บอมบ์ที่บริเวณหน้ากองสลากเก่า ถนนราชดำเนินกลาง เมื่อช่วงค่ำวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา
สรุปตามรูปการณ์ที่ประเมินว่า ผู้ก่อเหตุลงมือเพื่อต้องการสร้างสถานการณ์
ไม่ได้มุ่งประสงค์ต่อชีวิตแต่อย่างใด
ในเครื่องหมายคำถาม “ตูม” นี้กระตุกหนวดใคร
แน่นอนคนที่อยู่ในข่าย 2-3 ราย นั่นคือ เบอร์หนึ่งด้านความมั่นคงอย่าง พล.อ.ประวิตร หรือเบอร์หนึ่งที่คุมกำลังอย่าง “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. หรือ พล.ท.อภิรัชต์ ในฐานะเบอร์หนึ่งคุมความมั่นคงในพื้นที่เมืองกรุง
เป้าหมายหนีไม่พ้นพุ่งเป้ากระแทก 3 คนสำคัญนี้
โจทย์ต่อไปเป็นฝีมือของฝ่ายไหน
ตามเงื่อนสถานการณ์ ถ้าเป็นฝั่งตรงข้าม ปฏิบัติการของฝ่ายต้านอำนาจ คสช. ก็ต้องถามว่า มีศักยภาพมากพอเจาะทะลุเข้าพื้นควบคุมพิเศษได้เชียวหรือ
และที่ตัดไปเลยไม่ได้ กับปมฝ่ายเดียวกันที่จ้อง “เจาะยาง” กันเองตามสถานการณ์อำนาจพิเศษที่เดินมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผลจากตูมนี้ที่กระตุก คสช.ให้สะเทือนนิดหน่อย
มันกลับยิ่งเป็นความชอบธรรม ตอกย้ำความจำเป็นที่รัฐบาลทหารต้องยกระดับการใช้อำนาจพิเศษคุมความมั่นคงลากยาวต่อไป เพื่อสยบแรงกระเพื่อมที่เริ่มโผล่กลับมา
ว่ากันไม่ได้ ในเมื่อเงื่อนสถานการณ์มันบังคับ.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: