PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

สาธิต ปิตุเตชะ:ถึง เกษียร เตชะพีระ : ตลกนักวิชาการ

ถึง เกษียร เตชะพีระ : ตลกนักวิชาการ

หัวใจของประชาธิปไตย : คือสิทธิของทุกคนเท่ากัน อำนาจ คือ ความชอบธรรมและความถูกต้องภายใต้กฏหมายกติกา บ้านเมือง

ตัวเลข 20 ล้านคนที่มาเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ คือ สิทธิโดยชอบที่เขาตัดสินใจมาเลือกตั้ง ที่เขามาเลือกตั้งได้ 20 ล้านคน เกิดจากไม่มีการขัดขวางจากใครใดๆทั้งสิ้น

เหตุผลต่างๆของคนต่างๆที่ออกมาเลือกตั้งเหล่านั้น “อยู่ยงคงกระพัน” ตราบใดที่การเลือกตั้งโดยรวมเป็นไปตามกฏหมายและกฏกติกาของบ้านเมือง ไม่มีใครไปทำลายเหตุผลหรือความชอบหรือความเกลียดในการใช้สิทธิได้ เพราะมันจะยังคงอยู่กับเขาเหล่านั้นหรือถ้ามันจะเปลี่ยนมันก็เป็นสิทธิของเขา แต่หากการจัดการเลือกตั้ง ให้กับคน 20 ล้านคน มีความไม่เสมอภาคเท่าเทียม ไม่สุจริตเที่ยงธรรมกับคนอีกจำนวนหนึ่ง คุณเกษียรยังผูกขาดความถูกต้องไว้กับตัวเองหรือ

ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นศาลมีอำนาจหน้าที่ตัดสินคดีตามกฏหมายที่ให้อำนาจไว้ ไม่ได้บ้าจี้ หรือไม่ได้ตลก คนที่ตลกคือคนที่ไม่ยอมรับศาล คิดเห็นแต่ความเห็นของตนเองเป็นใหญ่ ที่สำคัญศาลพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎและข้อกฏหมายที่มีอยู่ ไม่มีใครไปปรักปรำว่าคนไทย 20 ล้านที่ไปใช้สิทธิทำผิด อย่ามาบิดเบือน แต่ที่ผิดเพราะรัฐบาลที่พวกคุณเกษียร เตชะพีระ ถวายหัวรับใช้ ดึงดันที่จะจัดเลือกตั้งทั้งๆที่มีสภาพปัญหามากมาย เพียงเพื่อสนองความต้องการอยู่ในอำนาจ และได้มาซึ่งอำนาจโดยมิชอบ

แต่ที่แปลกก็คือนักวิชาการทั่วไปเขาต้องแยกดี แยกชั่ว ได้ วิพากษ์วิจารณ์ ในทุกมิติของทุกฝ่าย แต่นักวิชาการอย่างคุณเกษียร เตชะพีระ ทำตัวเป็นองครักษ์ปกป้องรัฐบาลของพรรคนี้ตลอดเวลา ไม่เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมชองพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลพรรคนี้ เช่น พฤติกรรมโกง ออกกฏหมายล้างผิด เสียบบัตรแทนกัน หรือโกงชาวนา ที่นักวิชาการที่ดีไม่ว่าฝ่ายไหน เขาก็บอกว่าเป็นนโยบายที่เลว และทำให้ประเทศเสียหาย

นักวิชาการที่ดี ต้องมีคุณสมบัติที่ซื่อสัตย์ ต่อหน้าที่ ต่อตัวเอง และบ้านเมือง ไม่มีพฤติกรรมบิดเบือนใส่ร้ายผู้อื่น แต่คุณเกษียร เตชะพีระ มีพฤติกรรมตรงข้าม อ้างตัวเองเป็นตัวแทนของ 17 ล้านเสียง ที่เขาไม่ได้แต่งตั้ง ขโมย 3 ล้านเสียงที่เขาโหวตโน เพราะเขาต่อต้านการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ แต่ไปใช้สิทธิเพื่อรักษาสิทธิ มาเป็นพวกด้วย กล่าวใส่ร้าย “มวลมหาประชาชน” ว่าใช้อาวุธสงครามทั้งๆที่คนใช้อาวุธ คือ ฝ่ายอื่นที่กระทำต่อประชาชน ใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ว่าเป็นพรรคขี้แพ้ เพียงเพราะไปใช้สิทธิตามหลักรัฐธรรมนูญในการไปยื่นฟ้องต่อศาลให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ทั้งๆที่ควรจะเคารพการใช้สิทธินั้นตามหลักกฏหมาย

ไม่มีใครต่อว่าประชาชนที่ไปใช้สิทธิ ไม่ว่าจะกี่คน แต่ทุกคนควรเคารพหลักกฏหมายที่ให้อำนาจแต่ละฝ่ายทำหน้าที่ และเคารพซึ่งกันละกัน

นักวิชาการที่มีพฤติกรรมที่ว่ามา เป็นเพียงนักวิชาการชั่ว ฝักใฝ่ผลประโยชน์ เป็นโมฆะนักวิชาการ เป็นตลกวิชาการ


ไม่มีความคิดเห็น: