PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2559

สหภาพยุโรป เรียกร้องไทยยึดมั่นหลักเสรีภาพ



"สหภาพยุโรป" เรียกร้องไทยยึดมั่นหลักเสรีภาพ พร้อมค้านการเรียกปรับทัศนคติ - ให้ทหารปราบมาเฟีย ด้าน "เสข" ยันไทยเดินตามโรดแมพ
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า นางลุยซา ราเกย์ อุปทูตและรองหัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรป (อียู) ประจำประเทศไทย และเอกอัครราชทูตและอุปทูตประเทศสมาชิกอียู 18 ประเทศ ได้เข้าพบกับนายปัญญรักษ์ พูลทรัพย์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อรับฟังเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันอย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผย โดยฝ่ายไทยได้ชี้แจงว่ารัฐบาลไทยยังยึดมั่นการทำตามโรดแม็พ โดยจะมีการลงประชามติในวันที่ 7 ส.ค.2559 ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปภายในปี 2560 
ขณะที่การร่างรัฐธรรมนูญเป็นกระบวนการที่เปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุม
ส่วนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ(คสช.) ที่ 13/2559 มีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทหารช่วยสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อปราบปรามผู้มีอิทธิพลและผู้กระทำการอันเป็นภัยต่อสังคม โดยผลการตัดสินคดีจะขึ้นอยู่กับการใช้ดุลพินิจของศาล

สำหรับแนวคิดการจัดหลักสูตรการฝึกอบรมผู้นำการสร้างชาติอย่างสร้างสรรค์สำหรับผู้นำหรือ แกนนำประชาชนทั่วไปนั้น เนื่องจากขณะนี้ไทยอยู่ในช่วงการปฏิรูปเพื่อนำสู่ความปรองดองภายในประเทศ โดยการจัดหลักสูตรฝึกอบรมดังกล่าวเป็นการดำเนินการอย่างสุภาพชน ไม่มีการใช้ความรุนแรง และอาจมีการเชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์เฟซบุ๊กของคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย ระบุถึงการเข้าพบครั้งนี้ด้วย ว่า คณะเอกอัครราชทูตจากอียูได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยึดมั่นในหลักการของเสรีภาพในการแสดงออกและความคิดเห็นและยอมรับฟังเสียงต่างๆทุกเสียง แต่การเรียกปรับทัศนคติเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับหลักการนี้ และเป็นสิ่งที่น่ากังวล รวมถึงเรากังวลต่อคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/2559 เพราะสามารถถูกตีความได้กว้าง และไม่มีการให้คำจำกัดความที่ชัดเจน การมอบอำนาจของตำรวจและตุลาการให้ทหารนั้นเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการกักขังโดยพลการซึ่งละเมิดหลักนิติธรรมและลิดรอนสิทธิในการได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย

ทั้งนี้สหภาพยุโรปและประเทศสมาชิกขอเรียกร้องให้ประเทศไทยเคารพต่อหลักการและค่านิยมทางประชาธิปไตยในระหว่างช่วงของการเปลี่ยนแปลงนี้

ไม่มีความคิดเห็น: