PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

แฉแผนป่วย100จุด มือบึ้มรับดึงยูเอ็นฯเข้าไทย

อ้างรับงานจาก ‘เดียร์’ แดนจิงโจ้ นัดผ่านไลน์ดีเดย์ทั่วปท. 15 มี.ค. ผบ.ทบ.จี้จับหมด-นปช.ปัดเอี่ยว
ตำรวจ-ทหารคุม “มหาหิน” 1 ในแก๊งบึมศาลอาญา รัชดาภิเษก ที่ถูกทหารจับทันควัน มาแถลงต่อสื่อมวลชนที่ บช.น.พร้อมของกลาง 1 ในนั้นมีสมุดโทรศัพท์มีชื่อ ชัยสิทธิ์-คำรณวิทย์ พร้อมเบอร์โทรศัพท์ ตะลึงคำรับสารภาพ อ้างรับงานจาก “เดียร์ นักสิทธิมนุษยชน” ที่อยู่ในออสเตรเลีย หวังให้ยูเอ็นเข้ามาจุ้นในเมืองไทย ก่อนให้ “ใหญ่ พัทยา” นัดส่งลูกระเบิดที่ย่านลำลูกกา เผยอีก หากงานนี้สำเร็จ เตรียมติดต่อนัดกันทางไลน์ประชุมวางแผนป่วนเมือง 100 จุดทั่วประเทศในวันที่ 15 มี.ค.นี้
จากเหตุระทึกเมื่อค่ำวันที่ 7 มี.ค. มีคนร้าย 2 คน ก่อเหตุขว้างระเบิดสังหารชนิดอาร์จีดี-5 เข้าไปในลานจอดรถ ศาลอาญารัชดา ใกล้อาคารศาลอุทธรณ์ภาค 1 ถนนรัชดาภิเษก ทำให้แท่งปูนกั้นที่จอดรถห่างจากรั้วประมาณ 10 เมตรเสียหายเล็กน้อย ส่วนผู้ก่อเหตุที่ขี่รถ จยย.หลบหนี ถูกเจ้าหน้าที่ทหารนอกเครื่องแบบขับรถเข้าขัดขวาง เกิดการไล่ล่ายิงต่อสู้กันบนถนนรัชดาภิเษก ก่อนจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 2 คน ทราบชื่อต่อมาคือนายยุทธนา เย็นภิญโญ ได้รับบาดเจ็บจากการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ถูกนำไปรักษาตัวอยู่ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า ส่วนอีกคนคือนายมหาหิน ขุนทอง อยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ทหาร ภายในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) บางเขน ตามกฎอัยการศึก เพื่อขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ เบื้องต้นคาดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ตำรวจท้องที่–อีโอดี เข้ารายงาน น.1
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 มี.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ภานุเดช สุขวงศ์ ผกก.สน.พหลโยธิน พ.ต.ท.เฉลียง อินทิพย์ พงส.ผนพ.สน.พหลโยธิน พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน นำรายละเอียดการรวบรวมพยานหลักฐาน และข้อมูลการจับกุมคนร้าย 2 คน ที่ก่อเหตุขว้างระเบิดเข้าไปในลานจอดรถศาลอาญา รัชดาภิเษก เมื่อคืนวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา เข้ารายงาน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.
ทหารจับทันควัน 2 มือบึม
ในรายงานที่นำเสนอระบุว่าเมื่อ 7 มี.ค. 58 เวลา 19.45 น. เกิดเหตุคนร้าย 2 คน ใช้รถ จยย.เป็นพาหนะขว้างระเบิดใส่ศาลอาญารัชดา ได้รับความเสียหายบริเวณลานจอดรถ ภายในศาลอาญา ที่เกิดเหตุ บริเวณถนนรัชดาภิเษกหน้าศาลอาญา พบรถ จยย.ยามาฮ่า สีน้ำเงินดำ ทะเบียน วงต 967 กรุงเทพมหานคร ล้มอยู่ เนื่องจากหลังคนร้ายปาระเบิด เจ้าหน้าที่ทหารได้ขับรถกระบะสีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฆฮ 4016 กรุงเทพมหานคร ติดตามจับกุม เกิดยิงต่อสู้กัน ก่อนจับกุมคนร้ายทั้งคู่คือนายยุทธนา เย็นภิญโญ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/17 หมู่ 7 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ นำส่ง รพ.พระมงกุฎฯ และนายมหาหิน ขุนทอง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 12 ต.สวาท อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร และควบคุมตัวนายมหาหิน ไปสอบปากคำเพิ่มเติม
ได้กลิ่นผู้ไม่หวังดีล่วงหน้า
เบื้องหลังการจับกุมสืบเนื่องจากฝ่ายทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีข้อมูลว่าจะมีผู้ไม่ประสงค์ดี ไปก่อเหตุสร้างความไม่สงบแต่ไม่ทราบว่าที่ไหนภายในพื้นที่ กทม. กระทั่งมีเบาะแสว่ากลุ่มคนร้ายจะมาก่อเหตุร้ายด้วยวิธีการขว้างระเบิดบริเวณศาลอาญารัชดา จึงวางแผนนำกำลังเฝ้าจับกุม
ค่าจ้างบึม 10,000 บาท
จากการสอบสวนเบื้องต้นนายมหาหิน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้ร่วมกันวางแผนกับนายยุทธนา ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี โดยมีผู้ว่าจ้าง และสั่งการทางแอพพลิเคชั่นไลน์ ให้ไปขว้างระเบิดที่ศาลอาญา รัชดา ได้ค่าตอบแทนเป็นเงิน 10,000 บาท จากนั้นนายยุทธนา ได้ขี่รถ จยย. มีนายมหาหิน นั่งซ้อนท้าย พกระเบิดขว้างชนิด อาร์จีดี 5 พกติดตัวมาด้วยขว้างเข้าไปที่ลานจอดรถของศาลอาญา ก่อนถูกจับได้ขณะกำลังหลบหนี
ขยายผลต่อ เผื่อพันบึมพารากอน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีเครื่องกระสุนปืนและยุทธภัณฑ์ทางทหารที่นายทะเบียนไม่สามารถอนุญาตให้ได้ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร โดยเจ้าหน้าที่ทหารสามารถควบคุมตัวได้ตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึกได้ 7 วัน ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ทางฝ่ายมั่นคงของทหารและตำรวจควบคุมตัวมือระเบิดเพื่อขยายผลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คนร้ายวางระเบิดที่สถานีรถไฟฟ้าสยาม หน้าห้างสยามพารากอนเมื่อค่ำวันที่ 1 ก.พ.ด้วยหรือไม่
น.1 เผยคนร้ายซัดทอดผู้ร่วมก๊วน
ต่อมาเวลา 12.00 น. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ 2 ราย โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวไว้ตามกฎอัยการศึก เบื้องต้นจากการสอบสวนของกองทัพทราบว่า ผู้ก่อเหตุให้การซัดทอดไปยังบุคคลที่ร่วมกันก่อเหตุด้วย แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆได้ เชื่อว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการเมือง ส่วนสาเหตุน่าจะเป็นการสร้างความปั่นป่วน ส่วนจะออกหมายจับผู้ต้องหารายอื่นๆเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ต้องดูหลักฐานอีกครั้งว่าจะสามารถออกหมายจับได้เพิ่มเติมอีกกี่ราย ต้องรอการพิจารณาของศาลในการอนุมัติหมายจับอีกด้วย โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติมไปถึงบุคคลผู้ที่นำระเบิดมาให้กับผู้ต้องหา สำหรับแนวทางการสืบสวน เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเบาะแสมาก่อนหน้านี้แล้วว่า จะมีกลุ่มผู้ก่อเหตุการณ์มาสร้างความไม่สงบขึ้น ได้นำกำลังไปดักซุ่มบริเวณจุดเกิดเหตุ กระทั่งพบผู้ต้องหาทั้งสองรายดังกล่าว จึงติดตามจับกุม แต่ผู้ต้องหาได้ยิงต่อสู้ขัดขวาง พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ก่อนจับกุมไว้ได้ และคาดว่าน่าจะมีการก่อเหตุความไม่สงบขึ้นอีกครั้ง
ทำไม่ดี ประชาชนแจ้งเบาะแสจับ
“ถ้ามีอีกผมจะจับอีก จะจับให้หมด คุณสู้เบาะแสของประชาชนไม่ได้หรอก คุณทำไม่ดีไม่เรียบร้อย ประชาชนก็แจ้งเรามา ทางเราก็ดักซุ่ม คาดว่าน่าจะมีการก่อเหตุอีก แต่ครั้งนี้โดนจับแล้วน่าจะหยุดไปสักพัก ทางนายกรัฐมนตรี ผบ.ทบ. และ ผบ.ตร. ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ดูแลประชาชนอย่างเต็มที่” พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าว
ผบ.ตร.ขู่ ใครเกี่ยวดำเนินคดีหมด
วันเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.กล่าวว่า เหตุดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ยังมีผู้ที่ต้องการก่อความไม่สงบ และความรุนแรงภายในประเทศอยู่ จากนโยบาย คสช. รัฐบาล และการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ จะนำมาซึ่งความมั่นใจ และความอุ่นใจของพี่น้องประชาชน ส่วนสาเหตุการก่อความรุนแรง ทหาร และตำรวจจะได้ร่วมกันสอบสวนหาข้อเท็จจริง ขยายผลว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องให้การสนับสนุน ถ้าปรากฏหลักฐานมีผู้เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง จะดำเนินการตามกฎหมาย
จับเพิ่มเจ้าของรถ จยย.
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารได้ข้อมูลคนร้ายกลุ่มนี้ได้รับค่าจ้างจากคนออสเตรเลีย มาก่อเหตุหลายจุดเพื่อสร้างสถานการณ์รุนแรง โดยใช้ระเบิดชนิดขว้าง และระเบิดแสวงเครื่องแบบตั้งเวลาทำงาน ได้ค่าจ้าง 2 หมื่นบาท มีการจัดเตรียมอาวุธไว้ให้ เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจได้เฝ้าล็อกพื้นที่เป้าหมาย 6-7 จุด จนได้ข่าวคนร้าย 2 คน เตรียมไปก่อเหตุที่ศาลอาญา รัชดา จึงวางแผนจับกุมจนเกิดการปะทะ คนร้ายเจ็บ 1 คน และถูกจับกุม 1 คน ขณะเดียวกัน ยังควบคุมตัวนายฉัตรณรงค์ พูลทรัพย์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/9 หมู่ 6 แขวงคู้ฝั่งเหนือ เขตหนองจอก เจ้าของรถ จยย.ที่ใช้ก่อเหตุ โดยทหารได้ควบคุมตัวไว้ตามประกาศกฎอัยการศึก ตรวจค้นที่พักทั้ง 3 คน พบนามบัตรนายทหารผู้ใหญ่ เอกสารเกี่ยวข้องการก่อเหตุรุนแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบ รวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุรวมทั้งหมด 6-7 คน เบื้องต้นทราบว่า เป็นกลุ่มที่เคยก่อเหตุระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ย่านแจ้งวัฒนะ และได้รับการฝึกอาวุธหนักที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
“วินธัย” เผยการข่าวเกาะติด
วันเดียวกัน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช.กล่าวว่า ปฏิบัติงานด้านการข่าวช่วงที่ผ่านมาพบว่า ยังมีความพยายามของผู้ไม่หวังดีที่ต้องการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายอยู่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. รับทราบข้อมูลและติดตามมาตลอด เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ที่ไม่ยอมให้มีการใช้ความรุนแรงต่อกันในทางสังคม ไม่ว่าจะต่อบุคคล หรือสถานที่ก็ตาม โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ชุมชนเมือง ผบ.ทบ.ได้กำชับให้หน่วยต่างๆ เฝ้าสังเกตและติดตามความเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบมาตลอด รวมทั้งให้ประสานงานแลก เปลี่ยนข้อมูลข่าวที่เป็นประโยชน์ให้กันอย่างใกล้ชิด ระหว่างทหาร ตำรวจ และ จนท.ฝ่ายความมั่นคง เพื่อเสริมให้งานการรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีผลไปถึงการปฏิบัติของ จนท.ในครั้งนี้
ระทึกเล็กน้อยขณะเข้าจับ
พ.อ.วินธัยกล่าวต่อว่า หลังคนร้ายก่อเหตุ จนท.จับกุมคนร้ายได้ทันที 2 คน เนื่องจากได้รับข้อมูลการข่าวด้านความมั่นคงที่รวบรวมได้จากหน่วยราชการ และจากประชาชนมาก่อนหน้านี้ มี ข้อมูลพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัย ได้จัดชุดสะกดรอยเฝ้าสังเกต ติดตามกลุ่มผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้มาระยะหนึ่ง จนกระทั่งผู้ต้องสงสัยก่อเหตุด้วยการขี่ จยย.มาขว้างระเบิดใส่ศาลอาญารัชดา ทันทีหลังจากก่อเหตุ จนท.ที่ติดตามสะกดรอยอยู่ ได้ขับรถพุ่งชนรถ จยย.ผู้ก่อเหตุทั้งสองจนล้ม แต่ยังขัดขืน และพยายามหลบหนีจนเกิดปะทะกันเล็กน้อย สุดท้ายสามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ทั้ง 2 ราย ขณะนี้ อยู่ระหว่างการควบคุมตัวของ จนท. เพื่อจะดำเนินการขั้นตอนการสอบสวนขยายผลต่อไป
คนร้ายเตรียมการ ไม่กลัวกฎหมาย
โฆษก คสช.กล่าวต่อว่า ถือเป็นการกระทำที่จงใจก่อความไม่สงบ ที่สำคัญ การกระทำเยี่ยงนี้มีการเตรียมการ และวางแผนมาล่วงหน้า ลักษณะไม่กลัวเกรงกฎหมาย ข่มขู่คุกคามต่อชีวิต และทรัพย์สิน หวังให้เกิดความหวาดกลัว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุร้ายครั้งนี้ทั้งหมด มาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด ขณะนี้ในทางคดีเป็นการทำงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ทหาร กกล.รักษาความสงบเรียบร้อย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามนโยบาย คสช. และรัฐบาล ที่พร้อมดูแลและป้องกันมิให้มีกลุ่มใดฝ่ายใดกระทำผิดกฎหมายและก่อความไม่สงบโดยเด็ดขาด
“บิ๊กแดง” โบ้ยเป็นเรื่องแก๊งทวงหนี้
ด้าน พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ได้ไปถึงที่เกิดเหตุหลังเกิดเหตุการณ์ได้ไม่นาน คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวของแก๊งทวงหนี้ที่ก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะสอบสวนสืบสวนต่อไป ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ทหารตั้งจุดตรวจสถานที่ราชการตามปกติภายใต้กฎอัยการศึก
“ไก่อู” บอก จับเร็วเพราะมีบทเรียน
ขณะที่ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.รับรายงานเหตุคนร้ายก่อเหตุวางระเบิดหน้าศาลอาญารัชดาแล้ว ต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบหลัก ตำรวจมีข้อมูล พยานหลักฐาน ค่อนข้างมาก และให้รอตำรวจแถลงว่าเป็นฝีมือคนกลุ่มใด ทั้งนี้นายกฯขอให้สังคมอย่าเร่งรัดการทำงานของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานความมั่นคง ขอให้เป็นไปตามกระบวนการพิสูจน์พยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ ปล่อยให้ตำรวจดำเนินการทางคดีอย่างเต็มที่ ส่วนที่สามารถจับคนร้ายได้ทันทีหลังก่อเหตุ เพราะฝ่ายความมั่นคงมีบทเรียนจากเหตุระเบิดที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสยาม ได้วางมาตรการป้องกันการก่อเหตุอย่างรัดกุม ทำให้สามารถจับคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว
ผบ.ทบ. ลั่น ต้องหาใครสั่งการ
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและ ผบ.ทบ.กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ต้องรอการสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากพยานบุคคล อาวุธที่ตัวคนร้าย พบว่ามีการโยงใย และมีการสั่งการต่างๆต้องพยายามหาให้ได้ใครสั่งการ เนื่องจากกระทบต่อความสงบสุขของประชาชน ยังมีคนไม่ปรารถนาดี เรื่องดูแลความสงบเรียบร้อยโดยทั่วไป ความจริงแล้วเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทหาร และตำรวจได้ร่วมมือกัน วางกำลังเฝ้าระวังจุดที่สำคัญๆไว้อยู่แล้ว เมื่อมีเหตุการณ์สามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว แม้จะไม่สามารถยับยั้งได้ก่อนเกิดเหตุ แต่เมื่อเกิดเหตุสามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือด้วย ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีที่มีเหตุอะไรผิดปกติ จะได้สามารถแก้ปัญหาได้ทัน เหตุที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่าอาวุธสงครามยังหลงเหลืออยู่ หลังคสช.ประกาศให้ส่งมอบทางราชการ อาวุธที่ก่อเหตุลักลอบนำเข้ามา ไม่ใช่ทางราชการ จากนี้ต้องพยายามสืบหากวาดล้างต่อไป แม้ห้วงเวลาที่ผ่านมาสามารถตรวจค้นอาวุธสงครามได้เป็นจำนวนมากแล้วก็ตาม เราต้องควบคุมสถานการณ์ไว้ให้ได้
แกนนำ นปช. ปัดเอี่ยวบึม
นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.กล่าวถึงกรณี ที่ผู้ไม่หวังดีปาระเบิดใส่ศาลอาญา รัชดาภิเษก ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการสร้างสถานการณ์ของผู้ไม่หวังดี เพราะมองว่ารัฐบาลปัจจุบันก็มีปัญหาหลายด้าน เช่น ปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาการปฏิรูปพระ หรือแม้กระทั่งการคงไว้ของกฎอัยการศึก อาจจะมีบางฝ่ายไม่พอใจก็เป็นได้ ส่วนจะมีการเชื่อมโยงที่แกนนำ นปช.ไม่ได้รับการประกันตัวที่ศาลพัทยาหรือไม่ เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวข้องเพราะเรื่องก็เกิดมาตั้งหลายวันแล้ว และ ตอนนี้ทางแกนนำ นปช.ได้รับการประกันตัวออกมาหมดแล้ว
“เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับฝ่าย นปช.แน่นอน เพราะหากจะมีการเคลื่อนไหวคงเคลื่อนไหวไปนานแล้ว คงเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะมีการสืบหานำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตอนนี้ทราบว่าจับคนร้ายได้สองรายแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งไม่สมควรทำเพราะไม่มีประโยชน์อะไรในการปาระเบิดใส่ศาล” นพ.เชิดชัยกล่าว
เพิ่มความเข้ม รปภ.ศาล
ด้าน นายบวรศักดิ์ ทวิพัฒน์ โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานศาลยุติธรรมเพิ่มมาตรการความเข้มงวดในการตรวจรถยนต์ และบุคคลที่เดินทางเข้ามาติดต่อราชการศาล โดยได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ร่วมตรวจค้นอาวุธ และค้นหาวัตถุระเบิด เพื่อเป็นการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณศาลให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อสร้างความอุ่นใจ และความมั่นใจในการรักษาความปลอดภัย ให้แก่ผู้ที่เดินทางมาศาล สำหรับการตรวจสอบวัตถุระเบิด และพยานหลักฐานต่างๆในที่เกิดเหตุ ขณะนี้ สำนักงานศาลยุติธรรม ยังไม่ได้รับผลสอบอย่างเป็นทางการจาก บช.น. ว่าเป็นวัตถุระเบิดชนิดใด
กองทัพสื่อปักหลักรอทำข่าว
สำหรับบรรยากาศที่กองบัญชาการตำรวจ นครบาล ที่มีข่าวว่าจะมีการแถลงข่าวในเรื่องนี้ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกองทัพนักข่าวทั้งโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์วิทยุจำนวนมากรอเตรียมทำข่าว โดย พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. โฆษก ตร. และ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. และคณะนายตำรวจเข้ามาที่ บช.น. มีการตั้งโต๊ะเตรียมแถลงบริเวณทางเข้า บช.น. แต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากทางตำรวจ
เสนอศาลทหารออกหมายจับ 5 แก๊งบึม
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าทางพนักงานสอบสวนได้นำหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับจากศาลทหารกรุงเทพ 5 คน ประกอบด้วย 1.นายยุทธนา เย็นภิญโญ ได้รับบาดเจ็บจากการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ 2.นายมหาหิน ขุนทอง 3.และ 4. เป็นภรรยาของนายยุทธนา และนายมหาหิน 5.นายฉัตรณรงค์ พูลทรัพย์ เจ้าของรถ จยย.ที่ 2 คนร้ายนำไปใช้ก่อเหตุ โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาทั้งหมด 1.ร่วมกันพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อนุญาต 3.มีเครื่องยุทธภัณฑ์ทางทหาร (ระเบิด) ไว้ในครอบครอง 4.พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อนุญาตไปในหมู่บ้าน ถนน ที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต 6.ยิงปืนในที่สาธารณะ 7.ฝ่าฝืนประกาศ คสช.เรื่องอาวุธปืน และเครื่องยุทธภัณฑ์ทางทหาร
ซีรีส์นัมเบอร์ ใกล้เคียง 3 เหตุบึม
ด้าน พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) บก.สปพ.กล่าวถึงสถิติคนร้ายใช้ระเบิดอาร์จีดี 5 ตั้งแต่ต้นปี 57 ว่า ไม่ว่าจะเป็นคนร้ายก่อเหตุขว้าง พบเจอทิ้งไว้ และนำมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากสถิติมีทั้งหมด 21 ครั้ง รวมของกลาง 67 ลูก โดยเหตุล่าสุดที่ศาลอาญาครั้งนี้ จากการตรวจซีรีส์นัมเบอร์ของสลักระเบิด ใกล้เคียงกับสลักระเบิดที่พบใน 3 เหตุการณ์ คือครั้งแรกที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2 ครั้ง และที่ถนนบรรทัดทอง รอดูความเชื่อมโยงประกอบกับการตรวจลายนิ้วมือ คาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน
เอาตัว “มหาหิน” ถึง บช.น.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวนายมหาหิน ขุนทอง 1 ในผู้ต้องหาเดินทางมาที่ห้องของ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. คาดว่าน่าจะนำตัวมาแถลงข่าว ส่วนเมียของนายมหาหินที่คาดว่าถูกออกหมายจับอีก 2 คน ชื่อ น.ส.ณัฏฐพัชร์ อ่อนมิ่ง อายุ 57 ปี เพื่อนนายยุทธนา คือ น.ส.ธัชพรรณ ปกครอง อายุ 20 ปี
แถลงพร้อมของกลางโยง 2 อดีตบิ๊ก
จากนั้นเวลา 21.00 น. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ ผบ.พล.ร.1 รอ.และคณะนายทหารตำรวจ ร่วมกันนำตัวนายมหาหิน ขุนทอง แถลงต่อสื่อมวลชนพร้อมของกลาง รถ จยย.คันที่ใช้ก่อเหตุ เสื้อลายพรางสีเขียว และเสื้อยืดโปโล ที่ใช้สวมใส่ในวันก่อเหตุ ปืนลูกโม่ .357 พร้อมกระสุน 6 นัด ยิงไปแล้ว 2 นัด โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ในเครื่องมีข้อความไลน์คุยกับ น.ส.ณัฏฐพัชร์ ภรรยาถึงขั้นตอนในการก่อเหตุ หากสำเร็จจะมีบุคคลชื่อ “ใหญ่ พัทยา” จะนำเงินมาให้จุดละ 2 หมื่นบาท สมุดจดบันทึก 1 เล่ม ภายในมีชื่อเขียนด้วยปากกาว่า ท่านชัยสิทธิ์ ชินวัตร และท่านคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง พร้อมเบอร์โทรศัพท์ และมีชื่อ ผ้าพันคอเขียนชื่ออาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช.)และเอกสารที่เชื่อมโยงไปยังผู้สั่งการ และผู้เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่ง
เผยทหารได้เบาะแสป่วนเมือง
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า สืบเนื่องจากมีเหตุเกิดขึ้นที่หน้าห้างพารากอน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารสนธิกำลังเพื่อติดตามคนร้าย นอกจากนี้ ยังได้เบาะแสมีกลุ่มคนร้ายจะก่อเหตุป่วนเมืองในหลายจุด จึงร่วมกันตั้งจุดเฝ้าระวังออกตรวจในสถานที่สำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง โดยเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ชุดข่าวกรองทหาร ได้เบาะแสจะมีการก่อเหตุและมาเฝ้าจุดจนกระทั่งกลุ่มคนร้ายเข้าก่อเหตุที่ศาลอาญา เจ้าหน้าที่ทหารจึงเข้าจับกุม แต่คนร้ายยิงต่อสู้ แต่ถูกจับกุมได้ ส่วนผู้ต้องหาจะมีด้วยกันกี่คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวม
ในสายงานรับผิดชอบ พล. 1รอ.
ขณะที่ พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ ผบ.พล.1 รอ. กล่าวว่า พื้นที่รับผิดชอบของศาลอาญา รัชดาภิเษก มีทหารจาก พล.1 รอ.รับผิดชอบ เมื่อทราบเบาะแสจากการข่าว และชาวบ้าน ได้ตั้งจุดเฝ้าระวังก่อนเข้าจับกุมและนำไปควบคุมตามกฎอัยการศึก หลังจากแถลงข่าวเสร็จสิ้น และจะนำกลับไปควบคุมที่ ร.11 รอ.ตามเดิม จนกว่าศาลทหารจะออกหมายจับ และจะนำตัวพร้อมของกลางมามอบให้กับพนักงานสอบสวนอีกครั้ง
รับงานจากเดียร์ นักสิทธิฯ แดนจิงโจ้
ด้านนายมหาหินรับสารภาพว่า ตนมีฉายาว่า สายเหยี่ยวแดง เป็น 1 ในกลุ่มของเสรีชน ต้องการเห็นเมืองไทยมีประชาธิปไตย ไม่เกี่ยวกับการเมือง และสีเสื้อ วันเกิดเหตุ ตนและนายยุทธนาที่ถูกยิงบาดเจ็บ ได้รับ คำสั่งจากคนชื่อนายเดียร์ ทำงานสิทธิมนุษยชนอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียว่าจ้างให้ทำ โดยไปรู้จักกับนายเดียร์ทางโลกโซเชียล พูดคุยกันเพราะมีอุดมการณ์เดียวกัน วันเกิดเหตุไปรับระเบิดจากชายชื่อ “ใหญ่ พัทยา” ที่ย่านลำลูกกา จ้าง 2 หมื่นบาท รับมาแล้ว 1 หมื่นบาท ครั้งแรกตนไม่อยากทำ แต่นายเดียร์ขู่ทางไลน์ว่า ถ้าไม่ทำจะเอาข้อความในไลน์มาประจาน และขู่ว่าจะทำร้ายครอบครัว จำเป็นต้องทำตามคำขู่ โดยเหตุผลที่ทำเพื่อให้ยูเอ็นเข้ามาในประเทศไทย โดยตนมีหน้าที่เป็นคนขี่ จยย.ให้นายยุทธนา
15 มี.ค.นัดป่วน 100 จุดทั่วประเทศ
ผู้ต้องหาแก๊งป่วนเมืองรับสารภาพต่อว่า นอกจากนี้ กลุ่มตนยังมีการนัดประชุมย่อยตามสถานที่ต่างๆ กลุ่มละประมาณ 10 คน คุยเกี่ยวกับเรื่องประชาธิปไตย โดยสมาชิกมีทั้งในและต่างประเทศ ถ้าลงมือระเบิดที่ศาลอาญาสำเร็จ จะประชุมต่อในวันที่ 10 มี.ค. เป็นการประชุมใหญ่ แต่ยังไม่ระบุสถานที่ โดยรายละเอียดของการประชุม ทราบว่าเป็นเรื่องของการวางแผนป่วนเมือง 100 กว่าจุดทั่วประเทศในวันที่ 15 มี.ค.นี้ โดยตนรู้แค่กำหนดวัน แต่ไม่รู้สถานที่จะต้องดำเนินการ ส่วนสมุดบันทึกไดอารี่ที่ยึดมาได้ และมีชื่อท่านชัยสิทธิ์ ชินวัตร และท่านคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง พร้อมเบอร์โทรศัพท์ นายมหาหินบอกว่า น.ส.ณัฏฐพัชร์ เพื่อนรุ่นพี่รู้จักทั้ง 2 คน เพราะเคยเป็นการ์ดให้กับ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ส่วน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ รู้จักเพราะต้องจัดหาสมุนไพรไปให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ทำเป็นยารักษาโรค
ศาลทหารอนุมัติหมายจับ
ต่อมา พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เผยว่า ศาลทหารกรุงเทพได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด 5 คน คือนายมหาหิน ขุนทอง นายยุทธนา เย็นภิญโญ นายฉัตรณรงค์ พูลทรัพย์ น.ส.ณัฏฐพัชร์ อ่อนมิ่ง อายุ 57 ปี ภรรยานายมหาหิน และ น.ส.ธัชพรรณ ปกครอง อายุ 20 ปี ภรรยานายยุทธนา ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคล หรือทรัพย์ของผู้อื่น มีและใช้เครื่องกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะแก่การสงครามที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ มีและใช้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย มีและใช้อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ตามสมควรแก่พฤติการณ์ มียุทธภัณฑ์ทางทหารไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับความอนุญาต ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน
ที่มา : ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น: