PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

โวยมากเฝือเข้าเนื้อ

โวยมากเฝือเข้าเนื้อ



เรือนักท่องเที่ยวล่มตายหมู่ ช่วยทีมหมูป่าฯออกจากถ้ำ
งานเข้าหายใจหายคอกันแทบไม่ทัน สถานการณ์แบบที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ต้องชีพจรลงเท้า สายบินล่องใต้ภูเก็ต บ่ายขึ้นเหนือเชียงราย
เดินสายตรวจสถานการณ์ บัญชาการเหตุในพื้นที่ด้วยตัวเอง
ตามจังหวะคิวแทรกข่าวใหญ่ เรือนักท่องเที่ยวล่ม ช่วยเด็กติดถ้ำ ทำให้โหมดการเมืองซาลงชั่วคราว
ข่าวดูด ส.ส. ล่อเป้าประจานพรรคทหาร ถูกเบียดตกขอบ คนไม่ค่อยสนใจ
จังหวะเลยต้องปรับเรตติ้งกันใหม่ ปรากฏการณ์อย่างที่ “เดอะอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกมาแตะเบรกหน่วยตีปี๊บของ “นายใหญ่” ให้เพลาๆยุทธการแฉเกมดูดอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ลดโทนขยี้พวกย้ายพรรค
รักษามิตรภาพ กล่อมพวกที่ยังลังเลให้ปักหลักอยู่ต่อดีกว่า
เรื่องของเรื่อง จับกระแส ทิศทางข่าวเริ่มเฝือ ข่าวดูด ส.ส.พอปั่นหนักๆภาพชักออกมาในโทนมโน
โดยตัวแฉหน้าซ้ำๆ ข้อมูลเริ่มตัน
ด้านหนึ่งก็เป็นนายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต ส.ส.ลพบุรี ที่เปิดข่าวรายวันจากการแฉทหารใหญ่เรียกทีมอดีต ส.ส.นครราชสีมาและ ส.ส.อีสานเข้าไปรวบหัวรวบหางในค่ายกระแสดูดลามภาคกลาง ถูกทีมพลังประชารัฐรุกหนัก ใครโดนคดี มีหนี้สินจะดูแลให้ มีเงินรายเดือน มีเงินก้อนโตให้ไปตั้งตัว
ยิงมุกเอาไม้มาตีจะสู้ แต่เอาตังค์มาตีสลบทุกราย
อีกด้านหนึ่ง “หัวเขียง” นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ก็บอกสถานการณ์ดูดอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยไปพรรคพลังประชารัฐเริ่มนิ่งแล้ว ถึงตอนนี้ ส.ส.อีสานมีความกลัวคำขู่เรื่องคดีความน้อยลง หลายคนที่มีท่าทีจะย้ายไปแล้ว เริ่มลังเลอาจกลับมาใหม่
แถมขณะนี้มีการปรับวิธีการดูดจากเดิมที่ใช้ทหาร แกนนำพรรคพลังประชารัฐหรือคน
ในรัฐบาลมาทาบทาม เปลี่ยนเป็นให้เพื่อนชวนเพื่อน ใช้คนที่ถูกดูดไปแล้วมาทาบทาม เพราะพรรคพลังประชารัฐกำลังถูกมองทางลบ ต้องแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่พรรคทหาร
ตบท้ายก็เป็นนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทยที่ยืนยันตัวเองและอดีต ส.ส.โคราช ถูกเจรจาต่อรองให้เข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะช่วงนี้ถูกกดดันต่อรองหนัก แต่เท่าที่คุยทุกคนยังยืนยันที่จะปักหลักกับพรรคเพื่อไทย
เพราะประชาชนในพื้นที่โทรศัพท์มาขอร้องอย่าย้ายพรรค
สคริปต์เดิมๆ มุกซ้ำๆ ที่สำคัญมันเป็นอาการที่คนของพรรคเพื่อไทยพูดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียว
ถี่เข้ามันก็ถูกจับทางได้ แค่เกมชิงกระแส ดักคอตีกัน
แต่อีกนัยหนึ่งมันกลับสะท้อนอาการ “นายใหญ่” ผวาเลือดไหลออก ต้องสกัดกันอุตลุด
และนั่นก็เป็นจุดที่เกิดเครื่องหมายคำถาม ถ้ายี่ห้อ “ทักษิณ” ชัวร์จริง ทำไมต้องผวา ต้องง้อพวกย้ายพรรค ดักคอดักทางกันจ้าละหวั่น
ตามเกมแบบที่พวกแห่ตามทีม “สามมิตร” สวนกลับ “นายใหญ่” ดูแลไม่ดี
ช่วง 3-4 ปี ไม่มีเลือกตั้ง น้ำเลี้ยงเหือดแห้ง ปล่อยอดๆอยากๆ
ด้วยความมั่นใจกระแสยี่ห้อ “ทักษิณ” ในอีสานกับเหนือ เหมือนยี่ห้อประชาธิปัตย์ในปักษ์ใต้
ส่งเสาไฟฟ้าลงยังสอบได้
ถึงเวลาเลือกตั้ง อดีต ส.ส.ก็ย่อมค้างคาใจ กระแสดีแต่ไม่มีกระสุนก็ค่าเท่ากัน
แถมการเปิดตัวของหัวจ่ายยี่ห้อ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่ทรง ประสิทธิภาพในยุคพรรคไทยรักไทย
เครื่องหมายการค้าที่อดีต ส.ส.อีสานคุ้นเคยกันดี มันเป็นอะไรที่สัมผัสแตะต้องได้ชัดเจนกว่าคำขู่สอบตก หรือการทำนายอนาคตพรรคพลังประชารัฐจะล่มสลายเหมือนสามัคคีธรรม
ตรงกันข้ามกับสภาพภายในพรรคเพื่อไทยที่ปฏิเสธความจริงไม่ได้
กองทัพนายใหญ่อยู่ในสภาพ “หัวขาด” สถานการณ์แบบที่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ตัดใจเตรียมหอบผ้าพาลูกทีมออกไปตั้งป้อมค่ายใหม่ รอวัดใจ “นายใหญ่” ไม่ไหว
รู้กันเป็นนัย “นายใหญ่” ไม่กล้าหักบรรดาเจ๊ๆเฮียๆขาใหญ่ ตั้ง “เจ๊หน่อย” เป็นแม่ทัพก็พรรคแตก
ขณะที่เจ้าแม่เมืองกรุงใส่เกียร์ห้า เหยียบคันเร่งมิด รู้กันไปทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว ถ้าไม่ได้เป็นแม่ทัพ “เจ๊หน่อย” ก็อยู่มองหน้าคนในพรรคเพื่อไทยไม่ติด
มองซ้ายมองขวา หันกลับไปเปิดบัญชีชื่อที่สำรองไว้ ไล่ตั้งแต่ “เดอะอ๋อย” จาตุรนต์ ฉายแสง-พงศ์เทพ เทพกาญจนา-ชัยเกษม นิติสิริ-พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ฯลฯ
หรือคำตอบสุดท้าย แทงเต็งไปเลย ชื่อ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์”
มันก็หนีไม่พ้นเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายไปเผชิญวิบากกรรมซ้ำซากกับ “นายใหญ่”.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: