PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2560

การใช้อำนาจที่ไร้ธรรมาภิบาล:พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

การใช้อำนาจที่ไร้ธรรมาภิบาล

การใช้อำนาจของผู้ถืออำนาจในช่วงปลายปีประเทศ เป็นอะไรที่เกินกว่าจะรับได้ เพราะขัดแย้งกับหลักธรรมาภิบาลอย่างสิ้นเชิง และส่อไปทางที่ใช้อำนาจเพื่อเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง และนำมาสู่การเอื้อประโยชน์แก่ตนเองในภายหลัง

เรื่องที่เข้าลักษณะเช่นนี้อย่างชัดเจน ขณะนี้มีอยู่สองเรื่องหลัก และต่อไปคาดว่าอาจมีมากขึ้นเรื่อยๆ

เรื่องแรก คือ การใช้มาตรา ๔๔ แก้ พรป. พรรคการเมือง ซึ่งอ้างความเท่าเทียมระหว่างพรรคการเมือง แต่เนื้อหานั้นกลับเป็นการเอื้อประโยชน์แก่พรรคการเมืองที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ ที่มีจุดยืนสนับสนุนพลเอประยุทธ เป็นนายกฯต่อหลังเลือกตั้ง

แต่ที่ร้ายยิ่งกว่านั้นคือการสร้างเงื่อนไขให้มีการยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคการเมืองโดยให้เวลาเพียงเดือนเดียว ซึ่งในทางปฏิบัติเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเป็นแสนหรือเป็นล้าน ที่สมาชิกทุกคนจะยืนยันได้หมด คำสั่งนี้จึงเท่ากับเป็นการยกเลิกการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของประชาชนทางอ้อมนั่นเอง อันเป็นการทำลายสิทธิและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน

เรื่องที่สองคือ การออกกฎหมาย ปปช. ในลักษณะที่เอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องตนเอง โดยเฉพาะผู้ที่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ให้สามารถเป็น กรรมการ ปปช.ต่อไปได้ ซึ่งส่อเจตนาเข้าไปแทรกแซงองค์การอิสระ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตนเอง โดยเฉพาะขณะนี้มีหลักฐานอย่างชัดเจนเป็นที่รับรู้ของสาธารณะว่ารัฐมนตรีบางคนอาจจะทำผิดกฎหมาย ปปช. ฐานเจตนาปกปิดทรัพย์สิน โดยไม่แจ้งทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงเกินสองแสนบาทแก่ ปปช.

การออกกฎหมาย ปปช. ครั้งนี้จังเป็น การทำลายหลักธรรมาภิบาล ทำลายหลักการการขัดกันของผลประโยชน์ และทำลายหลักการที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

นี่ยังไม่นับความไร้สมรรถนะในการจัดการกับปัญหาการทุจริตในระบบราชการได้อย่างมีประสิทธิผล
ไร้สมรรถนะในการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ไร้สมรรถนะในการปฏิรูปประเทศ โดยเฉพาะการปฏฺรูปตำรวจและกระบวนการยุติธรรม

และแม้กระทั่งปัญหาสังคมอย่าง การตายจากอุบัติเหตุบบท้องถนน ก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้ มาตราการต่างๆที่ออกมา ก็ใช้เพียงการออกกฎหมายที่ให้รุนแรงขึ้น แต่ก็ไม่อาจแก้ปัญหาได้ เพราะแก้ไม่ถูกจุด ถูกประเด็น ในปัจจุบันคนตายจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทยจึงติดอันดับหนึ่งของโลก

ส่วนวาทกรรมที่นายกฯ พร่ำออกมาว่า ปีหน้าจะใช้หลักธรรมาภิบาล และประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมนั้น
ดูจากพฤติกรรมการตัดสินใจ และการทำงานที่ผ่านมา รวมทั้งเจตนาที่จะสืบทอดอำนาจในอนาคต จากการใช้อำนาจแก้กฎหมายพรรคการเมือง สร้างเงื่อนไขบั่นทอนการมีส่วนร่วมทางการเมืองของสมาชิกพรรคการเมือง ฯลฯ และการออกกฏหมาย ปปช. ที่เอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องแล้ว ทั้งหมดที่พูดออกมา เกรงว่า จะเป็นการถ่มน้ำลายรดฟ้า และตกลงมาที่หน้าตนเองเสียมากกว่า

ไม่มีความคิดเห็น: