Jab25Mar15
คดีความมั่นคง
พล.อ.ประวิตร ยัน ดูแลความมั่นคง-ปลอดภัยเต็มที่ หลังพบระเบิด ประสาน กทม.พร้อมสนับสนุนกำลังพล เครื่องมือ ระบายน้ำ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงกรณีน้ำท่วมกรุงเทพมหานครเมื่อวานที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ได้ประสานกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและได้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้รองรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นอีก ขณะเดียวกัน ต้องสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชน โดยสาเหตุน้ำท่วมเกิดจากการที่ กทม.ไม่ได้ทำการพร่องน้ำในคลองแสนแสบไว้จึงเกิดน้ำท่วมขังทั่วกรุงเทพมหานครหลายจุด โดยเฉพาะแยกอโศก
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังระบุถึงมาตรการรักษาความปลอดในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภายหลังจากมีการพบวัตถุระเบิดในพื้นที่ใกล้เคียงสถานที่จัดประชุม ว่า วัตถุระเบิดที่พบเป็นเพียงการนำมาซุกซ่อน โดยฝ่ายความมั่นคงได้ดูแลในเรื่องนี้อยู่แล้ว ส่วนการรักษาความปลอดภัยเป็นไปตามมาตราการรักษาความปลอดภัยตามปกติ ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจและทหารในการดูแลพื้นที่อยู่แล้ว
/////////////////////
คดีการเมือง
"พีระศักดิ์" ยัน สนช. ไม่เร่งรีบถกถอดถอน "บุญทรง" แจง ทำตามขั้นตอน ยึดข้อบังคับ สัปดาห์นี้ จับตา พ.ร.บ.ค้ามนุษย์
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า การบรรจุคดีถอดถอน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพวก เข้าสู่การพิจารณานั้น ไม่ได้มีความเร่งรีบ หรือรีบร้อน ตามที่ผู้ถูกกล่าวหาตั้งข้อสังเกต แต่เป็นการดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับ ที่จะต้องนำเข้าพิจารณา ภายใน 30 วัน หลังจากรับสำนวนจาก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เบื้องต้นจะครบกำหนดในวันที่ 10 เม.ย. ดังนั้นจึงไม่ถือเป็นการเร่งรีบแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นายพีระศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า การประชุมในสัปดาห์นี้จะมีกฎหมายสำคัญเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ ที่กรรมาธิการฯพิจารณาเสร็จแล้วเข้าสู่สภา เพื่อพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ต่อไป ซึ่งถือเป็นร่าง พ.ร.บ. สำคัญ ที่จะเป็นตัวยืนยันกับนานาชาติ ว่า ไทยได้มีการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง และสนับสนุนทำการค้ากับต่างประเทศ รวมถึงจะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับ มหาวิทยาลัย ที่ขอออกนอกระบบด้วย
----------------
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เลือกองค์คณะในคดีบุญทรงทุจริตจำนำข้าวแล้ว 9 ท่าน นัดประชุม 20 เม.ย. นี้
ที่ ประชุมใหญ่ศาลฎีกา มีมติพิจารณาเลือกองค์คณะผู้พิพากษา ทำหน้าที่พิจารณาคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับพวก 21 คน กรณีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือฮั้วประมูล พ.ศ. 2542 เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจโดยทุจริต สร้างความเสียหายแก่รัฐ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต สร้างความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต
โดยมีผู้พิพากษาร่วมประชุม จำนวน 170 คน ซึ่งมติการลงคะแนน มีผู้พิพากษาในศาลฎีกาที่ได้รับเลือกเป็นองค์คณะจำนวน 9 คน คือ นายธนกฤษ์ นิติเศรณี ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ นายวิรุฬห์ แสงเทียน นางทัศนีย์ จั่นสัญจัย ธรรมเกณฑ์ นายชีพ จุลมนต์ นางพฤษภา พนมยันตร์ นายวีระพล ตั้งสุวรรณ นางนวลน้อย ผลทวี และ นายอภิรัตน์ ลัดพลี
โดยหลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะต้องแจ้งให้องค์คณะทั้ง 9 คน รับทราบว่าเป็ผู้ถูกพิจารณารับเลือกให้พิจารณาคดีดังกล่าว ก่อนที่องค์คณะจะมีการประชุมเลือกเจ้าของสำนวน รวมถึงประชุมพิจารณาว่าจะประทับรับฟ้องคดีตามที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องมาหรือไม่ ซึ่งในเบื้องต้นมีกำหนดนัดวันประชุมในวันที่ 20 เมษายนนี้
-------------------------
บรรยากาศล่าสุดที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ เตรียมปิดประกาศรายชื่อองค์คณะ
ศาลฎีกา ได้นัดประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อ เลือกองค์คณะ ทำหน้าที่พิจารณาคดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวก 21 คน ในฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือ ฮั้วประมูล พ.ศ. 2542 เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจโดยทุจริต สร้างความเสียหายแก่รัฐ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต สร้างความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต
โดยเมื่อเวลา 10.00 น. ทางคณะผู้พิพากษาได้ประชุมแล้วเสร็จ แต่ไม่ได้มีการแถลงรายละเอียดหรือชี้แจงรายชื่อองค์คณะผู้ทำหน้าที่พิจารณาคดี นายบุญทรง กับพวกแต่อย่างใดด้านบรรยากาศยังคงมีสื่อมวลชนปักหลักติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
////////////////
สปช./กมธ.ยกร่าง
"บวรศักดิ์" แจ้งเลื่อนประชุมภายใน เตรียมความพร้อมลงพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจเนื้อหา ร่าง รธน. คาดทบทวนไม่จบ 315 มาตราวันนี้
นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญในสัปดาห์หน้าว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างฯ จะมีการพิจารณากระบวนการทำงานเป็นการภายในเพื่อเตรียมพร้อมชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกต่อที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวันที่ 20 - 26 เมษายนนี้ รวมถึงเตรียมความพร้อมสำหรับการลงพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญเวทีแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนในวันที่ 31 มีนาคมนี้จะพิจารณามาตราที่แขวนไว้ คือ สัดส่วนของเพศตรงข้าม
ขณะที่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แจ้งในที่ประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างฯ เลื่อนประชุมภายในเป็นวันที่ 30 มีนาคม - 2 เมษายน เนื่องจากมีการเสนอให้พิจารณารายละเอียดในบางมาตราใหม่อีกครั้ง จึงคาดว่าไม่สามารถพิจารณาให้เสร็จทั้ง 315 มาตราภายในวันนี้ และเริ่มประชุมภายในในวันพฤหัสบดีนี้ตามกำหนดเดิมได้
----
สมาชิก สปช.เข้าชื่อยื่นญัตติเทียนฉาย ขอเพิ่มวันพิจารณารัฐธรรมนูญร่างแรก รอหารือวิป สปช. พรุ่งนี้
สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นำโดย นายทิวา การกระสัง สปช.จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ยื่นญัตติถึง นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. โดยมีสมาชิกรับรองญัตติ 6 คน เพื่อเสนอให้จัดการประชุม สปช.พิจารณากำหนดวันอภิปรายรัฐธรรมนูญร่างแรก ซึ่งตามกำหนดเดิมนัดประชุมวันที่ 20-26 เมษายน และวันที่ 23 เมษายน เริ่มประชุมในเวลา 14.00 น. ทำให้มีเวลาพิจารณาเพียง 6 วันครึ่ง
ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 36 บัญญัติให้ สปช. มีเวลาพิจารณา 10 วัน นับจากได้รับร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกจากคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จึงเห็นควรให้มีการประชุมตั้งแต่วันที่ 18 หรือ 19 เมษายน เพราะ สปช.ได้รับร่างในวันที่ 17 เมษายน รวมไปถึงหลังการอภิปรายแล้ว สปช.จะเข้าชื่อเสนอคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ หรือที่เรียกว่าแปรญัตติกันอย่างไรจึงเกิดประสิทธิภาพในการทำหน้าที่
อย่างไรก็ตาม จะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุม วิป สปช. พรุ่งนี้ด้วย
----------------------
กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้หารือแนวทางรับมือการชี้แจงรัฐธรรมนูญร่างแรกที่จะเสนอต่อประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ ขณะที่สมาชิก สปช. 6 คนร่วมลงชื่อ เสนอญัตติต่อประธาน สปช. ให้เพิ่มวันประชุม สปช. เพื่อพิจารณารัฐธรรมนูญร่างแรกให้เกิดประสิทธิภาพ
การประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่าวงมีการหารือถึงแนวทางการชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกต่อที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวันที่ 20-26 เมษายน 2558 ว่าเวลารวมทั้งสิ้น 79 ชั่วโมง โดยได้มีการเสนอกรอบเวลาให้กรรมาธิการยกร่างฯ ชี้แจงและตอบข้อสงสัย รวม 15 ชั่วโมง ขณะที่ สปช. มีเวลาในการอภิปรายรวม 64 ช.ม.
โดยแบ่งเป็นส่วนของคณะกรรมาธิการปฏิรูป 18 คณะ คณะละ 2 ชั่วโมง ส่วนสมาชิก สปช. จะสามารถอภิปรายได้คนละ 10 นาที โดยสมาชิก 1 คน สามารถอภิปรายได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น พร้อมทั้งขอให้เน้นย้ำสมาชิก สปช. ให้อภิปรายร่างรัฐธรรมนูญในรูปแบบของการให้ความรู้ และทำความเข้าใจกับประชาชนมากกว่าการอภิปรายตำหนิกรรมาธิการยกร่างฯ ทั้งนี้ กรรมาธิการยกร่างฯ ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับรูปแบบดังกล่าว และเตรียมจะนำเสนอต่อที่ประชุมวิป สปช. ในวันที่ 26 มี.ค. ต่อไป
ขณะที่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ นำโดยนายทิวา การกระสัง สปช.จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ยื่นญัตติถึงนายเทียนฉาย กีระนันท์ ประธาน สปช. โดยมีสมาชิกรับรองญัตติ 6 คน คือ นายดิเรก ถึงฝั่ง พ.อ.สิรวิชญ์ นาคทอง นายศักดา ศรีวิริยะไพบูลย์ นายนิรันดร์ พันทรกิจ นายไพฑูรย์ หลิมวัฒนา และนายทิวา การกระสัง เพื่อเสนอให้จัดการประชุม สปช. พิจารณากำหนดวันอภิปรายรัฐธรรมนญร่างแรก
ซึ่งตามกำหนดเดิมนัดประชุมวันที่ 20-26 เมษายน และวันที่ 23 เมษายน เริ่มประชุมในเวลา 14.00 น. ทำให้มีเวลาพิจารณาเพียง 6 วันครึ่ง ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 36 บัญญัติให้ สปช. มีเวลาพิจารณา 10 วัน นับจากได้รับร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกจากคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จึงเห็นควรให้มีการประชุมตั้งแต่วันที่ 18 หรือ 19 เมษายน เพราะ สปช. ได้รับร่างในวันที่ 17 เมษายน รวมไปถึงหลังการอภิปรายแล้ว สปช. จะเข้าชื่อเสนอคพชำขอแก
-----------------------------
กมธ.ยกร่าง หารือแนวทางชี้แจง ร่าง รธน.ต่อสภา 20-26 เม.ย. มีเวลาตอบข้อซักถาม 15 ช.ม. ขณะ สปช. อภิปราย 64 ช.ม.
บรรยากาศการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มีการหารือถึงแนวทางการชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกต่อที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวันที่ 20-26 เมษายน ซึ่งเวลารวมทั้งสิ้น 79 ชั่วโมง โดยได้มีการเสนอกรอบเวลาให้กรรมาธิการยกร่างฯ ชี้แจงและตอบข้อสงสัย รวม 15 ชั่วโมง ขณะที่ สปช. มีเวลาในการอภิปรายรวม 64 ช.ม. โดยแบ่งเป็นส่วนของคณะกรรมาธิการปฏิรูป 18 คณะ คณะละ 2 ชั่วโมง ส่วนสมาชิก สปช. จะสามารถอภิปรายได้คนละ 10 นาที โดยสมาชิก 1 คน สามารถอภิปรายได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น พร้อมทั้งขอให้เน้นย้ำสมาชิก สปช. ให้อภิปรายร่างรัฐธรรมนูญในรูปแบบของการให้ความรู้ และทำความเข้าใจกับประชาชนมากกว่าการอภิปรายตำหนิกรรมาธิการยกร่างฯ
ทั้งนี้ กรรมาธิการยกร่างฯ ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับรูปแบบดังกล่าว และเตรียมจะนำเสนอต่อที่ประชุมวิป สปช. ในวันที่ 26 มี.ค. ต่อไป
//////////////////
เคลื่อนไหวนายกฯ
ยงยุทธ เผย กำหนดการนายกฯ ประชุม ครม. นอกสถานที่ ติดตามจัดระเบียบชายหาดหัวหิน ตรวจตลาดฉัตรชัย พบปะประชาชน
ร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกำหนดการประชุม ครม.นอกสถานที่ ครั้งที่ 1 ที่ สวนสนประดิพัทธ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 27-28 มีนาคมนี้ ว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 27 มีนาคม นายกรัฐมนตรีจะรับฟังการสรุปเรื่องการจัดระเบียบชายหาดหัวหิน ที่ ท่าอากาศยานหัวหิน จากนั้นจะออกเดินทางไปยังตลาดฉัตรชัย ในตัวเมืองหัวหิน เพื่อไปดูสภาพเศรษฐกิจและพูดคุยกับประชาชน และจะเดินทางต่อไปยังชายหาดหัวหินเพื่อพบปะผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว
หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเดินทางต่อไปยังจุดจัดนิทรรศการ "นวัตกรรมและเทคโนโลยีไทยเพื่อเอสเอมอีและเกษตรกร" ก่อนที่จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งเริ่มประมาณ 14.00 น. สถานพักฟื้นและพักผ่อน กองทัพบก สวนสนประดิพัทธ์ 2 ซึ่งวาระการประชุมเป็นวาระทั่วไปตามปกติ แต่จะมีวาระเพิ่มเติมในส่วนของวาระที่เกี่ยวข้องกับภูมิภาค ก่อนจะมีการแถลงข่าวของนายกรัฐมนตรีและผลการประชุมต่อมาในช่วงเย็น.
และในวันที่ 28 มีนาคม จะมีกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง ครม. และ คสช. และในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางโดยเครื่องบินไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมพิธีสมรสของบุตรี นายกรัฐมนตรีมาเลเซียต่อไป
ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้น ทางหน่วยงานความมั่นคงดูแลอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว โดยดำเนินการตามมาตรการปกติ
----------------------------
นายกฯ ย้ำ รธน.แล้วเสร็จปลายปีนี้ เข้าสู่เลือกตั้ง ขออย่ากัวล ยันไม่ท้อ สถานการณ์ไม่ดีขึ้นจะอยู่นาน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวย้ำว่าการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญนั้นจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ และหลังจากนั้นจึงจะเข้าสู่กระบวนการการเลือกตั้ง ซึ่งขออย่ากังวล และวันนี้ไม่รู้สึกท้อ และหากสถานการณ์ประเทศยิ่งเป็นแบบนี้จะทำให้ตนเองยิ่งอยู่นานขึ้น
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในการช่วยเหลือแรงงานประมงไทยที่ประเทศอินโดนีเซียนั้น มีการดำเนินการมาโดยตลอด แต่ขออย่าขยายความเนื่องจากอาจเกิดปัญหาประเด็นเรื่องการค้ามนุษย์ แล้วประเทศจะเสียหาย ส่วนกรณีที่คนพิการเรียกร้องปัญหาเรื่องการขายลอตเตอรรี่นั้น ยืนยันกำลังหามาตรการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อยู่ โดยจะไม่ต่ออายุโควตาในเดือนกรกฎาคมนี้ จัดสรรอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง ทั้งนี้ ได้ให้กระทรวงการคลังหยุดชี้แจงเรื่องภาษีบ้านและที่ดิน โดยจะให้ดำเนินการแบบเป็นสากลและเกิดความเป็นธรรม ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มยังไม่มีการปรับขึ้นในปีนี้
---------------------------
พล.อ.ประวิตร ยัน เร่งช่วยเหลือแรงงานถูกหลอก ย้ำต้องมีการวางระบบเพื่อเร่งให้มีการจดทะเบียนแรงงานให้เรียบร้อย
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงกรณีที่แรงงานไทยที่ถูกหลอกไปลงเรือประมงและถูกปล่อยบนเกาะอัมบน ประเทศอินโดนีเซีย ว่า กำลังดำเนินการในเรื่องนี้อยู่ ซึ่งต้องยอมรับว่าแรงงานที่ไปนั้น เป็นแรงงานไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงต้องมีการวางระบบเพื่อเร่งให้มีการจดทะเบียนแรงงานให้เรียบร้อย โดยให้แรงงานที่ลงทะเบียนถูกต้องถึงจะสามารถออกไปได้ และจะมีชุดติดตาม
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ขณะนี้กำลังเร่งช่วยเหลือแรงงานดังกล่าว โดยทางกระทรวงการต่างประเทศ กำลังดำเนินการในเรื่องนี้ พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลเอาจริง และพร้อมทำทุกอย่าง
ขณะเดียวกัน ได้มีการแจ้งให้กับต่างประเทศรับทราบมาโดยตลอด ส่วนการช่วยเหลือเบื้องต้น ทางกระทรวงการต่างประเทศ กำลังประสานงาน และทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้จัดชุดช่วยเหลือลงไป จึงต้องมีการประสานงานกับทางประเทศอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการดำเนินการช่วยเหลือยังไม่สามาถกำหนดกรอบได้ เนื่องจากเป็นแรงงานที่ทำ
ผิดกฎหมาย จึงต้องพูดคุยกับทางประเทศอินโดนีเซีย เพื่อลงนามบันทึกความเข้าใจความมั่นคงทางทะเล
----------------------------
นายกฯ นำคณะบินเยือนบรูไนแล้ว ปัดรัฐบาลขัดแย้ง ยังไม่ปรับ ครม. - จี้ กทม.เร่งแก้ระบายน้ำ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางไปเยือนประเทศบรูไนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 25-26 มีนาคมนี้
โดยกล่าวยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีความขัดแย้งกัน และยังจะไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี เพราะมองว่าการปรับคนออกยังไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา ขณะเดียวกันส่วนตัวจะติดตามการทำงานของสื่อมวลชนที่สร้างความแตกแยก ซึ่งหากจำเป็นก็ต้องใช้อำนาจ
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการพิจารณาคดีทางการเมืองขอให้เป็นไปตามกลไกลและกระบวนการยุติธรรม โดยอย่าสู้กันนอกศาล พร้อมกันนี้ยังปฏิเสธว่ารัฐบาลไม่ได้สร้างสถาการณ์กรณีพบระเบิดใกล้พื้นที่จัด ครม.สัญจร
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังระบุว่า ได้สั่งกำชับให้ทางกรุงเทพมหานครดูแลในเรื่องของการระบายน้ำ รวมถึงการเตรียมการไม่ให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพมหานครเช่นเมื่อวานนี้
------------------
"กรณ์" FB หนุนหนุนนายกฯ ปรับภาษีที่ดิน ตัดสิ่งปลูกสร้างออก พร้อมแนะปรับปรุงภาษีบำรุงท้องที่ใหม่
นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค "Korn Chatikavanij" เรื่องช่วยกันคิด (ใหม่)เรื่องภาษีที่ดิน โดยระบุว่า เห็นด้วยที่นายกรัฐมนตรี สั่งให้ กระทรวงการคลัง ปรับแนวคิดโดยที่จะเก็บภาษีจาก 'ที่ดิน' เท่านั้น และตัด 'สิ่งปลูกสร้าง' ออก พร้อมกับยอมรับว่า ร่างเดิมของรัฐบาลประชาธิปัตย์ ที่ทำไว้เมื่อปี 2553 มีข้อบกพร่อง ซึ่งถ้าตอนนั้น ได้มีการพิจารณาในสภา ข้อบกพร่องต่าง ๆ คงปรากฏ แต่ไม่ได้มีการพิจารณา เพราะยุบสภาไปก่อน
นายกรณ์ ระบุด้วยว่า ปัญหาคือแนวคิดใหม่ของกระทรวงการคลัง ยังอาจจะไม่ตรงกับความต้องการของท่านนายกฯ เพราะตามที่ได้ติดตามการสัมภาษณ์ของรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ยังต้องการเก็บภาษีจากบ้านที่อยู่อาศัย เพียงแต่เก็บจากมูลค่าที่ดินเท่านั้น จึงขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า
1.ควรเก็บภาษีจาก 'ที่ดิน' ที่ไม่มีการใช้ประโยชน์เท่านั้น ไม่ให้บ้านที่อยู่อาศัยมีภาระ และควรมีการขีดเส้นเพื่อไม่ให้กระทบผู้มีรายได้น้อย
2.ควรปรับปรุง 'ภาษีบำรุงท้องที่' ให้ทันสมัย โดยควรปรับราคาประเมินให้สอดคล้องกับราคาปัจจุบัน ซึ่งที่อยู่อาศัยจะอยู่ในเกณฑ์ภาษีนี้อยู่แล้ว
3.ที่เป็นปัญหาคือภาษีโรงเรือนที่เก็บจากการใช้ที่ดินในเชิงพาณิชย์ เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม ฯลฯ เพราะระบบปัจจุบันเป็นระบบที่มีช่องโหว่ให้มีการทุจริต กระทรวงการคลัง จึงอาจพิจารณาให้เปลี่ยนเป็นการเก็บจากราคาที่ดิน ส่วนตัวไม่คิดว่าควรตั้งเป้าในการเก็บภาษีนี้มากนัก เพราะวัตถุประสงค์สำคัญของการออกกฎหมายภาษีที่ดิน คือ เราต้องการกระตุ้นให้คนเอาที่ดินมาทำประโยชน์
4. ควรจัดแบ่งรายได้บางส่วนจากภาษีที่ดิน เพื่อสนับสนุนการจัดตั้ง 'ธนาคารที่ดิน' เพื่อรองรับความต้องการของผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีที่ทำกินของตนเองก่อนจะทิ้งท้ายว่า จริงๆ แล้ว การออก 'ภาษีใหม่' เป็นเรื่องที่ต้องฟังประชาชนอย่างมาก รัฐบาลควรต้องจัดเวทีให้ครอบคลุม และกระทรวงการคลัง อาจต้องปรับท่าทีเพื่อให้เดินก้าวแรกได้ในเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าไม่ได้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลัง คิดไว้เดิมทั้งหมดก็ตาม
//////////////////////
ลีกวนยู
"ยิ่งลักษณ์" ลงนามแสดงความเสียใจ "ลี กวน ยู" อสัญกรรม ปัดตอบคดีข้าว ด้าน "สุรพงษ์" ค้านเลือกตั้งสัดส่วนผสม
เมื่อเวลา 10.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางมาที่สถานเอกอัครราชทูต สาธารณรัฐสิงคโปร์ประจำประเทศไทย เพื่อลงนามไว้อาลัย นายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ที่ถึงแก่อสัญกรรม โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวแสดงความเสียใจกับประชาชนสิงคโปร์ในการจากไปของอดีตผู้นำประเทศ พร้อมชื่นชมว่าเป็นแบบอย่างที่ดีในฐานะที่ประเทศไทยและสิงคโปร์มีความสัมพันธ์มายาวนาน
จึงรู้สึกเศร้าใจ ขณะเดียวกัน ปฏิเสธตอบคำถามเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญาในการปล่อยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ด้าน นายสุรพงษ์ กล่าวถึงการเลือกตั้งแบบเยอรมันว่า มองว่าวิธีการนี้เป็นการตั้งธงที่สกัดพรรคใหญ่ไม่ให้สามารถตั้งรัฐบาลเพียงพรรคเดียว แต่ต้องการให้เป็นรัฐบาลผสม
///////////////////////////
ส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ก.ต่างประเทศ รอ ตำรวจ อัยการ ส่งข้อมูลทั้งหมด ก่อนขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน ขณะยังไม่มีชาติใดสอบถามเรื่องซ้อมผู้ต้องหา
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ถึงกรณีที่มีข่าว จะประสานต่างประเทศ ในการขอตัว หรือการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น ขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ยังไม่ได้รับการประสานงานจากฝ่ายอัยการ จึงยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ เบื้องต้น ต้องรอให้กระบวนการภายในประเทศ จากตำรวจและอัยการเสร็จสิ้น ส่งเอกสารข้อมูลทั้งหมดมาก่อน จึงจะสามารถประสานไปยังแต่ละประเทศได้ ส่วนกรณีของ "ตั้ง อาชีวะ" หรือ นายเอกภพ เหลือรา นั้น กระทรวงฯ ได้สื่อไปทางรัฐบาลนิวซีแลนด์แล้วว่า ต้องห้ามบุคคลดังกล่าวเคลื่อนไหวทางการเมืองเด็ดขาด เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆ ที่จะตามมา
ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ ยังกล่าวถึงการชี้แจง หรือตอบโต้ องค์กรนิรโทษกรรมสากลว่า เบื้องต้น ยังไม่มีชาติใดส่งจดหมายมากดดันในเรื่องการควบคุมตัว ซ้อมผู้ต้องหาแต่อย่างใด แต่กระทรวงฯ ก็ได้มีการพยายามชี้แจง ทำความเข้าใจกับประเทศต่าง ๆ มาโดยตลอด และการกล่าวหา หรือสอบถามมาก็จะต้องมีการชี้แจงอย่างเป็นทางการอีก
นอกจากนี้ นายดอน ย้ำทิ้งท้ายว่า การทำความเข้าใจกับแต่ละชาติ มีความเข้าใจในสถานการณ์ของไทยเป็นอย่างดี มีเพียง สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ที่ไม่เข้าใจในเรื่องของหลักการ และเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งเท่านั้น แต่โดยภาพรวม ยังมีการประสานงาน สื่อสารกันตามปกติ รวมถึงเรื่องสหรัฐฯ จะส่งทูตคนใหม่มาประจำในประเทศไทยด้วย กำลังอยู่ในขั้นตอน รอให้ไทยพิจารณารับรองตัวบุคคลต่อไป
//////////////////////////////
น้ำท่วม
"ชูวิทย์" เฟซบุ๊ก บ่นเรื่องฝนตก กทม.น้ำท่วม แนะหากยังไม่กำจัดคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง น้ำก็ยังจะท่วมอยู่เหมือนเดิม
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย และเคยเป็นผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปี 2547 และ 2551 ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "ชูวิทย์ I?m No.5" ถึงกรณีฝนถล่มกรุงเทพฯ เมื่อวานที่ผ่านมา ด้วยภาพพร้อมข้อความ ทั้งบ่น และแนะนำให้มีการแก้ปัญหาว่า "เปลี่ยนผู้ว่าฯ มาแล้ว 7 คน ส่วนคนล่าสุดก็หายสาปสูญ, ฝนตกแค่ 2 ช.ม. กรุงเทพฯ ก็ยังน้ำท่วมเหมือนเมื่อ 30 ปีก่อน, หากยังไม่กำจัดคอร์รัปชั่นใน กทม.อย่างจริงจัง ต่อให้มีอีกร้อยอุโมงค์ คนกรุงเทพฯ ก็ต้องทำใจแล้ว มานั่งทำหน้า "เซ็งเป็ด" อยู่อย่างนี้
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะมีการแถลงชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ศาลาว่าการ กทม. ด้วย
----------------------------
ผู้ว่า กทม. แถลงกรณีฝนตกน้ำท่วมหนักวานนี้ ยอมรับไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ เร่งขุดลอกคูคลองระบายน้ำ
หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงถึงกรณีน้ำท่วมขังที่เกิดจากพายุฝนฤดูร้อน หลังเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากโลกออนไลน์ และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก ว่า ทาง กทม. ยอมรับว่ามีการวางแผนที่ผิดพราด เนื่องจากไม่คิดว่าพายุฝนที่จะเกิดขึ้นจะหนักขนาดนี้ ถึงอย่างไรทางเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครก็ได้ทำงานอย่างเต็มที่
โดยสามารถระบายน้ำออกจากพื้นถนนได้เกือบทั้งหมดภายใน 1-2 ช.ม. มีเพียงถนนเส้นอโศกมนตรีเท่านั้นที่ค่อนข้างใช้เวลานาน เพราะต้องระบายลงในคลองแสนแสบ เนื่องจากช่วงนี้ กทม. ไม่ได้มีการระบายน้ำในคลองออก เพราะต้องกักเก็บน้ำไว้ให้เกษตรกรใช้ในช่วงฤดูแล้ง แต่ยืนยันถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกทาง กทม. สามารถที่จะจัดการแก้ปัญหาได้แน่นอน
ด้านพื้นที่ที่มีการวางอุโมงยักษ์ไปแล้วนั้นยืนยันไม่มีพื้นที่ไหนมีน้ำท่วมขัง สามารถตรวจสอบได้ ส่วนกรณีน้ำท่วมท็อปส์ มาร์เก็ต สาขาสุขุมวิท 19 นั้นเป็นปัญหาที่พบมานานมากแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาการจัดการระบายน้ำในอาคารของเขาเอง ซึ่งบริเวณนั้นเป็นของเอกชน ทาง กทม. พยายามเข้าไปแก้ปัญหาหลายครั้ง แต่ทางเจ้าของอาคารและพื้นที่ก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือแต่อย่างใด
ส่วนแนวทางการวางแผนรับมือขณะนี้ เจ้าหน้าที่ กทม. พร้อมอย่างเต็มที่โดยตามแผนแล้วในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ทาง กทม. ก็ได้มีการขุดลอกคลอง ติดตั้งเครื่องสูบน้ำบริเวณพื้นที่ที่มีปัญหา รวมทั้งมีการน้ำเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ส่งซ่อมเพื่อรับมือกับเหตุการณ์น้ำท่วมขังที่เกินความคาดหมายดังกล่าวมาโดยตลอด รวมทั้งโครงการวางอุโมงยักษ์ขณะนี้ก็ดำเนินการตามจุดที่จำเป็นอย่างต่อเนื่อง แต่ในเหตุการณ์เมื่อวานนี้มันเกินคาดจริง ๆ จึงทำให้การแก้ปัญหาค่อนข้างล่าช้า
//////////////////////
คดีอาชญากรรม
ตำรวจ ทหาร สนธิกำลังบุกเข้าตรวจค้นบ้านพักและที่ทำงานมือบงการฆ่า "พระหมอ" และบ้านพัก "ด.ต." หลังมือปืนซัดทอดร่วมก่อเหตุได้ค่าจ้าง 50,000 บาท
พลตำรวจโท ปัญญา มาเม่น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำกำลังตำรวจกองบังคับการปราบปราม ตำรวจภูธรภาค 4 พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร เข้าตรวจค้นบ้านพัก และที่ทำงานของ นายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ ประธานบริหารโรงพยาบาลเอกอุดร ขณะที่กำลังอีกหลายชุด ได้เข้าค้นบ้านดาบตำรวจที่เป็นคนขับรถให้มือปืน ยิง พระบัณฑิต สุปัณฑิโต หรือ พระหมอ เจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด บ้านโนนเดื่อ ต.บ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี หลังตำรวจกองปราบปราม สามารถติดตามจับกุมตัว นายปัญจ๋า ชารีแสน อายุ 49 ปี ลูกจ้างประจำงานและสถานที่ สำนักงานคณะกรรมการอาชีวะศึกษา (สอศ.) ใน จ.กาฬสินธิ์ ได้เมื่อวานที่ผ่านมา และผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับ ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบ สภ.เมืองอุดรธานี ช่วยราชการชุดปราบปรามยาเสพติด หรือ ปส.จ.อุดรธานี โดยซัดทอดว่า ด.ต.ชาญชัย มีหน้าที่ขับรถพาไปก่อเหตุยิงพระหมอ และได้รับค่าจ้างวาน 50,000 บาท ส่วนความคืบหน้าผลการจับกุมและตรวจค้นจะมีการแถลงชี้แจงรายละเอียดในช่วงสายของวันนี้
----------------------
ผบ.ตร. เผย คืบคนร้ายยิงพระหมอ มือปืนสารภาพได้ค่าจ้าง 5 หมื่น ขยายผลหาคนบงการตัวจริงและสาเหตุสังหารต่อไป
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้า คดีคนร้ายยิง พระบัณฑิต สุปัณฑิโต หรือ พระหมอ เจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด จ.อุดรธานี ว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ตำรวจสามารถจับกุม นายปัญจ๋า ชารีแสน อายุ 49 ปี มือปืนที่ก่อเหตุได้แล้ว ซึ่งผู้ต้องหาให้การซัดทอดว่า ได้รับการว่าจ้างจาก ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองอุดรธานี ช่วยราชการชุดปราบปรามยาเสพติด หรือ ปส.จ.อุดรธานี ได้ค่าจ้าง 50,000 บาท และในวันเกิดเหตุ ด.ต.ชาญชัย ได้เป็นผู้จัดหาอาวุธปืน พร้อมขับรถพาไปลงมือก่อเหตุ แต่ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการควบคุมตัวดาบตำรวจคนดังกล่าว
ขณะที่ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างการขยายผลหาตัวตัวผู้ร่วมขบวนการ และผู้จ้างวานก่อเหตุในครั้งนี้ ส่วนจะมีความเชื่อมโยงกับพล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี และ พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผู้บังคับการกองบังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ที่มีคำสั่งให้ช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 24 มี.ค. หรือไม่นั้น พล.ต.อ.สมยศ ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี แต่เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการสืบสวนสอบสวน จึงมีคำสั่งย้าย
ส่วนการสั่งการให้ชุดสืบสวนพิเศษนำโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และตำรวจกองปราบปราม ลงไปช่วยสืบสวนจับกุมคนร้ายในคดี เพราะมีความเชี่ยวชาญในการแกะรอยตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และการทำสำนวนคดี
อย่างไรก็ตาม ปมการสังหาร พระบัณฑิต ในครั้งนี้ ตำรวจยังให้น้ำหนักในประเด็นชู้สาวเป็นพิเศษ แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นอื่นทิ้ง
////////////////////
เศรษฐกิจ
สศค. ชี้ 2 ปัจจัยฉุดดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ก.พ. มอง ท่องเที่ยว การค้าชายแดนยังโตดี หนุน เศรษฐกิจไทยปี 58
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.พ. อยู่ที่ระดับ 88.9 ลดลงจาก 91.1 ในเดือน ม.ค. ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ว่า สะท้อนให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมของไทยยังคงชะลอตัว ซึ่งมีสาเหตุมาจาก 1) ความกังวลของผู้ประกอบการต่อภาวะซบเซาของเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะในส่วนภูมิภาคที่ชะลอการใช้จ่าย เนื่องจากกำลัง
ซื้อที่ยังอ่อนแอ และ 2) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักของไทยที่ยังคงเปราะบาง โดยเฉพาะจากสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกของไทย และอาจจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
อย่างไรก็ดี จากการที่ภาคการท่องเที่ยวและการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านยังคงขยายตัวดี สะท้อนจากอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวในเดือน ก.พ. 58 อยู่ที่ ร้อยละ 71.1 ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือร้อยละ 70 เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และมูลค่าการค้าชายแดนในเดือน ม.ค. 58 ขยายตัว ร้อยละ 2.03 จากการช่วงเดียวกับปีก่อน จึงเป็นแรงสนับสนุนหลักในการขับเคลื่อน
เศรษฐกิจไทยในปี 58 ต่อไป
-------------------------
สศค. เผย รัฐส่งรายได้ 5 เดือนเข้าคลัง 7.9 แสนล้าน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ล่าสุด เบิกจ่ายงบประมาณแล้ว 1.2 ล้านล้าน
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผย ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 ว่า รัฐบาลมีรายได้นำเข้าส่งคลังทั้งสิ้น 797,432 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 5,586 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.7 โดยสาเหตุมาจากกรมสรรพสามิต มีรายได้จากภาษีน้ำมัน และภาษียาสูบที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณมีจำนวนทั้งสิ้น 1,210,266 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 8,380 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.7 ทำให้เงินขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ 412,834 ล้านบาท นายเอกนิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การขาดดุลในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณสะท้อนถึงบทบาทของรัฐ โดยการให้การสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่ภาคเอกชนยังระมัดระวังการใช้จ่าย
-------------------------
ฉัตรชัยรับทบทวนเป้าส่งออก มี.ค. นี้ หลัง ศก.โลกฟื้นช้า หลายตลาดติดลบ
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่หลายหน่วยงานปรับลดคาดการณ์การส่งออกของไทยในปีนี้ลงต่ำ ว่า เป็นไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ค่อนข้างล่าช้าซึ่งหลายประเทศจะมีอัตราการส่งออกติดลบ เช่น อินเดีย ติดลบ ร้อยละ 13 อินโดนีเซีย ร้อยละ 11.9 สิงคโปร์ ร้อยละ 8.6 และสหรัฐฯ ติดลบ ร้อยละ 5.1 ซึ่งไทยจะมีการทบทวนเป้าหมายการส่งออกใหม่หลังเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งหากวิเคราะห์ตลาดได้อย่างชัดเจน ก็มีโอกาสที่ไทยจะผลักดันให้การส่งออกขยายตัวได้
โดย กระทรวงพาณิชย์ ได้ขอความร่วมมือภาคเอกชนรายใหญ่เป็นพี่เลี้ยงส่งออกรายเล็ก ขณะนี้ มีความคืบหน้าอยู่ในขั้นตอนการถ่ายทอดประสบการณ์ด้านการตลาด โอกาส ช่องทางและกฎระเบียบต่าง ๆ ก่อนคัดเลือกผู้ประกอบการในเดือนเมษายนนี้ เพื่อไปโรดโชว์บุกตลาดต่างประเทศ
--------------------------
ปลัดกระทรวงคมนาคม เผย ภาพรวมการเบิกจ่ายงบประมาณ ปี 58 หน่วยงานรัฐวิสาหกิจยังล่าช้า กว่าเป้าร้อยละ 20.44
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการเร่งรัดติดตามการดำเนินงานและการเบิกจ่ายงบประมาณของกระทรวงคมนาคม ครั้งที่ 1/2558 ว่าภาพรวมการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการต่างๆ แต่ละหน่วยงานโดยเฉพาะโครงการใหญ่นั้น มีความล่าช้ากว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของกระทรวงคมนาคม สามารถเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2558 ได้เพียง 95,734.43 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20.44 ซึ่งล่าช้ากว่าแผน 39,753.72 ล้านบาท หรือร้อยละ 29.34 ส่วนงบลงทุน มีการเบิกจ่าย 20,857.91 ล้านบาท ล่าช้ากว่าแผน 28,303.76 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 57.57
ทั้งนี้ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ยังติดขัดด้านกระบวนการตรวจสอบของรัฐ อาทิ การก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. จำนวนเกือบ 3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากยังติดขัดเรื่องการลงนามในสัญญาที่ 3 ในส่วนของการติดตั้งระบบไฟฟ้าและอาณัติสัญญาณ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนภายในปลายเดือนนี้ และจะสามารถดำเนินการตามแผนต่อได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเบิกจ่ายงบประมาณจะยังล่าช้า แต่ทุกฝ่ายได้พยายามเร่งรัดอย่างเต็มที่ เพื่อให้งานเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว
----------------------------------
ณรงค์ชัย ชี้ปัญหาการเมืองทำการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจยาก คาดยอดส่งออกปี 58 หลุดกรอบ 4% ตามที่ พณ.ตั้งเป้า
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวปาฐกถาในงานเสวนา "ใช้พลังงานคุ้มค่าร่วมพัฒนาเศรษฐกิจไทย" ที่จัดขึ้น โดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ว่า ในปีนี้เศรษฐกิจที่ชะลอ สืบเนื่องจากปัญหาที่สะสมมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะปัญหาทางการเมืองส่งผลให้การปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไทยทำได้ยากลำบาก ซึ่งในปี 2558 นี้รัฐบาลพยายามเร่งรัดดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ยอมรับว่า ในปีนี้ยอดการส่งออกของจะเติบโตไม่ถึงร้อยละ 4 ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้ประเมินไว้ เนื่องจากประเทศต่าง ๆ ได้ปรับเปลี่ยนหันมาเป็นผู้ผลิตมากกว่าการนำเข้า รวมถึงไทยด้วย อีกทั้งสินค้าเกษตรที่ค้างในสต๊อกจำนวนมาก โดยเฉพาะปริมาณข้าวที่สูงกว่า 18 ล้านตัน และปริมาณยางพารา ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรยังคงอยู่ในระดับต่ำ
-----------------------------------
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังค้านปรับเพดานการละเว้นภาษีมรดก 100 ล้านบาท หนุนปรับอัตราจาก ร้อยละ 10 เป็น ร้อยละ 5
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ความคืบหน้าในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติภาษีมรดกในขณะนี้ หลังผ่านคณะกรรมาธิการที่มีการปรับปรุง ตนเองไม่เห็นด้วยกับการปรับเพดานในการละเว้นภาษีไปที่ 100 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าระดับดังกล่าวสูงเกินไปและควรอยู่ที่ 50 ล้านบาทตามเดิมที่ละเว้นไปให้ก่อนหน้านี้ ส่วนการปรับลดอัตราการจัดเก็บจาก ร้อยละ 10 เหลือ ร้อยละ 5 นั้น เห็นด้วย แต่ผู้ที่จะถูกจัดเก็บในอัตราดังกล่าว จะต้องเป็นผู้สืบสันดาน คือลูกและหลานเท่านั้น ส่วนบุคคลที่ไม่มีดีเอ็นเอตรงกับเจ้าของมรดก ให้จัดเก็บตามประมวลรัษฎากรเดิม
แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องทั้งหมดยังต้องใช้เวลาในการพิจารณาอีกหลายขั้นตอนจึงจะได้ข้อสรุปว่าจะออกมาเป็นรูปแบบใด
---------------------------------
รัฐมนตรีกระทรวงการคลังคาดเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังฟื้นตัวดีกว่าครึ่งปีแรก จับตาเศรษฐกิจโลกใกล้ชิด
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายออกมาปรับประมาณการตัวเลขทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ในปี 2558 ลดลงจากเดิมที่จะขยายตัวได้ ร้อยละ 4 ว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องปกติที่จะมีการปรับลดประมาณการลง เพราะเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาถือว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองจนรัฐบาลไม่สามารถทำงานได้ เป็น
ระยะเวลา 8 - 9 เดือน ทำให้ไม่มีการเบิกจ่าย รวมถึงงบที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ทางรัฐบาลนำโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ได้เข้ามาดูแลปัญหาก็เร่งรัดในการเบิกจ่ายอย่างเต็มที่แล้วในขณะนี้ เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจไทยกลับมาขยายตัวได้ตามปกติ เชื่อว่าครึ่งปีหลังในปี 2558 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรกอย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้ต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความผันผวน และจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะมีตัวแปรผันว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นหรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น