PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559

สงครามเย็นรอบใหม่กำลังเกิด

ผมจำได้ว่าสัมภาษณ์ นายกรัฐมนตรีรัสเซีย ดมิทรี เมดเวเดฟ

ที่กรุงเทพฯ เมื่อปีก่อนขณะที่รัสเซียกำลังเผชิญกับโลกตะวันตก ที่นำโดยสหรัฐว่าด้วยวิกฤตในยูเครน

เขายืนยันมั่นเหมาะว่ารัสเซียจะไม่มีวันถอย และอย่างไรเสียก็จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของรัสเซีย ในภูมิภาคนั้นอย่างเหนียวแน่น 

ล่าสุด ดูเหมือนสถานการณ์ก็เสื่อมทรุดลงอย่างมาก เพราะเมดเวเดฟ ซึ่งเป็นมือขวาของประธานาธิบดีวลาดีเมียร์ ปูติน มายาวนานประกาศเสียงดังฟังชัดว่า

โลกกำลังก้าวเข้าสู่สงครามเย็นรอบใหม่... ละม้ายกับวิกฤตขีปนาวุธคิวบาของปี 1962”

ฟังแล้วน่ากลัว เพราะวิกฤตครั้งนั้นเกือบพาโลกลงเหวสู่สงครามนิวเคลียร์ ที่อาจทำลายล้างผู้คนบนโลกทั้งผืนได้เลยทีเดียว

เมดเวเดฟไม่ได้พูดประโยคนี้กับนักข่าวคนสองคน หรือกระซิบกระซาบกันในแวดวงของเหล่าทหารหาญของรัสเซีย

แต่เป็นการแสดงจุดยืนอย่างเปิดเผยผ่านรายการทีวีที่มิวนิค ประเทศเยอรมันนี ในการประชุมความมั่นคงนานาชาติที่ถือเป็นเวทีสากลที่มีความหมายยิ่ง

นายกฯรัสเซียคงต้องการจะสำแดงความรู้สึก ให้ผู้นำตะวันตกได้รับรู้ว่าอย่างไรเสีย มอสโควก็ไม่มีทางยอมอ่อนข้อต่อแรงกดดันทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและความมั่นคงจากสหรัฐและพันธมิตรแน่นอน

บางทีผมก็สงสัยว่าเรากำลังมีชีวิตอยู่ในปี 2016 หรือ 1962 กันแน่…” เมดเวเดฟบอกผู้นำตะวันตกที่มาร่วมประชุม

คำว่า “สงครามเย็น” ก็ถูกรับลูกต่อโดยยอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ไปร่วมประชุม เพราะเขาบอกก่อนที่นายกฯรัสเซียจะพูดว่า

“สงครามเย็นยุติไปนานแล้ว แต่เรายังจำเป็นต้องมีความกล้าและความมุ่งมั่น ในการปกป้องเสรีภาพและแสวงหาสันติภาพ”

เลขาธิการนาโต้ (องค์การสนธิสัญญาอเมริกาเหนือ) Jens Stoltenberg ดูเหมือนจะยิงตรงมากกว่าแคร์รี่ เพราะเขาระบุชื่อรัสเซียออกมาโต้ง ๆ อย่างไม่เกรงใจว่า

“เราเห็นรัสเซียที่รุกคืบหนักขึ้น และเราเห็นรัสเซียที่กำลังทำให้ระเบียบด้านความมั่นคงของยุโรปสั่นคลอนมากขึ้น นาโต้ไม่ได้แสวงหาการเผชิญหน้า และเราไม่ต้องการสงครามเย็นรอบใหม่ แต่ขณะเดียวกันการตอบสนองของเราก็จะต้องมั่นคงและหนักแน่น...”

ไม่ต้องสงสัยว่าสัญญาณที่เลขาฯนาโต้ส่งไปถึงรัสเซีย คือองค์กรความมั่นคงแห่งนี้ กำลังระดมสรรพกำลังทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง เพื่อสะกัดกั้นการข่มขู่คุกคามของรัสเซีย

เรากำลังอยู่ในสภาพความเป็นจริงแบบใหม่กับรัสเซีย (“We are in a new reality with Russia.”)

ประโยคนี้ไม่ต้องตีความให้ยาก เป็นการตอกย้ำว่านาโต้กับรัสเซียยืนอยู่คนละข้าง ในเรื่องการสู้รบโดยเฉพาะในยูเครน และล่าสุดซีเรีย

สมรภูมิซีเรียคือจุดเผชิญหน้ารอบใหม่ที่น่าหวาดเสียว เพราะมีความเสี่ยงสูงที่ทหารทั้งสองฝ่าย จะยิงหรือถล่มกันไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ เพราะถือหางกันคนละข้าง

สหรัฐและฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในซีเรียกล่าวหาว่ารัสเซียได้จงใจถล่ม “กลุ่มสายกลาง” ที่ได้รับการสนับสนุนโดยสหรัฐฯและตะวันตก

รัสเซียยืนยันว่าเป้าหมายถล่มของตนคือกลุ่มรัฐอิสลามหรือ IS เท่านั้น

รัสเซียอุ้มรัฐบาลของประธานาธิบดีบาช่า อาซัด ขณะที่ฝ่ายสหรัฐและรัฐอาหรับสุหนี่ ยืนยันว่าจะต้องโค่นรัฐบาลซีเรียปัจจุบันจึงจะเกิดสันติภาพได้

“สงครามเย็น” จะฟื้นชีพหรือไม่คงถกแถลงกันได้ แต่ที่แน่ ๆ คือทุกวันนี้ที่ซีเรียคือ สงครามร้อน” ที่ทำลายชีวิตชาวบ้านไม่รู้อิโหน่อิเหน่เป็นแสน ๆ คนโดยที่ยังมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายถ้ำแม้แต่น้อย

 

- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/637142#sthash.n1QxdBTZ.LWNGFz3w.dpuf

ไม่มีความคิดเห็น: