PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2560

เงินริงกิตมาเลย์วิกฤตหนักรอบ 30 ปี:

(Mar 10) เงินริงกิตมาเลย์วิกฤตหนักรอบ 30 ปี: ค่าเงินริงกิตวิกฤตหนักรอบ 30 ปี ร้านค้าในพื้นที่ชายแดนเริ่มปฎิเสธไม่รับเงินมาเลเซีย หวั่นค่าเงินไม่เสถียรภาพ
ผู้ประกอบการในพื้นที่อำเภอเบตงได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างจากวิกฤติค่าเงินริงกิตมาเลเซียตกต่ำ โดยวันนี้ (10 มี.ค.60) อัตราแลกเปลี่ยนเงินอยู่ที่ริงกิตละ 7.78 บาท ทำให้บรรยากาศเศรษฐกิจชายแดน โดยเฉพาะในพื้นที่ด่านพรมแดนอำเภอเบตง จังหวัดยะลาซบเซา บริษัททัวร์บางแห่ง ในมาเลเซีย ประกาศปิดกิจการยกเลิกสัญญาเช่าอาคาร เหตุนักท่องเที่ยวลดลงร้านค้า บางร้าน ปิดป้ายให้เช่า ผู้ให้บริการรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างรายได้ลดลง
อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่เงินริงกิตมาเลเซียตกต่ำอย่างหนักในรอบ 30 ปี โดยค่าเงินปัจจุบัน 1 ริงกิตแลกเงินไทยได้ประมาณ 8 บาท และบางวันตกลงไปเหลือ 7.77 บาทนั้น ล่าสุดได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในด้านเศรษฐกิจ การค้าและการท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอเบตงทั้งระบบ จากค่าเงินริงกิตตกต่ำ ผู้ประกอบการรายย่อย และรายใหญ่บางส่วนเริ่มปฏิเสธการรับเงินริงกิตของมาเลเซีย เนื่องจากไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงจากค่าเงินมาเลเซียที่ยังไม่มีเสถียรภาพและยังไม่มีแนวโน้มที่จะกระเตื้องขึ้นในเร็ววันนี้
นายสมชาย แซ่แต้ อายุ 57 ปี เจ้าของร้านสตาร์แก๊ส ระบุว่า ค่าเงินริงกิตตกต่ำทำให้ทางร้านต้องหักเงินลูกค้าในกรณีนำเงินริงกิตมาจ่ายค่าสินค้าโดยคิดในอัตรา 1 ริงกิตเท่ากับ 7.87 บาทเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงกรณีเงินริงกิตตกต่ำกว่าเดิม นอกจากนี้ ปัจจุบันร้านค้าส่งในพื้นที่ ได้ปฏิเสธที่จะรับเงินริงกิต ซึ่งหากต้องการไปซื้อสินค้าเพื่อนำมาจำหน่ายภายในร้านก็จะต้องแลกเป็นเงินบาทไทยไปซื้อเท่านั้น
ด้านนายยุทธชัย โศภัตวงพงศ์ อายุ 56 ปี เจ้าของร้านเบตงทรัพย์มงคล กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาประกอบกับค่าเงินริงกิตตกต่ำ ทำให้ลูกค้าชาวมาเลเซียหายไปมากกว่าร้อยละ80 ทั้งที่ชาวมาเลเซียนิยมบริโภคข้าวสารเก่าของไทยมากกว่าข้าวสารที่จำหน่ายอยู่ภายในประเทศ ทำให้การค้าเป็นไปอย่างเงียบเหงาแม้จะเป็นช่วงวันศุกร์และวันเสาร์ที่โดยปกติจะมีชาวมาเลเซียเข้ามาในพื้นที่เป็นจำนวนมาก
ดังนั้นแม้จะมีความเสี่ยงต่อค่าเงินริงกิตที่เก็บเอาไว้แต่เพื่อรักษาลูกค้าขาประจำ ทางร้านจึงจำเป็นต้องคิดอัตราซื้อขายตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ทำให้ค่าเงินริงกิตที่ลูกค้านำมาซื้อข้าวสารจึงแปรผันตามอัตราแลกเปลี่ยนจริง พร้อมยอมรับว่าเศรษฐกิจการค้าชายแดนน่าเป็นห่วง เพราะส่วนใหญ่ร้านค้าและธุรกิจเกือบทั้งระบบในพื้นที่อำเภอเบตง พึ่งพาการจับจ่ายซื้อสินค้าของชาวมาเลเซียเป็นหลัก ตอนนี้จึงได้แต่ทำใจและภาวนาให้สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของประเทศมาเลเซียฟื้นตัวโดยเร็ว
ขณะที่นายหวัง ดือราแม อายุ 55 ปี อาชีพขับรถรับจ้าง (ตุ๊กตุ๊ก) ซึ่งมีลูกค้าขาประจำเป็นชาวมาเลเซีย กล่าวว่า ช่วงนี้ถือว่าบรรยากาศการค้าอยู่ในภาวะซบเซาอย่างหนัก ค่าเงินริงกิตตกต่ำทำให้ชาวมาเลเซียไม่เข้ามาในพื้นที่อำเภอเบตง เลย จากที่ลูกค้าชาวมาเลเซียมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ก็ลดปริมาณลงและใช้บริการที่จำเป็นหากไม่ไกลมากก็เดิน ทำให้ผู้ประกอบอาชีพขับรถรับจ้างในพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งการปรับตัวในห้วงนี้เน้นใช้จ่ายอย่างประหยัดมากขึ้น และพยายามรักษาลูกค้าประจำเอาไว้
Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น: