PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

โจทย์เส้นทางบังคับ

ผู้สมัครเตรียมขึ้นป้ายหาเสียงรูปคู่กับ “นายกฯลุงตู่” ไว้หมดแล้ว

ในอารมณ์แบบที่ “อุลตร้าอุตตม” นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โชว์ความชัวร์เป็นนัย “ไม่เผื่อใจ” กรณี “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจนายกฯ เบี้ยวนัด

ไม่ตอบรับเทียบเชิญเป็น “นายกฯบัญชีพลังประชารัฐ”

“ผูกมัด” เงื่อนไขสถานการณ์ไว้ซะขนาดนี้ ถ้าเกิดมีรายการพลิกล็อก หักมุมแบบ 180 องศาขึ้นมาจริงๆ มันก็น่าจะถึงขั้นพลิกแผน เปลี่ยนเกม สลับตัวผู้เล่นในกระดานกันใหม่เลย

และนั่นก็คงไม่ใช่ “นายกฯลุงตู่” ที่ได้สิทธิตีตั๋วไปต่อ

เท่านี้ก็น่าจะพอเดาทางกันได้ แค่ลีลาพระเอกรอฤกษ์โหมโรง

เรื่องของเรื่อง ในอารมณ์ที่จับอาการ พล.อ.ประยุทธ์แถลงหลังประชุม ครม. เน้นย้ำประเด็นแรกเลย

ที่ประชุม ครม.ได้กำชับให้ทุกคนดูแลความสงบเรียบร้อย ข้าราชการต้องไม่นิ่งเฉย ใส่เกียร์ว่างไม่ได้ ประชาชนมีความเดือดร้อนตรงไหนต้องเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือทันที

เพราะวันนี้ประชาชนคาดหวังความอยู่ดีกินดี

“นายกฯลุงตู่” มุ่งไปที่การไล่บี้ข้าราชการ “เกียร์ว่าง”

ล้อกันเลยกับจังหวะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ เดินสายเข้าตรวจงานกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งเร่งปรับบทบาทพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 เลิกคิดแบบไดโนเสาร์

เนื่องจากประเทศเวียดนามได้เร่งพัฒนาหลายอุตสาหกรรมขึ้นมาใกล้กับไทยแล้ว และต่างประเทศเริ่มเปรียบเทียบการลงทุนระหว่างไทยกับเวียดนาม

หาก 3 ปียังไม่ปรับตัว ไทยมีโอกาสถูกแซงแน่นอน

ตามรูปการณ์ โจทย์สำคัญเฉพาะหน้าจริงๆของ “นายกฯลุงตู่” และรัฐบาลตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่เกมเลือกตั้งเท่านั้น แต่มันอยู่ที่การประคองสถานการณ์ “เปราะบาง” ห้วงคาบเกี่ยวสำคัญ

ธรรมชาติห้วงสุญญากาศเลือกตั้ง จังหวะชะงักงันของอำนาจการบริหาร

ประกอบกับรัฐมนตรี “4 กุมาร” พลังประชารัฐ ลาออกไปทำงานการเมือง “มืองาน” สำคัญด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลหายไปทีเดียว 4 คน ย่อมส่งผล “โหลด” ประสิทธิภาพเชิงบริหารอย่างเลี่ยงไม่ได้

เกิดภาวะฉุกเฉิน งานเดินไม่ทัน จะพาลทำคนหงุดหงิดช่วงเลือกตั้ง

นั่นต่างหากโจทย์ข้อแรกของ “ลุงตู่” ที่ต้องเคลียร์ก่อน

ส่วนการเมืองหลังเลือกตั้งมันล็อกโจทย์ไว้แล้ว ตั้งแต่ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันไม่มีวันจับขั้วกับพรรคเพื่อไทย ผสมพันธุ์อำนาจกับทีมงานยี่ห้อ “ทักษิณ”

เส้นทางบังคับประชาธิปัตย์ต้องผ่านประตูกำแพงไปจับมือ

ทีมหนุน “นายกฯลุงตู่”

ยังไงก็ไม่มุดรูไปแจมกับทีม “ทักษิณ” แน่

งานของยี่ห้อประชาธิปัตย์ก็แค่ประคองตัวเลขให้อยู่ในสถานะ “ตัวแปร” ที่เสียงดัง

แต่ที่เห็นซัดกันตุ้บตั้บ เกมโหดๆแบบที่นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา มือกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ต้องถือไม้เท้ายักแย่ยักยัน โชว์การันตีสุขภาพ เพื่อทวงสิทธิการลงสมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้ง

หลังเจอปฏิบัติการ “แซะ” แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

เกมนัวเนียๆย้อนไปถึงวิบากกรรมที่เกิดขึ้นกับนายเจือ ราชสีห์ อดีต ส.ส.สงขลา ที่ถูกอัปเปหิขึ้นปาร์ตี้ลิสต์ หรือปฏิบัติการโหดๆ ที่เกิดกับ “ลูกหมี” นายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร ที่ต้องออกแรง

ฝ่าด่านสกัดเจาะยางสะบักสะบอม กว่าจะยื้อโควตา ส.ส.พื้นที่ชุมพรไว้ได้

และเป็นอะไรที่ชัดเจน “ลูกหมี–เจือ–วิรัตน์”ถูกจัดอยู่ในทีมงานใต้ปีก “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หัวขบวน กปปส.ในปฏิบัติการดัน “หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม” ก่อรัฐประหารโค่น “เดอะมาร์ค”

แต่ยึดอำนาจไม่สำเร็จ เลยกลายเป็น “กบฏ”

ต้องโดนไล่เช็กบิล ดาบแรกถอดชื่อออกจากทีมกรรมการบริหารชุดใหม่ภายใต้การนำของ “อภิสิทธิ์” ตามด้วยดาบสองไล่เคลียร์ออกจาก ส.ส.พื้นที่ในฐานที่มั่นปักษ์ใต้

ไล่ทุบ ไล่ตี รื้อ “รังงูเห่า” ในเกม “อภิสิทธิ์” ลุย “กระชับพื้นที่” ประชาธิปัตย์

ปฏิบัติการข้ามช็อต จำกัดวงอำนาจของทีม “ลุงกำนัน”

เพราะตามเส้นทางบังคับหนีไม่พ้นต้องแจมกับทีมหนุน “นายกฯลุงตู่” หลังเลือกตั้ง มันจึงต้องรีบกระชับพลังต่อรองของ “อภิสิทธิ์” ทั้งคิวโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และการดีลร่วม ครม.

ไม่ให้ทีม “ลุงกำนัน” ต่อสายตรง คุมเกมต่อรอง.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: