PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559

ศาลสั่งยึดทรัพย์ “พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์” อดีตผบช.ก. 25 ล้านบาท

ศาลสั่งยึดทรัพย์ “พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์” อดีตผบช.ก. 25 ล้านบาท ตกเป็นขอแผ่นดิน
ศาลแพ่งสั่งยึดทรัพย์ “พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์” อดีตผบช.ก. รวม1,014 รายกาย มูลค่า 25,159,800 บาท ที่มาจากการกระทำความผิด ตกเป็นของแผ่นดินวันนี้ ( 8 มี.ค.) ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์สิน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. รวม1,014 รายกาย มูลคา 25,159,800 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 49,51 และ 58สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กับพวกมีพฤติการณ์กระทำผิดเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ราชการและความผิดเกี่ยวกับการพนัน
โดยขณะดำรงตำแหน่งเป็น ผบช.ก.ได้ร่วมกับพวกเรียกร้องเงินจากข้าราชการตำรวจที่ขอแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งสำคัญรายละ 3 - 5 ล้านบาท เมื่อได้รับแต่งตั้งแล้วต้องนำเงินส่งให้พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เป็นรายเดือนๆละ 1 หมื่น - 2 ล้านบาท นอกจากนี้พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กับพวกร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบธุรกิจค้าน้ำมันเถื่อนทางน้ำเป็นเงินเดือนละ 2 -5 ล้านบาท และยังร่วมกับพวกเช้าสถานบริการอาบอบนวดโคลอนเซ่เพื่อเปิดบ่อนการพนันถั่วครอบ โดยนำทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดไปชื้อทรัพย์สินต่างๆ
ต่อมาพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ถูกศาลพิพากษาลงโทษในคดีอาญาฐานความผิดหมิ่นเบื้องสูง มาตรา112 ,พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และพ.ร.บ.การพนัน คณะกรรมการ ปปง.จึงตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และเสนอพนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลยึดทรัพย์ของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จำนวน 1,014 รายการ พร้อมดอกเบี้ยให้ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งไม่มีผู้ใดคัดค้านศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ รับราชการตำรวจมีรายได้จากเงินเดือนของทางราชการ ซึ่งไม่มีหลักฐานมาแสดงว่ามีรายได้พิเศษอย่างอื่น การยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อปีระบุมีเงินได้ปีละ 1 ล้านบาทเท่านั้น
แต่กลับมีทรัพย์สินต่างๆเป็นจำนวนมาก โดยทรัพย์สิน 1,014 รายการมีมูลค่า 25 ล้านบาทเศษ และไม่สามารถแสดงถึงการได้มาโดยชอบของทรัพย์สินดังกล่าวได้ และเมื่อพนักงานอัยการยื่นคำร้องคดีนี้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ก็ไม่ได้โต้แย้งคัดค้าน ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าทรัพย์สินตามรายการข้างต้น เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จึงมีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 51 วรรคหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ถูกอัยการยื่นฟ้อง 7 สำนวน ในคดีอาญาฐานฟอกเงิน ,คดีเรียกรับส่วยน้ำมันเถื่อน ,คดีรับส่วยแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจในบช.ก. ,คดีลักลอบเปิดบ่อนพนันลอนเซ่ ย่านพระราม 9 , คดีกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ , คดีลักลอบครอบครองวัตถุโบราณ และคดีรับของโจร รวมจำคุกทั้งสิน 36 ปี 3 เดือน

ไม่มีความคิดเห็น: