PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2561

โผล่เร็วเข้าทาง “ลุงตู่”

โผล่เร็วเข้าทาง “ลุงตู่”



แม้จะบังเอิญตรงกับวัน “เอพริลฟูลเดย์” ที่ฝรั่งอุปโลกน์ให้เป็นวัน “โกหกโลก”
ตามฤกษ์ดีเดย์ 1 เมษายน ที่ คสช.ไฟเขียวให้ป้อมค่ายการเมืองเก่าเช็กฐานจำนวนสมาชิก ใครจะอยู่ใครจะไป
เริ่มคลายล็อกกฎเหล็กเพื่อเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ที่ยังส่อเค้าเอาแน่เอานอนไม่ได้ ขึ้นอยู่กับตัวแปรกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งที่ยังยื่นตีความกันวุ่นวาย
แต่อย่างน้อยก็นักการเมืองที่ง่อยเปลี้ยมานานเริ่มขยับออกท่าทาง ตามข่าวที่ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกตัวนำ เปิดให้สมาชิกแฟนพันธุ์แท้จ่ายเงินค่าสมาชิก รักษาสถานะตามกฎหมาย พร้อมประกาศลูกทีมจะโหวตคนนอกเป็นนายกฯไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็ไสหัวออกไป
ด้าน “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย ถือโอกาสทำบุญพรรคครบ 10 ปี เอาฤกษ์เอาชัย
เลือกตั้งช้า เร็ว นักการเมืองอาชีพไม่สนใจ ขยับออกตัวนำไว้ก่อนได้เปรียบ
แต่ที่มาตามนัด แถมมาก่อนเวลานัดหมายที่ คสช.คลายล็อกกฎเหล็ก เตรียมเข้าสู่สมรภูมิเลือกตั้ง กับช็อตอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร หนีบน้องสาวอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตรโผล่ชมซากุระที่ประเทศญี่ปุ่น
อ้างอิงตามคำเชิญของคนระดับอดีตรัฐมนตรีให้เป็นแขกไปร่วมงานส่วนตัว ไม่ใช่ทางการ
ตามรูปการณ์ที่พี่กับน้องประสานเสียง ปากบอกไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง
แต่ตามท้องเรื่องแสดงความเป็นห่วงประเทศไทยต้องกลับคืนสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ววัน แถมยังแสดงความมั่นอกมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย ไม่ว่าจะส่งตุ๊กตาตัวไหนมานั่งเป็นหัวหน้าพรรค แฝงเหลี่ยมตีกินกระแสกันแบบไม่ต้องกั๊ก
งานนี้ตีไพ่ครั้งเดียวกะกิน 2-3 เด้ง
เด้งแรก ตบหน้า “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.กับฝ่ายคุมเกมอำนาจประเทศไทย ตีปี๊บโชว์ภาพให้เห็นว่า “ทักษิณ–ยิ่งลักษณ์” ไปได้ทั่วโลก
แต่อีกเด้งที่น่าจะเดิมพันสูงกว่า คือ กลบแรงกระเพื่อมในเพื่อไทย ศึกชิงนอมินี เจ๊ๆเฮียๆส่อล่อกันพรรคแตก
ปรากฏการณ์สะท้อนจากแรงต้าน “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ที่โดนมุ้งต่างๆ ขาใหญ่ในพรรครวมตัวสกัด ต่อเนื่องมาถึงการแหกค่ายของกลุ่มวาดะห์ชิ่งออกจากพรรคเพื่อไทย สลัดคราบ “ทักษิณ” เพื่อทวงคืนความยิ่งใหญ่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้
เป็นอะไรที่แกะรอยตามสัญญาณได้ นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ดีเดย์ที่ คสช.ไฟเขียว พรรคการเมืองเก่าเคลียร์ฐานสมาชิก ใครจะอยู่ ใครจะไป “นายใหญ่” ต้องชิงสกัดเลือดไหลออก
เพราะตามเงื่อนไขสถานการณ์แท้จริง ถึงแม้ยี่ห้อ “ทักษิณ” ยังกระแสดี ตีกินบุญเก่าได้ในภาคอีสาน ภาคเหนือ เชื่อขนมกินได้ เหมือนภาคใต้ของประชาธิปัตย์ ส่งเสาไฟฟ้าลงยังชนะ
แต่ปัญหา ชนะแล้วต้องไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย นี่แหละทำให้ลูกข่ายคิดหนัก
เพราะมันเห็นกันอยู่ตำตา “หมอเลี้ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีต รมว.ไอซีที เพิ่งออกจากคุกเพราะคดีทุจริตแปลงสัมปทานมือถือธุรกิจกลุ่มชินฯ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ส่อติดคุกยาวจากคดีทุจริตโครงการจำนำข้าว
“ตุ๊ดตู่” นายจตุพร พรหมพันธุ์ หัวขบวน นปช. “กี้” อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำม็อบแดง ต้องเข้าๆออกๆเรือนจำ เพราะคดีนำม็อบป่วนเมือง ติดคุกจริง โดนขังจริง ชะตากรรมโหดรออยู่ข้างหน้า
สถานการณ์มาถึงจุดที่พวกสู้แล้วรวยก็พากันก้มหลบต่ำ อยากใช้เงินที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมา
หาคนสู้แบบถวายหัวยากแล้ว
แนวโน้ม “ทักษิณ” จึงต้องควง “น้องปู” กระพือกระแสปลุกแนวร่วมสู้ ก่อนไม่เหลืออำนาจต่อรองในมือ
และก็ถือว่าเล่นเกมเสี่ยงมาก จากรูปการณ์ที่อดีตนายกฯทักษิณกับอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์โผล่ออกมาเคลื่อนไหว ในจังหวะที่ คสช.เปิดไฟเขียวพรรคการเมืองเก่าขยับทำกิจกรรม
แง้มฝาโลงปั๊บ ก็อาละวาดทันที
มันเป็นอะไรที่กระตุกภาพมโน ย้อนไปเมื่อปี 2549 ที่ “ทักษิณ” ไม่ยอมแพ้ ปักหลักสู้หลังโดนยึดอำนาจ
เดินเกมโลกล้อมประเทศไทย พร้อมๆกับปลุกกระแสกองเชียร์ภายในประเทศ
อาศัยเกมมวลชน เร้าพลังม็อบเสื้อแดงจนชนะเลือกตั้ง ชิงอำนาจคืนกลับไปอยู่ในมือ เดินหน้าล้างมลทิน ล้างคดี ท้าทายฝ่ายต่อต้าน จนเกิดปรากฏการณ์ม็อบยึดสนามบิน เผาบ้านเผาเมือง ปิดกรุงเทพฯเศรษฐกิจวายป่วง ความปลอดภัยในชีวิตประชาชนแทบไม่เหลือ
บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะ “รัฐล่มสลาย”
แค่เริ่มคลายล็อกกฎเหล็ก คสช. “ทักษิณ” กลับมากระตุกฝันร้าย ทำให้คนส่วนใหญ่ในบ้านเมืองผวา
มันจึงน่าจะเป็นผลดีกับ “ลุงตู่” ที่จะได้ตีตั๋วต่อ.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: