PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

ช็อตแรกชิ่ง 'คู่ขัดแย้ง'

โดย ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ


โจทย์ยากๆ ตัวปัญหาต้องเก็บไว้ท้ายๆ
กับเหลี่ยมที่ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขาใหญ่ค่าย กปปส.ฟันธงสวนกระแส
ปรองดองไม่ใช่เรื่องง่าย
ในมุมของผู้มีประสบการณ์เชี่ยวกราก ตรงนี้ก็เหมือนการอ่านหมากทะลุ
แต่อีกมุมก็เป็นเสียงจาก “ลุงกำนัน” ที่กำลังโดนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ตั้งแท่นรื้อคดีปั่นราคาน้ำมันปาล์มเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองและพรรคพวกในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และข้อกล่าวหาเรื่องแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ซึ่งถือว่าเข้าข่ายคดีทุจริต
ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขปรองดอง ตามสูตรที่โยนทุ่นกันออกมา
ดูท่า “ลุงกำนัน” ยังไงก็ไม่ยอมเล่นเกมที่เหนื่อยฟรีแน่
ตรงกันข้ามกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยกธงเชียร์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้เข้ามาเป็นหัวหอกทีมปรองดอง เพราะถือเป็นบุคคลที่ได้รับความนับถือจากทุกฝ่าย ขอให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตรให้เดินหน้าสร้างความปรองดองให้สำเร็จ
ในอารมณ์ของฝ่าย “ทักษิณ” ที่โดนไล่ต้อนจนแทบไม่มีที่ยืน
เมื่อรัฐบาล คสช.ยื่นขอนไม้ปรองดองให้เกาะลอยคอ ถึงแม้จะไม่รวมถึงการนิรโทษกรรมและคดีทุจริตที่ทั้ง “นายใหญ่” และเครือข่ายติดชนักปักหลังอยู่ แต่การเปิดช่องให้หายใจหายคอได้
ก็ถือว่าได้อานิสงส์ไม่มากก็น้อย
เรื่องของเรื่องอาการของขั้วขัดแย้งทางการเมือง เป็นอะไรที่แปรผันตามผลประโยชน์
ในโหมดของการต่อรอง ไม่มีใครได้ทั้งหมด เสียทั้งหมด
เบื้องต้นเลยปรองดองรอบนี้ต้องจับอารมณ์คนกลางๆ ที่แทบจะไม่มีได้มีเสีย
แบบที่นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยืนยันส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลผลักดันเรื่องการปรองดอง หากเกิดขึ้นได้จะได้แก้ปัญหาของประเทศ
หรือนายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน รองประธานคณะกรรมาธิการการเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็ประกาศท่าทีสนับสนุน ทั้งการตั้ง ป.ย.ป. หรือโมเดลการเรียกพรรคการเมืองทำเอ็มโอยูเจรจาก่อนยุติความขัดแย้ง ไม่เกี่ยวการนิรโทษ หรืออภัยโทษ
เพราะเงื่อนไข จังหวะเวลากาลเทศะ ไทมิ่งลงตัว ต้องหันกลับมาคุยเพื่อทำให้ส่วนรวมเดินหน้าอยู่ร่วมกันได้ ร่วมมือพลิกโฉมหน้าประเทศไทยขับเคลื่อนบ้านเมืองไปข้างหน้า
และสำคัญที่สุด น้ำหนักมันอยู่ที่ฝ่ายคุมเกมอำนาจ
โฟกัสจากท่าทีของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ที่เห็นด้วยกับแนวคิดของ พล.อ.ประวิตร ในการเรียกพรรคการเมืองแต่ละพรรคมาคุยกัน
ทำสัจวาจาปรองดอง เพื่อร่วมกันทำให้ประเทศเดินหน้า
ตามจังหวะที่ พล.อ.ประวิตรก็รุกคืบในการตั้งคณะกรรมการเตรียมการสร้างสามัคคีปรองดอง
โดยระบุถึงรูปแบบประกอบด้วยตัวแทนพรรคการเมืองแต่ละพรรคมาแสดงความเห็นเสนอแนะ มีผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นผู้ใหญ่ ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายกฎหมาย นักวิชาการ
ก่อนรวบรวมประเด็นทั้งหมดเพื่อเขียนเป็นกติกา
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย สั่งให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครอง เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง
ขุมข่ายข้าราชการพลเรือนของมหาดไทยพร้อมรองรับงานใหญ่
หันไปที่ฟากกองทัพ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ก็พร้อมสนับสนุนข้อมูลในส่วนของกองทัพบกที่มีการตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์มาตั้งแต่ต้น พร้อมกับเชื่อว่า มีคณะกรรมการปรองดองฯขึ้นมาดำเนินการในระดับนโยบายก็เชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเดินไปสู่แนวทางที่ดี
ทหารแบะท่าพร้อมออกแรงหนุนเต็มกำลัง
จับอาการ คสช.ที่เดินหน้ากระบวนการปรองดองด้วยความจริงจังและตั้งใจ
แม้ในเบื้องต้นจะยังถูกตั้งแง่ แค่เทกแอ็กชั่นให้เห็นว่า คสช.ทำตามที่ประกาศไว้ในการยึดอำนาจ ไม่ได้คาดหวังถึงผลสำเร็จอย่างที่โดนปรามาส
แต่โดยกระบวนท่าของการเปิดหวูดปรองดองมาถึงตรงนี้
ทหาร คสช.สามารถสลัดตัวเองออกมาจากสถานะ “คู่ขัดแย้ง” ได้แล้ว.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: