ปชป.กับการทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ประชาชนกับการรักษาประชาธิปไตย
เพิ่งวิจารณ์ปชป.ไปเมื่อวันก่อนถึงตอนที่คุณอภิสิทธิ์ประกาศไม่ไปออกเสียงเลือกตั้งอ้างว่าการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
แค่นั้นก็ว่าแย่แล้ว วันนี้คุณอภิสิทธิ์ไปไกลกว่านั้นคือถึงขั้นร้องศาลรัฐธรรมนูญเองเลยว่ารัฐบาลขัดมาตรา 68 ที่ไม่ยอมเลื่อนการเลือกตั้ง ปล่อยให้มีการเลือกตั้งไปโดยไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
คำกล่าวหาตามมาตรานี้ก็คือล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยและได้อำนาจการปกครองโดยวิถีทางที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
ถ้าศาลฯเห็นตามนั้นก็จะวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะเสียด้วย
เรียกว่ากลับตาลปัตรไปหมด ถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูก โจทย์กลายเป็นจำเลยและจำเลยกลับกลายมาเป็นโจทย์
ปชป.ส่งพวกออกมาเคลื่อนไหวนอกสภาเพื่อล้มรัฐบาลและต่อมาก็ล้มระบบด้วย ใช้การเคลื่อนไหวที่ผิดกฎหมายร้ายแรงเต็มไปหมดบีบบังคับให้รัฐบาลออกไป เสนอให้มีสภาประชาประชาชนและให้มีรัฐบาลประชาชน ขัดขวางการเลือกตั้งโดยทุกวิถีทาง มีการใช้อาวุธ กระทั่งอาวุธสงครามอย่างโจ่งแจ้ง และยังเรียกร้องยุยงให้มีการทำรัฐประหารด้วย
ปชป.ได้เข้าร่วมและสนับสนุนการเคลื่อนไหวนี้อย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้เลย
การเคลื่อนไหวนี้เป็นการกระทำที่เข้าข่ายตามมาตรา 68อย่างชัดเจน คือเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพของคนกลุ่มหนึ่งและเป็นการกระทำของพรรคการเมืองที่ร่วมกันล้มล้างการปกครองระบอบประชาชธิปไตยและเพื่อให้ได้อำนาจการปกครองโดยวิถีทางที่ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรมนูญ
ยิ่งวันเวลาผ่านไปก็ยิ่งตรงตามมาตรานี้มากขึ้นๆอย่างเห็นได้ชัด
มีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฯไม่รับคำร้อง
ก่อนหน้านี้ สมาชิกรัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยกระบวนการทางรัฐสภาตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้อำนาจไว้ ศาลรัฐธรรมนูญกลับวินิจฉัยว่าขัดมาตรา 68
มาคราวนี้กำลังจะพิจารณาอีกว่าการจัดการเลือกตั้งเป็นการล้มล้างการปกครองฯและเป็นการได้อำนาจการปกครองโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
หากวินิจฉัยนอย่างนั้น ศาลฯก็จะสั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะและนำไปสู่การถอดถอนนายกรัฐมนตรีต่อไป
เรียกว่าหาหลักหาเกณฑ์อะไรไม่ได้ หาความยุติธรรมไม่ได้เอาเสียเลย
ที่แย่กว่านั้นคือถ้าตัดสินให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ฟังได้ความว่าเหตุผลที่จะใช้บอกว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะเพราะไม่ได้เลือกในวันเดียวกันทั้งประเทศ
ถ้าตัดสินกันอย่างนั้น จะจัดการเลือกตั้งอย่างไรก็ไม่มีทางสำเร็จเป็นผลได้ เพราะพอถึงวันสมัครก็จะมีคนไปขัดขวางการรับสมัครอีก จะเลือกล่วงหน้าก็มีคนไปขัดขวางอีก กกต.ก็จะยอมตามนั้นแต่โดยดี แล้วพอจะเลือกตั้งตามที่กำหนดก็จะบอกว่าไม่ได้เลือกในวันเดียวกันทั้งประเทศอีก ก็คือต้องเลื่อนไปเรื่อยหรือไม่ก็เป็นโมฆะแล้วโมฆะอีกไม่มีวันจบสิ้นจนกว่า....
จนกว่าจะมีการใช้กลไกต่างๆจัดการกับรัฐบาลเพื่อให้เข้าข่ายที่จะใช้มาตรา 7 หรือไม่ก็มีการรัฐประหารตามที่มีการวางแผนกันอย่างสนุกสนานและเปิดเผย
กว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กพ.ได้ ประชาชนต้องพยายามลุ้นกันเต็มที่ มีการเลือกตั้งได้ ดีใจกันอยู่เดี๋ยวเดียว ก็ต้องมาคิดรับมือกับความพยายามทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะอีกแล้ว
แต่นี่คือความเป็นจริง ความเป็นจริงที่เจ็บปวด แต่ก็ต้องพยายามกันต่อไป พยายามที่จะรักษาประชาธิปไตยไว้ให้ดีที่สุด แม้ว่าจะต้องเหนื่อยยากกันอีกเพียงใดก็ตาม
จะสู้กันอย่างไรต่อไป จะพยายามเขียนมาแลกเปลี่ยนกัน แต่คงต้องเป็นพรุ่งนี้แล้วละครับ
เพิ่งวิจารณ์ปชป.ไปเมื่อวันก่อนถึงตอนที่คุณอภิสิทธิ์ประกาศไม่ไปออกเสียงเลือกตั้งอ้างว่าการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
แค่นั้นก็ว่าแย่แล้ว วันนี้คุณอภิสิทธิ์ไปไกลกว่านั้นคือถึงขั้นร้องศาลรัฐธรรมนูญเองเลยว่ารัฐบาลขัดมาตรา 68 ที่ไม่ยอมเลื่อนการเลือกตั้ง ปล่อยให้มีการเลือกตั้งไปโดยไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
คำกล่าวหาตามมาตรานี้ก็คือล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยและได้อำนาจการปกครองโดยวิถีทางที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
ถ้าศาลฯเห็นตามนั้นก็จะวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะเสียด้วย
เรียกว่ากลับตาลปัตรไปหมด ถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูก โจทย์กลายเป็นจำเลยและจำเลยกลับกลายมาเป็นโจทย์
ปชป.ส่งพวกออกมาเคลื่อนไหวนอกสภาเพื่อล้มรัฐบาลและต่อมาก็ล้มระบบด้วย ใช้การเคลื่อนไหวที่ผิดกฎหมายร้ายแรงเต็มไปหมดบีบบังคับให้รัฐบาลออกไป เสนอให้มีสภาประชาประชาชนและให้มีรัฐบาลประชาชน ขัดขวางการเลือกตั้งโดยทุกวิถีทาง มีการใช้อาวุธ กระทั่งอาวุธสงครามอย่างโจ่งแจ้ง และยังเรียกร้องยุยงให้มีการทำรัฐประหารด้วย
ปชป.ได้เข้าร่วมและสนับสนุนการเคลื่อนไหวนี้อย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้เลย
การเคลื่อนไหวนี้เป็นการกระทำที่เข้าข่ายตามมาตรา 68อย่างชัดเจน คือเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพของคนกลุ่มหนึ่งและเป็นการกระทำของพรรคการเมืองที่ร่วมกันล้มล้างการปกครองระบอบประชาชธิปไตยและเพื่อให้ได้อำนาจการปกครองโดยวิถีทางที่ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรมนูญ
ยิ่งวันเวลาผ่านไปก็ยิ่งตรงตามมาตรานี้มากขึ้นๆอย่างเห็นได้ชัด
มีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฯไม่รับคำร้อง
ก่อนหน้านี้ สมาชิกรัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยกระบวนการทางรัฐสภาตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้อำนาจไว้ ศาลรัฐธรรมนูญกลับวินิจฉัยว่าขัดมาตรา 68
มาคราวนี้กำลังจะพิจารณาอีกว่าการจัดการเลือกตั้งเป็นการล้มล้างการปกครองฯและเป็นการได้อำนาจการปกครองโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
หากวินิจฉัยนอย่างนั้น ศาลฯก็จะสั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะและนำไปสู่การถอดถอนนายกรัฐมนตรีต่อไป
เรียกว่าหาหลักหาเกณฑ์อะไรไม่ได้ หาความยุติธรรมไม่ได้เอาเสียเลย
ที่แย่กว่านั้นคือถ้าตัดสินให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ฟังได้ความว่าเหตุผลที่จะใช้บอกว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะเพราะไม่ได้เลือกในวันเดียวกันทั้งประเทศ
ถ้าตัดสินกันอย่างนั้น จะจัดการเลือกตั้งอย่างไรก็ไม่มีทางสำเร็จเป็นผลได้ เพราะพอถึงวันสมัครก็จะมีคนไปขัดขวางการรับสมัครอีก จะเลือกล่วงหน้าก็มีคนไปขัดขวางอีก กกต.ก็จะยอมตามนั้นแต่โดยดี แล้วพอจะเลือกตั้งตามที่กำหนดก็จะบอกว่าไม่ได้เลือกในวันเดียวกันทั้งประเทศอีก ก็คือต้องเลื่อนไปเรื่อยหรือไม่ก็เป็นโมฆะแล้วโมฆะอีกไม่มีวันจบสิ้นจนกว่า....
จนกว่าจะมีการใช้กลไกต่างๆจัดการกับรัฐบาลเพื่อให้เข้าข่ายที่จะใช้มาตรา 7 หรือไม่ก็มีการรัฐประหารตามที่มีการวางแผนกันอย่างสนุกสนานและเปิดเผย
กว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กพ.ได้ ประชาชนต้องพยายามลุ้นกันเต็มที่ มีการเลือกตั้งได้ ดีใจกันอยู่เดี๋ยวเดียว ก็ต้องมาคิดรับมือกับความพยายามทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะอีกแล้ว
แต่นี่คือความเป็นจริง ความเป็นจริงที่เจ็บปวด แต่ก็ต้องพยายามกันต่อไป พยายามที่จะรักษาประชาธิปไตยไว้ให้ดีที่สุด แม้ว่าจะต้องเหนื่อยยากกันอีกเพียงใดก็ตาม
จะสู้กันอย่างไรต่อไป จะพยายามเขียนมาแลกเปลี่ยนกัน แต่คงต้องเป็นพรุ่งนี้แล้วละครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น