PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รอง ผอ.อคส.ให้ปากคำตำรวจอุดรฯยันข้าวหายจริง ระบุอุดรเป็นรายแรกที่ตรวจพบ

อุดรธานี-รอง ผอ.อคส.ให้ปากคำตำรวจอุดรฯยันข้าวหายจริง ระบุอุดรเป็นรายแรกที่ตรวจพบ ลุยตรวจทุกโกดัง
จากกรณีข้าวสารเหนียว กข.6 กว่า 3.5 ล้านกิโลกรัม มูลค่า 86 ล้านบาท หายระหว่างการขนย้ายจากโรงสีอุดรประเสริฐผล จำกัด จ.อุดรธานี ไปยังไปยัง หจก.โรงสีโชควรลักษณ์รุ่งเรืองกิจ จ.ลพบุรี ตามคำสั่งของ อคส. ในโครงการจัดทำข้าวสารถุง เพื่อลดค่าครองชีพผู้บริโภค โดยโรงสีต้นทางออกมาปฎิเสธ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อกับการขนย้ายข้าวที่หาย เป็นเพียงโกดังให้เช่าเท่านั้น ส่วนการขนย้ายต้องมี 3 ฝ่ายที่เกี่ยวข้องคือ ผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว , อคส. และฝ่ายปกครอง ที่ถือกุญแจโกดังคนละดอก 

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 57 พ.ต.ท.ปิยวิชญ์ วงศ์สวัสดิ์ รอง ผอ.อคส. , นายยุทธศาสตร์ แสนสวนจิต ผู้ประสานงาน อคส.อุดรธานี , นายประพันธุ์ ลุนสา ตัวแทน หจก.โชควรลักษณ์รุ่งเรืองกิจ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.นวกฤต นวการพานิช พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สภ.เมืองอุดรธานี เจ้าของคดี "ข้าวสารเหนียว" เอาไปทำข้าวถุงธงฟ้าหาย 3,478,011 กก. มูลค่ากว่า 80 ล้านบาท หายระหว่างทางจากโกดังกลาง อคส.อุดรธานี ไปยังโรงสีโชควรลักษณ์รุ่งเรืองกิจ จ.ลพบุรี เพื่อให้ปากคำครั้งแรก หลังจากมอบอำนาจให้นายเรืองศักดิ์ นามเดช เข้าแจ้งความตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
นายประพันธุ์ ลุนสา ตัวแทน หจก.โชควรลักษณ์รุ่งเรืองกิจ ทำหน้าที่รับข้าวสารเหนียวจาก อคส.อุดรธานี เปิดเผยว่า เป็นตัวแทน "โชควราลักษณ์รุ่งเรืองกิจ " มารับข้าวชุดที่ตกเป็นข่าว ต้องมาทำงานที่อุดรธานีตลอดเดือนมีนาคม 2556 โดยใช้รถขนข้าวเป็น 10 ล้อ 14 คัน รถพ่วง 7 คัน รวมทั้งสิ้น 105 เที่ยว แต่ละวันไม่แน่นอนว่ากี่เที่ยว แล้วแต่ความพร้อมของแรงงาน แต่ละเที่ยวรถออกจากอุดรธานี โชเฟอร์ประจำรถจะมีเพียงเอกสารการชั่งน้ำหนักเท่านั้น ไม่ได้มอบใบโอนย้ายให้ไปกับรถ เกรงว่าจะเกิดการสูญหาย
"ใบโอนย้ายข้าวจะมีใบตัวจริง และสำเนารวม 4 ฉบับ ผมจะลงชื่อด้วยลายมือตนเองทุกฉบับ และจะรับเอาใบต้นฉบับมาเก็บไว้ เพื่อรวบรวมตรวจสอบความถูกต้อง จัดส่งไปให้โชควรลักษณ์รุ่งเรืองกิจพร้อมกัน และก็ทำเช่นนี้ทุกครั้งตลอด 2 ปี โดยครั้งนี้จัดส่งใบโอนย้ายข้าวทั้ง 105 ใบ ไปทางไปรษณีย์ อีเอมเอส. โดยส่งไปให้กับทาง หจก.โชควราลักษณ์รุ่งเรืองกิจ ปลายเดือนกันยายน ไม่มีการทักท้วงเรื่องนี้มาก่อน และทุกครั้งที่รถบรรทุกไปถึงที่หมาย ก็จะได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ว่า รถทะเบียนอะไรน้ำหนักข้าวเท่าไหร่ เดินทางไปถึงที่หมายแล้ว"
พ.ต.ท.ปิยวิชญ์ วงศ์สวัสดิ์ รอง ผอ.อคส. เปิดเผยว่า ตนได้รับมอบหมายจาก ผอ.อคส.มาให้ปากคำเพิ่มเติม กรณีข้าวสารเหนียว 10 เปอร์เซนต์ จากโกดังคลังสินค้า บ.อุดรประเสริฐผล จก.โกดังที่ 3 หายไประหว่างการขนย้ายไปปรับปรุงที่ จ.ลพบุรี โดยทาง อคส.ได้แต่งตั้งตนให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องการจ่ายข้าวสารทั้งหมด เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2557 ที่ผ่านมา โดยเป็นรายแรกที่เราตรวจพบว่า มีข้าวสารเหนียวหายไป ทาง ผอ.อคส.จึงได้ตั้งตัวแทนเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และติดตามข้าวที่หายไปให้ถึงที่สุด โดยเราได้ส่งมอบเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่มีเอกสารการขนส่ง เอกสารสัญญาที่ทาง อคส.ได้ทำกับทาง หจก.โชควรลักษณ์รุ่งเรืองกิจ ในการบรรจุข้าวสาร ให้พนักงานสอบสวนแล้ว
“การที่เราตรวจสอบพบว่าข้าวหายไป เป็นข้าวตามโครงการรับจำนำข้าวปี 55/56 ที่จะนำไปบรรจุถุงช่วยเหลือผู้บริโภค เป็นการตรวจบัญชีประจำปีจึงตรวจพบ สาเหตุที่ว่า ทำไมข้าวหายไปตั้งนานแล้วเพิ่งตรวจพบ เพราะว่ายอดข้าวทั้งหมดจากทั่วประเทศจะส่งเข้ามายังส่วนกลาง เพื่อทำการตรวจสอบประจำปี โดยที่อุดรธานีเป็นยอดแรกที่เราพบว่าหายไป หลังจากนี้หากตรวจสอบพบว่า ที่คลังสินค้าแห่งไหนหายไป เราก็จะดำเนินการอย่างนี้ทุกราย แยกเป็นเรื่อง ๆ ไป ซึ่งยืนยันว่าข้าวที่อุดรธานีหายไปจริง ส่วนที่ หจก.โชควราลักษณ์รุ่งเรืองกิจ ยืนยันว่าข้าวไม่หาย ก็เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่จะต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งข้าวล๊อตนี้มี 6 บริษัทฯที่เข้ามาดำเนินการนำออกจากคลังสินค้าที่นี่”
พ.ต.ท.นวกฤต นวการพานิช พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สภ.เมืองอุดรธานี เจ้าของคดี เปิดเผยว่า จะเร่งทำการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงทาง หจก.โชควรลักษณ์รุ่งเรืองกิจ ต้องเรียกขึ้นมาทำการสอบปากคำด้วย รวมถึงหัวหน้าผู้ดูแลควบคุมอยู่ที่นั่น ก็จะต้องเรียกขึ้นมาสอบทุกคน ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวน หากพบว่ามีความผิดจริง ก็จะรายงานต่อผู้บังคับบัญชารับทราบ ซึ่งมีบางส่วนที่เป็นความลับของทางราชการ ต้องขอปิดข้อมูลไว้ก่อน ถ้ามีการสืบสวนสอบสวนทราบว่า ขั้นตอนกระทำความผิดเกิดขึ้นจากใคร ตรงไหน มีผู้ใดที่เกี่ยวข้องด้วยก็จะแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับผู้นั้นต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น: