PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ผวาวิกฤติเก่า เขย่าคสช.ไม่ลง

ผวาวิกฤติเก่า เขย่าคสช.ไม่ลง


ประชาชน “เข็ดม็อบ” เร่งเลือกตั้งจุดชนวนไม่ติด
ป่าลั่น สั่นสะเทือนทุ่งใหญ่นเรศวร
กับปรากฏการณ์ที่เจ้าสัวใหญ่ระดับนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) อาณาจักรก่อสร้างยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย
ถูกจับได้คาหนังคาเขา ขณะพาพรรคพวกเข้าไปตั้งแคมป์ล่าสัตว์ป่าในจุดต้องห้ามภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
พร้อมอาวุธปืนหลายรายการ และซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ทั้งไก่ฟ้า เก้ง และซากเสือดำ
พฤติกรรม “พรานหลงยุค” ที่โผล่มาในโลกยุคดิจิทัล
และบาปกรรมก็ทันตาเห็น นายเปรมชัยยิ่งกว่า
ตายทั้งเป็น ชื่อเสียงป่นปี้ สังคมประณาม ลามกระทบถึงธุรกิจในเครือฯหุ้นตกทะรูดทะราด
นักลงทุนไม่อยากขอสังฆกรรมกับพวกไร้ศีลธรรม
ที่สำคัญโดยสถานการณ์ที่กระตุกกระแสปมความเหลื่อมล้ำ เสียงเรียกร้องความเท่าเทียมในสังคมระหว่างคนจนกับคนรวย เปรียบเทียบกับคดีตายายเก็บเห็ดในป่าสงวนแล้วติดคุก
มีการปลุกระดมให้ตามกัดติดแบบไม่ปล่อยให้ “คนรวยทำผิดลอยนวล”
จากพรานไล่ล่าชีวิตสัตว์ ต้องมาโดนคนในสังคมไล่ล่า
โดยรูปการณ์คงจะต่อประเด็นเป็นเรื่องใหญ่ ลามต่อไปเรื่อยๆ ลากกันอีกยาว กระแสข่าวของบิ๊กอิตาเลียนไทยฯกวาดพื้นที่สื่อ เบียดข่าวอื่นตกขอบไปหมด
ตามเงื่อนไขสถานการณ์เท่ากับช่วยผ่องแรงกดดัน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม อยู่ในที
“พี่ใหญ่” เริ่มหายใจหายคอได้สะดวกขึ้น
เช่นเดียวกับ “น้องเล็ก” อย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ที่แสดงท่าทีชัดเจนว่า พล.อ.ประวิตรมีความสำคัญ ต้องอยู่ด้วยกันทั้งหมด
“บิ๊กตู่” การันตี “พี่ใหญ่” กอดคอลุยฝ่าแนวต้านไปด้วยกัน
มีเรื่องทุ่งใหญ่นเรศวรมาเบี่ยงกระแสคั่นจังหวะ
ก็น่าจะทำให้แรงกระแทกพี่น้องเบาตัวลง
และนั่นก็ยังโยงไปถึงความเคลื่อนไหวของขบวนการกดดันให้เลือกตั้งที่อาศัยจังหวะที่รัฐบาล คสช.กำลังปะทะแรงเสียดทานหลายด้าน ในการโหมโรงเสียงโห่ไล่ “ลุงตู่” ต่อท่ออำนาจ
โดนข่าวใหญ่ของ “พรานไฮโซ” มาแย่งซีน ทำให้การปั่นกระแสไม่แรงต่อเนื่อง
เกมเรียกแขกขาดช่วงขาดตอนไป
แต่เรื่องของเรื่องเลย ปรากฏการณ์ข่าวทุ่งใหญ่นเรศวรก็แค่ปัจจัยหนึ่งเท่านั้น ของจริงต้องยอมรับว่ากระแสกดดันเลือกตั้ง เกมแห่ไล่ “ลุงตู่” ยังไม่มีแรงสนับสนุนมากพอ
ฟืนเปียก ก่อชนวนยังไม่ติด
เพราะปมเหตุใหญ่มันอยู่ตรงที่ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมยังไม่ลืมภาพหลอน ฝันร้าย
เข็ดขยาดกับวิกฤติม็อบป่วนเมือง
อาการแบบที่กลุ่มผู้ค้าย่านราชประสงค์ได้ออกแถลงการณ์วิงวอนกลุ่มผู้ชุมนุมที่เคลื่อนไหวนัดรวมพลกันในย่านธุรกิจ อย่าสร้างความวุ่นวาย
ขอให้นึกถึงสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบ
แนวโน้มต้องรบกันแน่ ประชาชนผวาถ้าเลือกตั้งไปท่ามกลางหัวเชื้อความขัดแย้งที่แฝงอยู่ทุกจุดแบบนี้ โอกาสเสี่ยงสูงถึงสูงมากที่สุดที่สถานการณ์จะไหลกลับไปลงเหว
เปรียบเทียบกับสภาพการณ์ปัจจุบัน “นายกฯลุงตู่” ก็ยังประคองบ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้
ชาวบ้านร้านตลาดรู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ต้องผวาม็อบปิดเมืองอาละวาด ระเบิดตูมตาม ยิงกันตายบนท้องถนนรายวัน เหมือนรัฐล่มสลาย
ความมั่นคงยังเป็นจุดขายที่ได้เปรียบของรัฐบาลทหาร คสช.
ขณะเดียวกันก็ยังมีปัจจัยเสริมด้านเศรษฐกิจ ที่ล่าสุดนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ประกาศอย่างมั่นใจบนเวที “ไทยแลนด์ เทกออฟ 2018” เลยว่า เครื่องยนต์เศรษฐกิจทุกตัวติดหมดแล้ว ภาคการส่งออกที่เป็นบวกขึ้น
ทุกปี การคาดการณ์เศรษฐกิจปรับขึ้นตลอด ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสูงสุดในรอบ 3 ปี
ขอให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจประเทศไทยไปได้แน่นอน
พร้อมๆกับที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติผ่าน พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ พ.ร.บ.อีอีซี ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
เมกะโปรเจกต์ “เรือธง” ของรัฐบาลเดินหน้าแบบเต็มกำลัง
เศรษฐกิจภาพรวมติดลมบน ผิดฟอร์มรัฐบาลทหารทั่วไป ขณะที่การลุยแก้ไขจุดอ่อนเรื่องปัญหาปากท้องของประชาชนฐานราก ก็เต็มไปด้วยสารพัดมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
บัตรคนจน โครงการสวัสดิการประชารัฐ คืบหน้าไปถึงเฟส 2 เฟส 3
ตามยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลทุ่มงบประมาณทั้งงบกลาง งบท้องถิ่นอัดฉีดกระตุ้นการหมุนเวียนของเศรษฐกิจฐานราก บรรเทาปัญหาปากท้องชาวบ้านไปได้
แรงเสียดทานจากคนยากจนฐานใหญ่ของประเทศก็เบาลง
ยังไม่นับยุทธศาสตร์สำคัญที่ “นายกฯลุงตู่” เดินหน้าโครงการ “ไทยนิยมยั่งยืน” ที่ใช้บุคลากรของรัฐกว่า 2 หมื่นคน ลงพื้นที่ไปสำรวจประชาชน สอบถามปัญหาความเดือดร้อน ชาวบ้านต้องการให้แก้ไขอะไร เพื่อนำข้อมูลมาประกอบยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนแนวการพัฒนาประเทศทั้งระบบ
ลุยแบบถึงลูกถึงคน แก้ปัญหายากจน ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมระยะยาว
สถานการณ์เดินหน้าตามเป้าหมายการปฏิรูปใหญ่ประเทศ
ปฏิเสธไม่ได้ ณ วันนี้ “ลุงตู่” มีทั้งหลักประกันเนื้องานและแรงหนุนจากคนส่วนใหญ่ รัฐบาล คสช.ยังมีต้นทุนมากพอจะประคองเกมสู้กับแรงเสียดทานของขบวนการกดดันเลือกตั้ง
ดึงจังหวะยื้อกับนักการเมืองที่พยายามอิงแอบกับนักศึกษา นักวิชาการ ได้อย่างนิ่งๆ
สิ่งสำคัญก็คือการเลือกใช้กฎหมายแทนการใช้ปืนใช้กำลังในการเบรกสกัดขบวนการป่วน
ทำให้เลี่ยง “น้ำผึ้งหยดเดียว” ได้
คสช.ล็อกเงื่อนไขอันตราย ไม่ให้ถูกลากไปจุดไฟ
ในจังหวะที่ “นายกฯลุงตู่” ก็ยืนยัน ทุกอย่างเดินไปตามโรดแม็ป ที่ยังไม่มีอะไรแน่นอนในกระบวนการจัดทำกฎหมายลูก โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ทั้งร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
เกิดปัญหาการขัดลำระหว่าง สนช.กับกรรมการร่างรัฐธรรมนูญและ กกต.
ต้องลากเข้าไปโขลกกันในที่ประชุมคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย
ตามแนวโน้มที่มีการพูดถึงประเด็นการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และอาจไปถึงการคว่ำร่างกฎหมายในที่ประชุม สนช.ในการพิจารณารอบสุดท้าย
เข้าเหลี่ยมกฎหมาย เพื่อขยายเวลาการเลือกตั้งออกไป
สถานการณ์เข้าเค้า จุด “พลิกผัน” ปัจจัยเลื่อนโรดแม็ปอย่างที่หลายฝ่ายประเมินไว้
แน่นอน โดยหลักการก็เป็นอะไรที่ผู้นำฝ่ายบริหารอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถควบคุมได้ เพราะอำนาจ 3 ฝ่ายที่แยกกันชัดระหว่างฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ ห้ามก้าวก่าย
แต่โดยภาวะที่ คสช.คุมอำนาจพิเศษ จัดรูปแบบแม่น้ำ 5 สายแบ่งงานกันทำ มันก็ยากที่จะห้ามเสียงวิจารณ์ เหลี่ยมเชิง “เหยียบตีน” กันเล่น
แบบที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เคยหลุดวาทกรรม “อภินิหารกฎหมาย”
อย่างไรก็ตาม ถึงจะคลุมเครือแคลงใจในเกม “หน่วงเลือกตั้ง” ยังไง แต่คำตอบสุดท้ายมันก็วนกลับไปที่ประชาชนส่วนใหญ่กลัวม็อบมากกว่า
สถานการณ์ยังเอื้อ “นายกฯลุงตู่” และรัฐบาล คสช.
แต่นั่นก็อย่าเผลอ “ย่ามใจ” กับพฤติการณ์ที่ทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยในพฤติกรรมแอบแฝงผลประโยชน์ของฝ่ายถืออำนาจ แบบที่ผู้นำต้องใช้ต้นทุนหน้าตักเป็นประกันขอโอกาสอยู่ด้วยกันหมดทั้งทีม
คะแนนช่วยไม่เหลือ โอกาสผิดซ้ำไม่มี
“ลุงตู่” จะปล่อยให้พี่น้องผองเพื่อนพลาดไม่ได้อีกแล้ว.
“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: