PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

"กษิต" มองควรนิรโทษกรรม สร้างประเทศ เกิดความปรองดอง - กมธ.การเมือง เร่งหารือทำงานให้แล้วเสร็จใน 1 เดือน

นายกษิต ภิรมย์ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ในฐานะรองประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ทาง กมธ.การเมือง ได้เร่งหารือสร้างความปรองดองในประเทศ ซึ่งพยายามให้ได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน โดยประเด็นเบื้องต้นได้คุยเรื่องความขัดแย้งตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแนวทางการทำงานนั้น จะต้องมีการพิจารณาเข้าสู่กระบวนการศาลยุติธรรม และเยียวยาผู้เสียหายอย่างเต็มที่ รวมถึงศึกษาการเกิดความรุนแรงในสังคมไทย พร้อมศึกษาตัวอย่างในไทยและในโลก โดยเมื่อทำร่างเสร็จแล้ว ก็จะส่งให้ที่ประชุม สปท. และหากจะจัดเวทีความคิดเห็นก็สามารถทำได้ต่อไป

ทั้งนี้ นายกษิต กล่าวถึง การเยียวยาและช่วยเหลือผู้ที่กระทำความผิด ว่า เบื้องต้นได้มีการช่วยเหลือไปแล้ว ซึ่งจะมีการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนการนิรโทษกรรมนั้น ส่วนตัวมองว่าต้องทำการเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ซึ่งทุกคนควรได้รับการนิรโทษกรรม เนื่องจากสาเหตุมาจากการเมือง จึงควรออกกฎหมายนิรโทษกรรมทุกคนและไม่มีการยกเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น เพื่อให้ความปรองดองเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง
--------
ผบ.สส. ยัน กองทัพพร้อมหนุนรัฐบาล - คสช. ทำปรองดอง พร้อมเชื่อ ป.ย.ป. จะทำให้ประเทศก้าวข้ามปัญหาที่ผ่านมา

พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงแนวทางการสร้างความปรองดองโดยยืนยันว่า ทางกองทัพพร้อมจะสนับสนุนรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเชื่อว่าการการตั้งคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน ตามกรอบการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) จะเป็นประโยชน์และทำให้ประเทศก้าวข้ามปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา โดยกองทัพพร้อมทำทุกอย่างให้การดำเนินงานดังกล่าวสำเร็จลุล่วง ส่วนการพูดคุยกับพรรคการเมืองนั้นอยู่ในระหว่างเตรียมการ

อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกฝ่ายเข้ามาร่วมกันสนับสนุน เพราะถือเป็นโอกาสที่ดีในการก้าวข้ามความขัดแย้ง ส่วนกรณีที่บางฝ่ายออกมาแสดงความเห็นว่าความปรองดองจะไม่เกิดขึ้นจริง และทหารเป็นคู่ขัดแย้งนั้น คงเป็นความเห็นของบางบุคคล ซึ่งขอย้ำว่านายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้า คสช. มีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ ที่จะทำให้ประเทศไทยเกิดความสงบและเจริญก้าวหน้า ซึ่งหากทุกฝ่ายทำความเข้าใจ และมองประเทศชาติเป็นที่ตั้งก็จะทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี
---------
กมธ.ปฏิรูปกีฬา สปท. แถลง “ก้าวกระโดดกีฬาไทย” เชิงลึก มุ่งพัฒนาให้เป็นรูปธรรม

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกีฬา ศิลปะวัฒนธรรม การศาสนา คุณธรรม และจริยธรรม สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ พร้อมด้วย นายชาญวิทย์ ผลชีวิน ประธานอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านโครงสร้างการกีฬา พล.ร.อ.อภิวัฒน์ ศรีวรรธนะ ประธานอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านบริหารจัดการการกีฬา และ พล.อ.อ.ทวิเดนศ อังศุสิงห์ ประธานอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการปฏิรูปเร็ว ร่วมกันแถลงข่าว “ก้าวกระโดดกีฬาไทย” ผลการดำเนินงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกีฬา เพื่อนำเสนอถึงความเป็นมาและเหตุผลความจำเป็นในการปฏิรูปการกีฬาของประเทศไทยให้เป็นรูปธรรม พร้อมขยายผลการประชาสัมพันธ์จากการแถลงข่าวผลงานครบรอบ 1 ปี ในเชิงลึกเกี่ยวกับประเด็นการปฏิรูปกีฬา

นอกจากนี้ ยังเป็นการเตรียมการรองรับการจัดสัมมนาของคณะกรรมาธิการที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นความร่วมมือกันของภาคส่วนต่าง ๆ ด้วย
----------
นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ภาคใต้ดูน้ำท่วม 26 ม.ค. นี้ พร้อมเร่งรัดให้เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้เร็วที่สุด 

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 26 ม.ค. นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะลงพื้นที่ภาคใต้ และคาดว่า จะนำเงินไปมอบให้แก่ผู้เสียชีวิต รายละ 50,000 บาท ด้วย โดยนายกรัฐมนตรีได้มีการเร่งรัดให้เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้เร็วที่สุด

ขณะที่กองทุนโครงการ "ประชารัฐร่วมใจ ช่วยอุทกภัยภาคใต้" นั้น มีการร่วมบริจาคเงินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งภายหลังน้ำลดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในทันที ซึ่งย้ำว่า เงินในกองทุนดังกล่าว จะนำไปช่วยเหลือในสิ่งที่จำเป็น แต่ไม่ใช่เป็นการแจก ทั้งนี้ ได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปสำรวจความเสียหายเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการช่วยเหลือ ขณะที่สิ่งของช่วยเหลือพี่น้องชาวใต้ ขณะนี้ค่อนข้างเพียงพอ เพราะมีหลายภาคส่วนร่วมกันบริจาคจำนวนมาก
-----------
"พล.อ.เอกชัย" เผย อนุกรรมการถกปมแก้ขัดแย้งนัดแรก 23 ม.ค. นี้ มุ่งหามาตรการปรองดอง ชี้ รบ. ต้องทำให้สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ในฐานะเลขานุการอนุกรรมาธิการรวบรวมข้อเสนอการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ในกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เปิดเผยว่า จะมีการประชุมนัดแรกวันจันทร์ที่ 23 ม.ค. นี้ เวลา 13.00 น. เพื่อหามาตรการในการสร้างความปรองดองที่ยังไม่สำเร็จให้ได้ข้อสรุป ก่อนเสนอไปยังรัฐบาล อาทิ มาตรการการพักโทษ ที่ให้ผู้กระทำความผิดรับสารภาพก่อนเข้าสู่กระบวนการชะลอโทษ 5 ปี ซึ่งหากไม่กระทำความผิดซ้ำโทษดังกล่าวก็จะหมดไป

อย่างไรก็ตาม เห็นว่าเรื่องความปรองดองมีการศึกษามาเป็นเวลานาน และมีเอกสารจากหลายคณะ ดังนั้น สามารถที่จะนำมาทำเป็นแผนขับเคลื่อน และเปิดพื้นที่ให้กลุ่มต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วม พร้อมเห็นว่า รัฐบาลควรกำหนดแผนสร้างความปรองดองให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และควรออกเป็นกฎหมายใช้บังคับ
-------------
"พล.อ.เอกชัย" ชี้ ปรองดองไม่เกิด เหตุไม่อดทนฟังคิดเห็นต่าง ขออย่าอคติ แนะเปิดพื้นที่คุบกัน เชื่อรัฐบาลทำได้

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ในฐานะเลขานุการอนุกรรมาธิการรวบรวมข้อเสนอการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ในกรรมาธิการขับเคลื่อนการ
ปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มองว่า สาเหตุที่ทำให้ความปรองดองยังไม่เกิดขึ้น เป็นเพราะผู้ที่ดำเนินการเรื่องนี้ ไม่อดทนต่อการรับฟังความคิดเห็นต่าง
ไม่เปิดใจมุ่งมั่นทำให้สำเร็จ และดำเนินการไม่ต่อเนื่อง

ทั้งนี้ หากต้องการให้สำเร็จ ต้องทำอย่างจริงจัง อย่าอคติ อย่าเอาชื่อคนเป็นที่ตั้ง เพราะสุดท้ายจะไม่เห็นผล ไม่ต้องมองข้างหลัง แต่ให้ดูที่มีการเสนอว่าจะเคลื่อนอย่างไรให้สำเร็จและเปิดพื้นที่พูดคุยกัน ส่วนทหารที่มาทำเรื่องความปรองดองจะสำเร็จหรือไม่นั้น พล.อ.เอกชัย กล่าวว่า ต้องถามใจว่ามีความมุ่งมั่นหรือไม่ และเชื่อว่ารัฐบาลนี้ ทำได้ เพราะไม่มีรัฐบาลใด จะมีอำนาจสูงสุดเท่ารัฐบาลชุดนี้อีกแล้ว แต่จะใช้ทหารเป็นองค์ประกอบหลักในการแก้ไขปัญหาเรื่องความขัดแย้งไม่ได้ ต้องมีบุคคลหลากหลาย ซึ่งเรื่องความปรองดองจะใช้อำนาจหรือกำลังไม่ได้ ต้องใช้ปัญญาและความรู้
-------------
กมธ.เศรษฐกิจ ลงพื้นที่นครปฐม ฟังสรุปประเด็นจัดทำโครงการเสนอขอรับงบเพิ่มเติมที่รัฐบาลจัดสรรให้จังหวัดวงเงิน 1 แสนบาท

วันนี้เวลา 09.00 - 12.00 น. ที่ จ.นครปฐม คณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ นำโดย พล.อ.อ.ชนะ อยู่สถาพร ประธานคณะกรรมาธิการฯ พร้อมด้วยคณะ
คณะอนุกรรมาธิการนโยบายการเงินฯ ศึกษาดูงานและรับฟังการบรรยายสรุปประเด็นการจัดทำโครงการเพื่อเสนอขอรับงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมที่รัฐบาลจัดสรรให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดวงเงิน 100,000 ล้านบาท พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในกลุ่มภาคกลางตอนล่าง 1 จำนวน 4 จังหวัด เกี่ยวกับการเสนอโครงการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่มีการประสานความเข้าใจร่วมกันระหว่างระดับนโยบายกับพื้นที่ เพื่อให้โครงการต่าง ๆ เป็นโครงการที่เกิดจากความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ เมื่อร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2560 ผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และมีการอนุมัติเงินเพื่อดำเนินโครงการแล้ว คณะกรรมาธิการฯ จะได้มีการลง
พื้นที่เพื่อติดตามการใช้จ่ายงบประมาณในส่วนนี้ต่อไป โดยมี นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ
------------
นายกฯ เป็นประธานพิธีถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 เนื่องในโอกาสวันกองทัพบก และวันกองทัพไทย

ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในช่วงบ่ายวันนี้ ได้เดินทางมาเป็นประธานพิธีถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และประกอบพิธีสงฆ์ เนื่องในโอกาสวันกองทัพบก และวันกองทัพไทย 18 มกราคม 2560 เพื่ออุทิศเป็นพระราชกุศล และเพื่อเป็นการรำลึกถึงวีรกรรม บรรพบุรุษเหล่านักรบไทยและทหารผู้กล้า ที่ช่วยกอบกู้เอกราชและรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้

โดยในการนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นแท่นรับการเคารพจากกองทหารเกียรติยศ ณ บริเวณด้านหน้า อาคารพิพิธภัณฑ์กองทัพบก เฉลิมพระเกียรติ ก่อนจะทำพิธีดังกล่าว โดยมี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บังคับบัญชาชั้นสูงให้การต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอลเกล้า ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่ผลิตนายทหารหลักของประเทศ เพื่อรับใช้ประเทศชาติและประชาชน
---------------
"พล.อ.อ.ประจิน" ขอทุกฝ่ายช่วยกันสร้างปรองดอง เชื่อต้องใช้เวลา ทุกคนเห็นแก่ประเทศชาติ

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางการปรองดอง ที่กลุ่มการเมืองบางส่วนปฏิเสธเข้าร่วม ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้วางกรอบเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนแล้ว ส่วนตัวอยากให้ช่วยกัน และขอให้ดูความหมายของคำว่าปรองดองและสามัคคี และขอให้ทำตามนั้น เชื่อว่าอาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง จึงขอให้ทุกคนเห็นแก่ประเทศชาติและประชาชน
---------------
"พล.อ.อ.ประจิน" เห็นชอบหนุนกรอบปฏิรูปประเทศของเลาฯ ป.ย.ป. คาดว่า สัปดาห์นี้จะมีความคืบหน้าชัดเจนเรื่องโครงสร้าง

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง หรือ ป.ย.ป. ว่า ขณะนี้ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ในฐานะเลขานุการ ป.ย.ป. อยู่ระหว่างการหารือกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และจากการหารือกันเมื่อวานมา ส่วนตัวได้เห็นชอบตามกรอบที่เลขานุการ ป.ย.ป. ได้ร่างไว้

ทั้งนี้ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ส่วนตัวได้รับหน้าที่ในการประสานงานกับหน่วยงาน แผนงานที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างบุคลากร การศึกษา งานวิจัย และการใช้เทคโนโลยี อีกทั้งในส่วนที่เชื่อมโยงกับสิ่งต่าง ๆ ที่ได้เสนอไว้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คาดว่าในสัปดาห์นี้จะมีความคืบหน้าชัดเจนในส่วนของรายชื่อโครงสร้างคณะทำงาน
---------
พล.อ.เฉลิมชัย ตรวจแถวสวนสนาม ประกอบพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เนื่องในวันกองทัพบก 

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลของหน่วยทหาร เนื่องในโอกาสวันกองทัพบกและวันกองทัพไทย ณ ลานอเนกประสงค์ กองทัพภาคที่ 1 ภายใน กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ โดยมีคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพบกและกำลังพลเข้าร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียง โดยผู้บัญชาการทหารบกได้ตรวจพลสวนสนาม

จากนั้นกองผสมเชิญธงชัยเข้าสู่ปะรำพิธี เสร็จแล้วจึงกระทำพิธีสงฆ์และพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล โดยผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวนำปฏิญาณตนให้โอวาทและอ่านสาส์นของผู้บัญชาการทหารสูงสุด หลังจากนั้นจึงเป็นการสวนสนามของกำลังพลซึ่งในปีนี้ประกอบด้วย กำลังพลสวนสนาม จำนวน 20 กองพัน โดยมี พล.ต.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ เป็นผู้บังคับกองผสม 

อย่างไรก็ตาม วันกองทัพบก และวันกองทัพไทย วันนี้ ถือว่าเป็นวันรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย ซึ่งนับได้ว่าวันนี้เป็นโอกาสสำคัญที่ข้าราชการทหารจะได้กระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของสถาบันสูงสุด อันได้แก่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ พิธีดังกล่าวจึงเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็น
สิริมงคลแก่ทหารทุกนาย
----------
“เลขาฯปชป.” ชี้ ปรองดองต้องทำด้วยใจถึงจะสำเร็จ

เมื่อวันที่ 18 มกราคม นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงรายชื่อคณะกรรมการอำนวยการเพื่อความปรองดองสมานฉันท์ ที่ส่วนใหญ่เป็นทหาร โดยไม่มีกลุ่มที่มีความขัดแย้งเข้า
ไปเป็นกรรมการด้วยว่า ต้องให้โอกาสคณะทำงานที่ตั้งขึ้นมาได้ลองทำงานดูบ้าง เพราะทุกคนก็ลองมาหมดแล้ว ก็ลองให้คนใหม่ทำบ้างและค่อยๆปั้นกันไป เพราะบ้านเมืองต้องการความสงบเรียบร้อย และตอนนี้ก็ยังไม่เห็นอะไรที่เป็นรูปธรรมชัดเจน ดังนั้นขอให้ทำให้สำเร็จ ส่วนที่ไม่มีกลุ่มคู่ขัดแย้งร่วมเป็นกรรมการด้วยนั้น ตนชื่อว่าในที่สุดคงต้องเชิญไปให้ความเห็น เพราะการเป็นกรรมการในคณะกรรมการชุดดังกล่าวไปสำคัญเท่ากันความจริงใจในการที่จะทำให้เกิดความปกครอง เพราะถ้าตกลงกันด้วยตัวหนังสือ แต่ใจไม่ไปด้วยก็สำเร็จ เพราะทุกอย่างต้องสำเร็จได้ด้วยใจ ทั้งนี้ ในส่วนของพรรค หากมีการเชิญไปให้ความเห็นเราก็ยินดี
----------
“กษิต”โพสต์ อย่าลืม MOU ที่คนไทยต้องการ รวมถึงทหารจะไม่ทำรัฐประหารอีก

วันนี้ (18 ม.ค.) นายกษิต ภิรมย์ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศ(สปท.) โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊กส่วนตัวแสดงความเห็นเรื่องแนวทางการปรองดองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยระบุว่า“เรื่อง MOU ปรองดอง ผมเองเห็นด้วยตรงที่ พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “MOU ไม่ใช่การขัดกฎหมาย และต้องตกลงร่วมกัน” เพราะอะไรก็อยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ รวมถึงการตกลงก็คือการเปิดให้ทุกฝ่ายได้หารือกัน และได้โปรดอย่าลืมว่า MOU ที่คนไทยต้องการนั้น รวมถึงการที่ทหารจะไม่ออกมาทำการรัฐประหาร และฉีกรัฐธรรมนูญ อีกด้วยในอนาคต นั่นก็แปลว่าในการปฏิรูปประเทศครั้งนี้ ประชาชนจะต้องได้รับระบบการบังคับใช้กฎหมายที่ดีเพียงพอที่จะใช้ตรวจสอบ ควบคุมการบริหารประเทศ และสามารถจัดการข้อขัดแย้งกันเองได้ โดยทหารจะได้เอาเวลาไปปฏิบัติหน้าที่เฉพาะของตนเองได้อย่างเต็มที่”

ทั้งนี้มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตโพสต์ถามนายกษิตว่า “ผมไม่เข้าใจว่า ปรองดองคืออะไร เพราะที่ทะเลาะกันตลอด 10 ปีที่ผ่านมา คือคนที่รักทักษิณ กับ คนที่เกลียดทักษิน ที่ไม่มีวันที่จะร่วมมือไปด้วยกันได้ 
ทั้งฝ่ายนักการเมืองและประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงต้องมีความเห็นขัดแย้งไปอีกนาน?

โดยนายกษิต ตอบคำถามดังกล่าวว่า

“การปรองดองคือการหาทางออกร่วมกัน ผ่านทางการหารือจากคู่ขัดแย้ง หากมองจากมุมของคนรักทักษิณ อีกฝ่ายคือผู้ทำลายประชาธิปไตย เพราะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งหากมองจากฝ่ายเกลียดทักษิณ อีกฝ่ายคือผู้ทำลายประชาธิปไตย เพราะไม่เคารพหลัก ปชต. ดังนั้นก็ต้องกลับมาตกลงกันให้ได้ว่าหลัก ปชต. ร่วมกันคืออะไร แล้วให้เกิดกระบวนการค้นหาความจริงจากผู้ที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับ โดยจะต้องสัญญากันไว้ว่า ไม่ว่าผลเป็นอย่างไรให้ถือเป็นที่สุด

หลังจากนั้นก็ให้ยึดเป็นบรรทัดฐานในการอยู่ร่วมกันต่อไปในอนาคต

ส่วนเรื่องทางกฎหมาย (เช่นการคอรัปชั่น) ก็ให้ดำเนินควบคู่กันต่อไป ตามดุลยพินิจของกระบวนการยุติธรรม โดยจะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ได้กระโจนเข้าร่วมวงขัดแย้งครั้งนั้นได้มีโอกาสในการดำเนินชีวิตต่อได้ด้วย”

ไม่มีความคิดเห็น: