PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เผาศพลุงข้วย เพื่อนป๋าเปรม ปิดตำนานเพื่อนไม่มีชนชั้น

18 ส.ค. 59 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศาลา2 วัดสระเกษ อ.เมือง จ.สงขลา นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธีฌาปณกิจศพ สิบตรี ข้วย พุทธปาน อายุ 97 ปี หรือลุงข้วย เพื่อนรักและเพื่อนสนิทของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่จากไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 13ส.ค. ที่ผ่านมา ด้วยอาการปอดติดเชื้อ และถือเป็นการปิดตำนานอันยิ่งใหญ่ของคำว่า "เพื่อนไม่มีชนชั้น" ระหว่างคนหนึ่งที่เป็นนายกรัฐมนตรีกับอีกคนที่เป็นเพียงแค่ชายปั่นสามล้อมรับจ้างที่หาเช้ากินค่ำธรรมดา
โดยบรรยากาศในพิธีเป็นไปอย่างเรียบง่ายมีบุคคลสำคัญในจังหวัดเช่น นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ดร.ไพโรจน์ ด้วงวิเศษ ประธาน ป.ป.ช. สงขลา  หัวหน้าส่วนราชการและประชาชนทั่วไปที่รักลุงข้วย มาร่วมพิธีและแสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายจำนวนมาก และนอกจากจะมีการทำพิธีทางศาสนาแล้ว ทางสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตสงขลายังได้จัดพิธีทางทหารเพื่อเชิดชูเกียรติ และสดุดีในวีรกรรมอันกล้าหาญของ สิบตรี ข้วยหรือ ลุงข้วย ซึ่งเป็นทหารผ่านศึกสงครามมหาเอเชียบูรพา หรือสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยการยืนสงบนิ่งและเป่าแตรนอน เพื่อเป็นการไว้อาลัยดวงวิญญาณของ สิบตรี ข้วย เป็นเวลา 1 นาที พร้อมกับมอบเงินอีกจำนวนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือครอบครัว
ด้านนางสาวกรชลี พุทธปาน อายุ 55 ปี ลูกสาวคนเดียวของ ลุงข้วย ได้กล่าวถึงพล.อ.เปรม แทนพ่อสั้นๆ ว่า ขอขอบคุณ พล.อ.เปรม ที่ดูแลครอบครัวมาตั้งแต่พ่อยังมีชีวิตอยู่จนถึงวาระสุดท้าย ซึ่งครอบครัวรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณเป็นอย่างมาก
สำหรับสิบตรีข้วย หรือลุงข้วย นอกจากจะเป็นผู้สร้างตำนาน "เพื่อนไม่มีชนชั้น" ระหว่างเพื่อนที่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีกับอีกคนที่เป็นเพียงชายที่มีอาชีพปั่นสามล้อรับจ้าง จากเหตุการณ์ที่พล.อ.เปรม ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี และลงมาปฏิบัติภาระกิจที่วัดดอนรัก อ.เมือง จ.สงขลา ลุงข้วยก็ไปยืนรอรับเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป แต่เมื่อ พล.อ.เปรม เดินผ่านมาและเห็นก็ตรงเข้ามาหาและพูดทักทายเป็นภาษาใต้ ลุงข้วยจึงยกมือไหว้  แต่ พล.อ.เปรม พูดกลับว่า "ข้วยไหว้เราทำไมเราเป็นเพื่อนกันนะ" ลุงข้วยจึงตอบกลับไปว่า "ผมไหว้นายกรัฐมนตรี แต่ถ้าเป็นนายเปรมผมไม่ไหว้" และทั้งสองจึงสวมกอดกันด้วยรอยยิ้มท่ามกลางความปลาบปลื้มของคนทั้งวัด
ทั้งนี้ ลุงข้วยยังเคยเป็นทหารกล้าซึ่งจากประวัติทางทหาร สิบตรีข้วย เป็นทหารผ่านศึกสงครามมหาเอเชียบูรพาหรือสงครามโลกครั้งที่ 2 เข้ารับราชการทหารเป็นทหารกองประจำการเหล่าทัพทหารบก หมายเลขประจำตัวทหาร 186601216 เริ่มรับราชการเมื่อวันที่1 เม.ย. 2484 สังกัดกองพันทหารราบที่ 41 สวนตูล ค่ายพระปกเกล้าในปัจจุบัน และเคยร่วมรบเพื่อต่อต้านกองกำลังทหารญี่ปุ่นที่ยกพลขึ้นบกที่จ.สงขลา เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2484  โดยได้ตั้งจุดสกัดกองกำลังทหารญี่ปุ่นบริเวณหาดเก้าเส้ง สามแยกสำโรง เมืองสงขลา ทำให้กองกำลังทหารญี่ปุ่นได้รับความเสียหายจำนวนมาก และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง อดทนกล้าหาญ และเสียสละทำให้ภารกิจที่ได้รับมอบหมายบรรลุตามวัตถุประสงค์ของทางราชการทุกประการ  ก่อนที่จะปลดประจำการเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2488 รวมระยะเวลาที่รับราชการจำนวน 4 ปี และยังได้รับพระราชทานบัตรเหรียญชัยสมรภูมิ(เอเชียบูรพา)และบัตรประจำตัวทหารผ่านศึกนอกประจำการบัตรชั้นที่2ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น: