PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

CNN ฟ้องโลก! กองกำลังติดอาวุธการ์ด กปปส. ยิงอาวุธสงครามใส่ประชาชน คุกคามนักข่าว "อย่าถ่ายภาพ หากถ่ายจะทำลายกล้องทิ้ง"


เขียนโดย  Go6 TV 





คำให้การของโปรดิวเซอร์ CNN เหตุ 2 ก.พ.
เผยมือปืนใช้อาวุธสงครามระดมยิงผู้ชุมนุมฝ่ายสนับสนุนเลือกตั้ง

ทางเว็บไซต์ cnn.com ได้นำเอาคำบอกเล่าของ Kocha Olarn
ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ของ CNN international ประจำประเทศไทย
มาลงในเว็บไซต์ของ CNN โดยใช้ชื่อบทความว่า

"ติดอยู่กลางแนวปืน : คำให้การของโปรดิวเซอร์ CNN
เรื่องความรุนแรงในช่วงการเลือกตั้งของไทย"


ซึ่งมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

ตอนนั้นเป็นช่วงสายของวันเสาร์และจนถึงช่วงเวลานั้นก็ยังค่อนข้างสงบ
ความวิตกกังวลว่าจะเกิดการปะทะจนเลือดตกยางออก
ในช่วงกระบวนการเลือกตั้งของไทยยังไม่ได้ปรากฏเป็นจริงขึ้นมา ณ เวลานั้น

พวกเราจึงตัดสินใจเดินทางไปที่ชานเมืองของกรุงเทพในเขตที่เรียกว่าหลักสี่
ซึ่งข้าพเจ้าได้ยินว่ากลุ่ม
ผู้ชุมนุมสนับสนุนการเลือกตั้งกำลังเดินขบวนไปยังสำนักงานเขตหลักสี่
ซึ่งเก็บบัตรเลือกตั้งของเขตนั้นเอาไว้
และสำนักงานเขตดังกล่าวถูกปิดกั้นโดยกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านการเลือกตั้ง

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา กลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนการเลือกตั้งก็มาถึงใกล้สำนักงานเขต
แต่ก็เว้นระยะไว้หลายร้อยเมตรจากฝ่ายตรงข้าม
ในตอนนั้นอยู่ดีๆข้าพเจ้าเสียงปะทัดขว้างไปมา
แม้ข้าพเจ้าจะไม่สามารถจำแนกต้นเสียงได้ชัดเจนว่ามาจากทางใด

จากนั้น -- ก็มีเสียงปืนดังขึ้น

ข้าพเจ้าเห็นผู้ประท้วงฝ่ายสนับสนุนเลือกตั้งผงะและหมอบลงกับพื้น
หลังจากนั้นเสียงก็เงียบลงไปพักหนึ่ง
จากนั้นผู้ชุมนุมฝ่ายสนับสนุนเลือกตั้งก็รวมตัวกันใหม่
ข้าพเจ้าวิ่งเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น

ปรากฏว่ามีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่พื้น เขาถูกยิงที่หน้าอกแต่ยังพูดได้
การประท้วงที่ค่อนข้างจะสงบสันติได้เกิดความรุนแรงขึ้นเสียแล้ว
โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ซึ่งความรุนแรงนั้นก็ปรากฏเพิ่มขึ้นอีกในเวลาต่อมา

กลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนการเลือกตั้งเริ่มตะโกนด่าทอกลุ่ม
ผู้ชุมนุมฝ่ายคัดค้านการเลือกตั้งที่เพิ่งมาถึง
พร้อมกับรถบรรทุกเครื่องเสียงขนาดใหญ่ที่อีกฟากหนึ่งของสี่แยกหลักสี่
ผู้ชุมนุมฝ่ายสนับสนุนการเลือกตั้งคนหนึ่งบอกข้าพเจ้าว่ากระสุนมาจากอีกฟากหนึ่ง

ข้าพเจ้าคิดว่าควรจะถอนตัว
และไปรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าที่เพิ่งข้ามถนนมา

ในตอนที่ข้าพเจ้ากำลังจะข้ามถนนนั้น ผู้ปราศัยบนรถบรรทุกบอกว่า
“โปรดซ่อนตัวอยู่ทางซ้ายของรถบรรทุกและเดินช้าๆ”

ข้าพเจ้าหลบไปอยู่ข้างหลังแท่งคอนกรีตรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส
และคิดว่าน่าจะวางกล้องบนแท่งคอนกรีต
เพื่อให้ได้ภาพแบบไม่สั่นไหวตอนที่รถบรรทุกเคลื่อนผ่านไป
แต่ตอนนั้นเอง
ชายสามคนสวมที่ปกปิดใบหน้าวิ่งมาทางข้าพเจ้า มาทางกล้องของข้าพเจ้า
พวกเขาเห็นข้าพเจ้าแน่ๆ

กลุ่มบุคคลเหล่านี้เคลื่อนเข้าถึงตำแหน่งที่ข้าพเจ้าอยู่
และมีแค่แท่งคอนกรีตเตี้ยๆกั้นระหว่างข้าพเจ้ากับกลุ่มบุคคลดังกล่าว
ทันใดนั้นพวกเขาก็เปิดฉากยิงไปทางกลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนการเลือกต้ัง
ชายคนหนึ่งถือถุงใบใหญ่สีเขียวมา ซึ่งดูเหมือนจะซ่อนปืนไรเฟิลไว้ข้างใน

ตอนนั้นข้าพเจ้านั่งตัวตรงอยู่
แต่ข้าพเจ้าทิ้งตัวลงกับพื้นทันที สิ่งเดียวที่คิดออกคือ
ต้องให้กล้องของขาพเจ้าบันทึกภาพต่อไป
เลนส์ของข้าพเจ้าจะจับภาพมือปืนได้หรือไม่หนอ?

ตอนที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าได้ภาพเรียบร้อยแล้ว ความคิดต่อไปคือ
“เราควรจะออกจากที่นี่ดีหรือไม่? แต่ยังไงตอนนี้ก็ยังมีการยิงกันอยู่”

ข้าพเจ้าชะโงกศีรษะจากด้านหลังแท่งซีเมนต์และถามคนที่อยู่ข้างๆว่า
“ได้โปรดเถอะ! ฉันออกไปได้หรือยัง” 
ใบหน้าของเขาดูเหี้ยมเกรียมมาก เขาพูดว่า
“คุณนักข่าว อย่าถ่ายภาพนี้นะ ถ้าผมต้องทำลายกล้องของคุณก็อย่าโทษผมแล้วกัน”

ข้าพเจ้าจึงต้องเอากล้องลง
นอกจากตัวข้าพเจ้าเองแล้ว มีช่างภาพอีกอย่างน้อย 6 คน
ซึ่งติดอยู่กับมือปืนเหล่านี้อีกอย่างน้อย 40 นาทีหรือมากกว่านั้น

หลังจากนั้นข้าพเจ้าลองอีกครั้งหนึ่ง “ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่จะออกไปหรือยัง?”

เขาบอกว่าโอเค “ทำตัวให้ต่ำกว่าแนวกั้นและคลานไปนะ”

พวกเราจึงออกมา
ข้าพเจ้าออกมาคนแรก เราคลานตามถนนชิดกับแนวกั้นที่เป็นซีเมนต์ไปตลอด

ในขณะที่คลานอยู่นั้น
ข้าพเจ้าเห็นมือปืนอีก 2 คนถือปืนไรเฟิลอยู่โดยไม่ได้ปกปิดใบหน้า
พวกเขาก็ยิงไปทางกลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนการเลือกตั้งเช่นเดียวกัน

ท้ายที่สุดแล้วน่าจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที
เพื่อข้ามไปรวมกลุ่มกับมิตรสหายของข้าพเจ้าที่อีกฝั่งถนนหนึ่ง
แต่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเวลาช่างยาวนานเหมือนชั่วนิรันดร

แม้เหตุการณ์นี้จะเป็นเหตุการณ์เล็กๆในช่วงเวลาการประท้วงหลายเดือน
แต่ก็เป็นเครื่องเตือนใจและคำเตือนว่าสถานการณ์ในประเทศไทย
ยังห่างไกลจากการคลี่คลายมาก อารมณ์ความรู้สึกในหมู่ผู้คนยังคงรุนแรง
และน่าเศร้าที่การหลั่งเลือดอยู่ใกล้เพียงแค่ชั่วอารมณ์คลั่งวูบหนึ่งเท่านั้น


( ผู้สนใจสามารถอ่านฉบับภาษาอังกฤษได้ที่
http://edition.cnn.com/2014/02/03/world/asia/thai-protests-gunfight-kocha/index.html?hpt=hp_c1)

ไม่มีความคิดเห็น: