PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

"วาสนา"แจงกรณีนักข่าวต่างประเทศ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.....
น่าจะเกือบ2 ปีแล้ว มั้ง ที่เกิดเรื่อง หลังจากที่มีนักข่าวฝรั่งผู้ชายคนหนึ่ง ที่ทำงานที่เดียวกัน เขียนบทความเรื่องเรือดำน้ำของกองทัพเรือ โดยนำข้อมูลคำให้สัมภาษณ์ พลเรือตรี ท่านหนึ่งและเรื่องที่ วาส เขียน ไปลงซ้ำในข้อเขียนของเขา ตัววาส ไม่ได้อ่านหรอก แต่ปรากฏว่า นายพลเรือ คนที่ให้สัมภาษณ์ วาส ไว้ เป็นคนอ่าน แล้วก็โทรมาตำหนิต่อว่า วาส ว่า ทำไม หนังสือพิมพ์ของเราไปลงข่าวแบบนั้น เอาชื่อของ พลเรือตรี ท่านนี้ ที่ดูแลกองเรือดำน้ำ ไปโค้ท และไม่ตรงตามที่ ท่านให้สัมภาษณ์ไว้ เนื่องจาก บทความเรื่องเรือดำน้ำ ที่ วาส สัมภาษณ์ ลงไปแล้วนั้น มีในส่วนของแบคกราวด์ ข่าวและส่วนที่วาส เขียนสรุปเองด้วย แต่อาจเกิดความผิดพลาดในการนำไปใช้โค้ทต่อ ว่าส่วนไหน เป็นคำพูดของ พลเรือตรี และส่วนไหน เป็นการเขียนร้อยเรื่องของวาส จึง ทำให้ พลเรือตรี ท่านนี้ ไม่พอใจ ง หนังสือพิมพ์ และทั้งนักข่าวฝรั่ง คนนี้ และ ไม่พอใจ วาส ด้วย เพราะ ฉบับเดียวกัน
เนื่องจาก พลเรือตรี ท่านนี้ ระบุว่า1.โค้ทชื่อของเขา โดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะเขาไม่ได้ให้สัมภาษณ์ นักข่าวฝรั่งคนนี้ และลงไม่ตรงกับที่เขาพูด ที่ลงในเรื่องของวาส ก่อนหน้านั้น เพราะบทความของ วาส ในบางส่วน เป็นการร้อยเรื่อง และ แบรคกราวด์ข่าว ไม่ใช่คำพูดของ พลเรือตรีท่านนี้ ทั้งหมด
2. นักข่าวฝรั่ง คนนี้ เขียนโดยไม่ได้ อ้างว่า พลเรือตรี คนนี้ได้ให้สัมภาษณ์ในบางกอกโพสต์ ไว้แล้ว จากบทความของ วาส แต่นำไปเขียนร้อยเรียง จนทำให้คนอ่าน รวมทั้ง พลเรือตรี คนนี้ระบุว่า ถ้าใครอ่านก็ต้องคิดว่า ตนเองให้สัมภาษณ์นักข่าวฝรั่งคนนี้ ซึ่งไม่ใช่
3. พลเรือตรี ท่านนี้ ระบุว่า ตัวท่านเองได้รับอนุญาตจาก ผบ.ทร.ในเวลานั้น อย่างถูกต้อง ในการให้สัมภาษณ์ เรื่องความเตรียมพร้อมของทร.ในการตั้งกองเรือดำน้ำ และการมีเรือดำน้ำในอนาคต เนื่องจาก วาส ได้ขออนญาต ผบ.ทร.เรียบร้อยแล้วก่อนสัมภาษณ์ พลเรือตรี ท่านนี้ แล้ว แต่เมื่อ ชื่อของ พลเรือตรี ท่านนี้ไปปรากฏในบทความของนักข่าวคนอื่น แม้จะเป็น ในเครือฉบับเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้ระบุว่า นำมาจาก ในหนังสือพิมพ์ บทความวันไหน จึงทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่า ให้สัมภาษณ์ นักข่าวฝรั่งคนนี้ จึงทำให้ พลเรือตรี ท่านนี้ เกรงว่าจะถูกตำหนิ เพราะไม่ได้ขออนุญาตทาง ผบ.ทร.ก่อน ทั้งๆที่ความจริง ท่านไม่ได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวฝรั่งคนนี้ แม้ว่าในความเป็นจริง เป็นแค่การหยิบยกเนื้อข่าว ที่ท่านให้สัมภาษณ์ไว้ มาประกอบบทความของนักข่าวฝรั่ง คนนี้เอง ก็ตาม
4. พลเรือตรี ท่านนี้ ไม่พอใจ บอกว่าจะต้องแก้ข่าว วาส เองก็งงว่าจะแก้ยังไง พอดี ท่านเป็นนายทหารที่จบจากต่างประเทศ ท่านบอกว่า เรื่องนี้มันซีเรียส จริงๆแล้ว วาส ควรจะซีเรียสด้วย แต่วาส ไม่ได้คิดว่าจะเสียหายอะไร เพราะก็ฉบับเดียวกัน แต่สำหรับ พลเรือตรี ท่านนี้ บอกว่า ไม่ได้ สำหรับท่านแล้วถือว่าเสียหาย เพราะไม่ได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวฝรั่งคนนี้ จึงขอคุยกับ บรรณาธิการใหญ่ วาส เลยประสานหัวหน้าข่าว ให้แจ้งนักข่าวฝรั่ง คนนี้ว่า ให้โทรไปทำความเข้าใจกับ พลเรือตรี ท่านนี้ด้วย วาส ก็ส่งเบอร์ให้ไป แล้ววาสก็ยุ่งๆ ไม่รู้ว่า ผลการพูดคุยเป็นยังไง ได้คุยกันหริอไม่ ไม่ได้ตามตรวจสอบ
อีกทั้งตั้งแต่มีเรื่องนี้ พลเรือตรี ท่านนี้ ก็ไม่คุยกับวาส เลย โทรไปก็ไม่รับสาย ไลน์ไปก็ไม่อ่าน หรืออ่าน ก็ไม่ตอบ วาส ก็รู้ว่า ท่านคงโกรธ เพราะวาส ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรท่าน เพราะคิดว่า ให้บรรณาธิการและนักข่าวฝรั่งโทรไปคุย เคลียร์กันคงจบ ด้วยดี วาสก็ไม่ได้ตามข่าวนี้อีกเลย คิดว่าเรียบร้อยไปแล้ว เพราะไม่ได้ข่าวว่า มีการฟ้องร้องอะไรกัน แต่ที่แน่ๆวาส เสียแหล่งข่าวไปแล้ว
ก็มาจนเมื่อไม่กี่วันมานี้ นักข่าวฝรั่งคนนี้ ซึ่งวาส ไม่มั่นใจว่า ยังทำงานฉบับเดียวกันกับ วาส หรือไม่ เพราะวาสไม่เคยรู้จัก จำหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ปรากฏว่า เขาไปเขียนใน สื่อต่างประเทศ โจมตีหนังสือพิมพ์ของเรา และตัววาส แถมบางเรื่อง ไม่น่าเชื่อด้วยซ้ำ ว่า เขาจะเขียนได้ว่า รู้จักคุ้นเคยกับวาส เคยไปทำข่าวเขาพระวิหารกับวาส วาสยังนึกไม่ออกเลยด้วยซ้ำ แต่ก็มาเขียนว่า วาส บอกอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งๆที่เรื่องที่เขาบอกนั้น มันอยู่ในข่าวที่วาส เขียนไปแล้ว พอคุยกับนักข่าวคนอื่น โดนพาดพิง ก็บอกว่า ไม่มีใครเคยคุยกับเขา วาส ก็ยิ่งงง
แล้วจู่ๆเขาก็ไปเขียนในสื่อต่างประเทศ กับเหตุการณ์ ที่ผ่านมาเกือบ 2 ปี เพื่อที่จะด่า หนังสือพิมพ์ และด่า วาส ก็งงว่า มีเหตุจูงใจใด หรือเพราะรู้ว่า คนที่ไม่ชอบทหาร จะไม่ชอบวาส ด้วย เพราะเห็นว่า วาส เป็นนักข่าวสายทหาร สนิทสนมกับทหาร
แถมพาดพิงเรื่องที่ วาส มาอบรม หลักสูตรความมั่นคง ที่ฮาวาย นี่ด้วย เจตนาที่จงใจให้เข้าใจผิด ว่า เพราะวาส เอาใจทหาร เลยได้มา ที่ทำให้ วาสต้องชี้แจงว่า สถานทูตอเมริกาในไทย เป็นคนคัดเลือกวาส มาร่วมหลักสูตรนี้ ส่วนทหารตำรวจไทย ที่มาอบรมด้วย ก็ต้องสอบคัดเลือกกับ JUSMAG THAI ของกองทัพสหรัฐอเมริกา เป็นคนละส่วนกัน ของวาส เป็นโควตาของ South East Asia ที่จะให้สถานทูต อเมริกา ในแต่ละประเทศ ทั้ง 32 ชาติคัดเลือกมา ซึ่งแยกกับส่วนของทหาร ตำรวจ วาสจึงเห็นว่า เป็นความจงใจที่จะเล่นงาน วาส โดยเฉพาะ ทั้งๆที่เป็นเรื่องนานมาก และไม่จริงตามที่เขากล่าวอ้างเลย

ความจริงวาส ไม่อยากจะต้องมาชี้แจงเลย เพราะว่าวาส มีงานที่ต้องทำอีกเยอะอยู่แล้ว วันๆหนึ่ง แต่เพราะ มีคนถามมามาก และมีการนำไปแชร์กันต่อ และบิดเบือนเนื้อหากันไปต่างๆนานา เพราะมีการเมือง สีเสื้อ การแบ่งข้างขั้ว มาเกี่ยวด้วย หลังจากที่ หนังสือพิมพ์ ของเราได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงไปแล้ว
ส่วนกรณี ข่าวสัมภาษณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรื่องการรัฐประหาร ที่ นักข่าวฝรั่ง คนนี้เขียนในบทความของเขา นั้น ก็ไม่ถูกต้อง เพราะการที่วาส ขอให้ทางหนังสือพิมพ์ แก้ไขข่าว ด้วยการยอมรับว่า ไม่ได้สัมภาษณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น เพราะเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อ ความผิดพลาดในการเขียนข่าว ของวาส ซึ่งในเวลานั้น วาสก็ออกมาชี้แจงในเฟสบุ๊ค แล้วว่า คุณยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ แต่เป็นการที่ วาส ขอเก็บมาเขียนประกอบเรื่อง เบาๆสีสัน ชีวิตของอดีตนายกฯหญิงหลังรัฐประหาร เพราะตอนที่คุย คุณยิ่งลักษณ์ ก็ย้ำตลอดว่า ไม่ได้เป็นการให้สัมภาษณ์ ส่วนวาส จะเก็บมาเขียน ก็เป็นเรื่องของวาส ซึ่งวาส ก็ขอ อนุญาตเป็นประโยคๆ เลยว่า ประโยคนี้ขอนำไปโค้ท ซึ่งคุณหญิงลักษณ์ ก็อนุญาต เพราะวาส ตั้งแต่เขียนเรื่องเบาๆ สัน ไม่ได้เจียนเป็นข่าวสัมภาษณ์ เพราะสำหรับนักข่าวแล้ว นั่นเป็นการเจอ คุณยิ่งลักษณ์ ครั้งแรก หลังถูกรัฐประหาร หลายเดือน จึงขอเก็บมาเขียน
แต่เมื่อเกิดความผิดพลาด ในการพรีเซนต์ประเด็นของ วาส เอง ไม่เกี่ยวกับ หัวหน้าข่าวหรือ กองบก.ใดๆ วาส จึงขอเป็นผู้รับผิด เพราะบทความที่ลงไป ถูกนำไปโจมตี คุณหญิงลักษณ์ ในทางการเมืองและขยายต่อ วาส จึงขอเป็นผู้รับผิด ในการยอมรับว่า ไม่ได้สัมภาษณ์ คุณยิ่งลักษณ์ เมื่อชี้แจงแล้ว ทางหนังสือพิมพ์ จึงได้ลบข่าวนั้นออกจากเวบไซต์ไป
เรื่องมีอยู่แค่นี้ และนานมากแล้ว วาส จึงงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นหนอ ทำไมมาโจมตี วาส ไม่รู้ไปทำอะไรใคร วาส ไม่เคยหยิ่ง บางครั้งมีนักข่าวฝรั่ง มาขอสัมภาษณ์ ขอให้ช่วยติดต่อทหารให้ จำนวนเยอะมาก แต่วาส ไม่รู้จัก และวาสเองก็ไม่ค่อยว่าง วิ่งทำข่าว สองสาย ทุกวัน จึงตอบอีเมลล์หรือโทรศัพท์ ไป แบบดีๆ แล้วหาเบอร์ทหารให้ด้วย ส่วนจะขอสัมภาษณ์ได้หรือไม่ เป็นเรื่องความสามารถของนักข่าว เองแล้ว ส่วน วาส เอง ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเป็นช่วงรัฐประหาร จะตอบอะไรตรงๆมากไม่ได้ แล้วนักข่าวฝรั่ง ก็มักจะถามตรงในเรื่องสถาบันฯ ซึ่งใครจะไปตอบได้ วาส จึงหลีกเลี่ยง มาตลอด เพราะเคยมีประสบการณ์ ถูกนำไปโค้ทชื่อ เวลาพูดคุยนอกรอบ ทำให้เสียหายมาแล้ว ระยะหลังวาส จึงไม่ได้ให้สัมภาษณ์ กับสื่อใดๆเลย แต่ก็อธิบายให้เขาเช้าใจทุกรายไป หลายครั้งที่ มาขอให้ช่วยติดต่อทหาร คนนั้นคนนี้ วาสก็ไม่มีเวลา ก็ให้เบอร์โทรไปติดต่อเอง ซึ่งอาจทำให้ เขาไม่พอใจ บ้างก็ได้ แต่ก็ไม่น่าจะเป็นสาเหตุ ที่อยู่ดีๆ นักข่าวฝรั่งคนนี้ มาโจมตี วาส เพราะปกติ นักข่าวฝรั่ง ที่มาทำข่าวเมืองไทย เขาจะประสาน Fixer หรือ ผู้ประสานงานคนไทย ที่ในวงการจะรู้ดีว่า ใครบ้าง ก็เป็นงานของเขา บางทีนักข่าวคนไทย ที่ประสานงานให้ต่างประเทศ พยายามให้วาส ช่วย วาสก็ทำให้ได้แค่ ให้เบอร์ติดต่อไปแค่นั้น จะให้วาส มาโทรถามให้ นัดให้ มันเป็นไปไม่ได้ เพราะทหาร ไม่ใช่ให้สัมภาษณ์กันง่ายๆ มีระเบียบอยู่ แล้ววาสเอง ก็ไม่ค่อยว่าง ก็ต้องขออภัยพี่น้องสื่อต่างประเทศ หรือผู้ประสานงานด้วย เพราะที่ติดต่อกันมา วาส ก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้ หวังว่าคงเข้าใจ
แต่ยังงงไม่เลิกว่า วาสไปทำอะไร ให้นักข่าว ฝรั่ง คนนี้ไม่พอใจหรือเปล่า เพราะเรื่องข่าวเรือดำน้ำนี่ วาส ก็ช่วยเต็มที่แล้วส่วนเขาไปคุยกันยังไง วาส ก็ไม่ได้ติดตามผล จนมาปรากฏผล ในบทความที่ นักข่าวฝรั่งคนนี้ เขียนล่าสุดนั่นเอง
จึงอยากบอกว่า ถ้า วาส ทำอะไรผิดพลาด หรือทำให้เขาไม่พอใจ วาส ต้องขอโทษ ด้วย แต่ไม่ควรมาใช้วิธีการนี้ มันทำให้เสียความรู้สึก ทั่้งๆที่เหตุการณ์นั่น ทำให้วาส เสียแหล่งข่าว พลเรือครี ท่านนี้ก็ไม่คุยกับวาส อีกเลย กองเรือดำน้ำ ที่วาสจะไปทำสกู้ป ก็เลยอดไป แต่วาส ก็ไม่ได้โกรธอะไรเขา เพราะเข้าใจ แต่ คนที่เขาได้รับผลกระทบ อย่าง พลเรือครี ท่านนี้ ท่านไม่ได้คิดแบบเรา แต่เมื่อมาเขียนโจมตีกันแบบนี้ วาส ก็เสียใจ เพราะเราเป็นนักข่าวด้วยกัน
"I don't know what I've done wrong.
If I made some mistakes or made you unhappy, I have to say Sorry,"
Anyway, as you mentioned about trip to Hawaii. I will let you know that I"m attending the Advanced Security Cooperation Study with APCSS in Hawaii by invitation from US Embassy in Thailand, it did not related with the army.please understand and recorrect it. Thai Soldiers came here by JusmagThai support. many of civilians from many countries here are the same with me.the US Embassy in each country"s support.
Thanks.


ไม่มีความคิดเห็น: