PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

ภาณุมาศ ทักษณา:กรณีบึ้มศาลอาญา

อาจกล่าวได้แต่เพียงว่า การลอบวางระเบิดครั้งนี้ และน่าจะมีครั้งต่อ ๆ ไปจนกว่ารัฐบาล คสช.จะพ้นอำนาจนั้น ไม่ต่างไปจากอาการของสุนัขที่ถูกตีกระทั่งจนตรอก กำลังแยกเขี้ยวคำรามเพื่อสู้นั่นเอง!!

ผมจึงไม่ต้องการให้ รัฐบาล คสช. ประเมินค่าของกลุ่มผู้เคยมีอิทธิพลและอำนาจมืดต่ำ เพราะจะว่าไปแล้ว หมาที่ถูกตีกระทั่งจนตรอกแล้วนั้น หากมันเจ็บหนัก มันอาจหันมาสู้อย่างบ้าเลือดก็ได้ !

ภาณุมาศ ทักษณา

ตอนที่ทราบข่าวว่า มีการลอบวางระเบิดที่ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก เมื่อค่ำวันที่ 7 มี.ค.58 และในเวลาไล่เลี่ยกัน มีคนร้ายใช้อาวุธปืนลอบยิงวัดอ้อน้อยของพุทธอิสระช่วงเช้ามืดวันที่ 8 มี.ค.58 ถึง 5 นัด นั้น

ผมรู้สึกเฉย ๆ กับเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะคาดล่วงหน้าแล้วว่า ในปี 2558 นี้จะต้องเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่อาจทราบได้ว่าจะเกิดขึ้น ณ ที่ใดบ้างเท่านั้นเอง

ที่ผมคาดเดาว่าจะต้องเกิดเหตุทำนองนั้น เพราะห้วงเวลานี้เป็นห้วงเวลาที่กลุ่มผู้สูญเสียอำนาจทางการเมืองและสูญเสียผลประโยชน์ทางธุรกิจจากการยึดอำนาจของ คสช.คงจะไม่ยอมอยู่นิ่ง ๆ เหมือนผู้แพ้….

ผมจำได้ว่า ทักษิณ ชินวัตร เคยประกาศ หลังจากเพลี่ยงพล้ำจนถูกยึดอำนาจและทรัพย์สินแล้วระดมสรรพกำลังเข้าต่อกรกับภาครัฐว่า “ตายเสียดีกว่าอยู่ อย่างผู้แพ้” แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทักษิณลงมือหรือไม่ ยังไม่มีใครกล้ายืนยัน

แต่ถ้ายังไม่ลืม ช่วงคำวันที่ 1 ก.พ. 58 ได้มีคนร้ายลอบวางระเบิดหน้าห้างสรรพสินค้าบริเวณทางเชื่อมกับรถไฟฟ้า BTS มาแล้วครั้งหนึ่ง หลัง สนช.มีมติถอดถอนยิ่งลักษณ์และตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีได้ไม่กี่วัน

และในระหว่างที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช.เตรียมส่งสำนวนให้อัยการส่งฟ้องยิ่งลักษณ์ในความผิดโครงการรับจำนำข้าวนั้น วันที่ 11 ก.พ.58 แกนนำคนเสื้อแดงก็ออกข่าวหากยิ่งลักษณ์ติดคุก คุกคงจะแตกตามมาทันที

แต่การทำงานเพื่อกำจัดอิทธิพลและอำนาจทางการเมืองของคนกลุ่มของ คสช.ก็คงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทว่า คสช.มิได้ใช้อำนาจในมือ “ดำเนินการเอง” คงปล่อยให้กระบวนการยุติธรรม “จัดการ” ไปตามครรลอง

ต่อมาวันที่ 24 ก.พ.58 นายดิเรก อิงคนินันท์ ประธานศาลฏีกา ได้จัดประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกาจำนวน 170 คน เพื่อเลือกเพียง 9 คนตั้งเป็นองค์คณะ เพื่อพิจารณาสำนวนว่า ควรยื่นฟ้องยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่

ซึ่งการพิจารณาสำนวนขององค์คณะทั้ง 9 จะมีขึ้นในอีก 10 วันข้างหน้า คือเวลา 10.00 น.ของวันที่ 19 มี.ค.58 โดยจะนัดคู่กรณีคือยิ่งลักษณ์ และผู้แทนอัยการสูงสุดเข้ารับฟังว่าจะฟ้องคดีหรือไม่

ในห้วงเวลาเดียวกันนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ส่งเรื่องให้กระทรวงการคลัง เพื่อดำเนินคดีเรียกร้องค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าวจากยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นวงเงินถึง 6 แสนล้านบาท ควบคู่ไปด้วย

ขณะที่ “ความวัว” ของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพวกพ้องกำลังระทึกใจว่าจะตกเป็นผู้ต้องหาทั้งทางอาญาและทางแพ่งไม่ทันหาย “ความควาย” ที่กลุ่มคนเสื้อแดงไม่คาดคิดว่าจะเกิดก็ปะทุเหมือน “ผีซ้ำด้ามพลอย”

วันที่ 5 มี.ค.58 ศาลจังหวัดพัทยา ก็มีคำพิพากษาตัดสินจำคุก 15 แกนนำเสื้อแดงกรณีพาคนไปล้มการประชุมอาเซียนที่โรงแรมรอยัล คลิฟ คนละ 4 ปีและค่าปรับคนละ 200 บาท โดยไม่รอลงอาญา

แกนนำเสื้อแดงทั้ง 15 คนที่เด่นดังเป็นที่รู้จักทั่วประเทศมี นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง , นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์, นายสิงห์ทอง บัวชุม, นายวัลลภ ยังตรง , นายนิสิต สินธุไพร เป็นอาทิ

เมื่อประมวลเหตุการณ์ที่ฟากฝั่งพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งเป็นเนื้อเดียวกันกำลังถูกกฎหมายไล่ล่าให้รับผิดจากการทำร้ายสังคมและประเทศชาติดังกล่าว ผมจึงไม่แปลกใจที่เกิดระเบิดที่ศาลอาญาและยิงวัดอ้อน้อย

โดยเฉพาะระเบิดที่ศาลอาญา ที่ระเบิดสังหารรุ่น อาร์จีดีไฟว์ (RGD-5) ของรัสเซีย ซึ่งเป็นระเบิดแบบลูกเกลี้ยงที่ถูกใช้ในการก่อกวนกลุ่ม กปปส.ชุมนุม ถูกนำไปวางจนเกิดระเบิดในวันที่ 7 มี.ค.58 นั้น

เป็นบริเวณ “ลานจอดรถของผู้พิพากษาศาลอาญา” ที่มีขนาดของหลุมลึกประมาณ 5 เซนติเมตร กว้าง 10 เซนติเมตร สะเก็ดระเบิดและเศษปูนกระจายอยู่รัศมี 3 เมตรด้วยแล้ว…

คงทำให้วิญญูชนพอที่จะประเมินได้เองกระมังว่า น่าจะเกิดจากการกระทำของคนกลุ่มใด ซึ่งผมเชื่อว่าคนกลุ่มนั้นคงจะออกมาปฏิเสธกันเป็นพัลวันว่าไม่เกี่ยวและอาจโยนว่าเป็นการสร้างสถานการณ์อีกด้วย

แม้ว่าหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 2 ราย และการขยายผลเพื่อสาวไปให้ถึงกลุ่มผู้บงการคงจะเกิดขึ้นตามขั้นตอนและวิธีการทางกฎหมายก็ตาม

หรือแม้ว่า ในเวลาต่อมาจะปรากฏภาพผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งคือ นายยุทธนา เย็นภิญโญ ในเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงให้เห็นถึงความนิยมชมชอบ เครือข่าวของทักษิณ ชินวัตร แล้วก็ตาม แต่ก็คงยังไม่อาจสรุปได้ว่าใครคือ ผู้สั่งการ

อาจกล่าวได้แต่เพียงว่า การลอบวางระเบิดครั้งนี้ และน่าจะมีครั้งต่อ ๆ ไปจนกว่ารัฐบาล คสช.จะพ้นอำนาจนั้น ไม่ต่างไปจากอาการของสุนัขที่ถูกตีกระทั่งจนตรอก กำลังแยกเขี้ยวคำรามเพื่อสู้นั่นเอง

ผมจึงไม่ต้องการให้ รัฐบาล คสช. ประเมินค่าของกลุ่มผู้เคยมีอิทธิพลและอำนาจมืดต่ำ เพราะจะว่าไปแล้ว หมาที่ถูกตีกระทั่งจนตรอกแล้วนั้น หากมันเจ็บหนัก มันอาจหันมาสู้อย่างบ้าเลือดก็ได้ !

ไม่มีความคิดเห็น: