PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ผบทบ. ยันรัฐบาล-คสช.ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร มองนักศึกษาเป็นลูกหลาน แต่เมื่อทำผิดกฎหมายจำเป็นต้องดำเนินการ.

ผบทบ. ยันรัฐบาล-คสช.ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร แถมมองนักศึกษาเป็นลูกหลาน แต่เมื่อทำผิดกฎหมายจำเป็นต้องใช้มาตรการทางกม.เพราะเตือนมาหลายครั้งแล้ว และหากปล่อยไว้ อาจพัฒนาจนรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ นำไปสู่ความเสียหายต่อชาติได้ในอนาคต เชื่อประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจสถานการณ์ ติงอาจารย์หนุน14นศ. บางคนทำด้วยความบริสุทธิ์ใจแต่บางคนก็มีนัยยะแอบแฝง ขอทุกฝ่ายช่วยกันทำสงบสุข ขอร้องอย่าสนับสนุนในสิ่งที่ผิด ยกวาทะนักวิชาการเทียบปัญหาชาติ เหมือนหมอกำลังจะผ่าตัดคนไข้ แต่มีคนหยิบมีดหมอออกไป เหมือนนายกฯ-คสช.เร่งทำให้เกิดประชาธิปไตยเร็วแต่มีบางคนขัดขวาง

พลเอกอุดมเดช สีตบุตร ผบทบ./เลขาธิการ คสช./รมช.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีจับกุมนักศึกษา14 คน ว่า เพราะชุมนุมกระทำการผิดกฎหมายและขัดคำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐบาลต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย หลังจากได้ใช้พูดคุย ประนีประนอม มาตามลำดับแล้ว
"รัฐบาลไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ทั้งยังมองว่านักศึกษาทั้งหมดเป็นลูกหลาน แต่เมื่อทำผิดกฎหมาย ก็จำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการ เพราะได้ตักเตือนมาแล้วหลายครั้ง และหากปล่อยไว้ อาจจะเกิดการพัฒนา จนรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ และอาจนำไปสู่ความเสียหายของประเทศชาติได้ในอนาคต"

ผบทบ.มั่นใจว่า ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจสถานการณ์ดี แต่อาจไม่ได้ออกมาแสดงออกให้เป็นประเด็นเหมือนกับฝ่ายที่ต่อต้าน และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง จะสามารถดูแลความสงบสุขเรียบร้อยได้ อีกทั้งตอนนี้หลายฝ่ายต่างกำลังช่วยกันหาทางออกที่เหมาะสมกับนักศึกษาที่ถูกดำเนินคดี เหล่านี้

ส่วนกรณีที่อาจารย์ออกมาสนับสนุนนักศึกษา และโจมตีรัฐบาล และคสช.ที่จับกลุ่ม 14 นักศึกษานั้น พลเอก อุดมเดช เชื่อว่าบางคนทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่บางคนก็มีนัยยะแอบแฝง จึงขอว่า อะไรที่เราต้องช่วยกันให้ประเทศเดินหน้าไปได้ก็ขอความร่วมมือให้ทุกฝ่ายช่วยกันด้วยให้ประเทศเดินไปข้างหน้า

ส่วนมาตรการการดูแลความสงบเรียบร้อยต่อกลุ่มเคลื่อนไหวในพื้นที่ต่างจังหวัดนั้น ผบทบ.กล่าวว่า การแสดงออก สามารถทำได้ เป็นสิทธิเสรีภาพ แต่ขอให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม ไม่ใช่ทำสิ่งที่ละเมิดต่อกฎหมายและคำสั่ง คสช.

พลเอก อุดมเดช เผยว่า ส่วนตัวได้ดูรายการทางโทรทัศน์และมีนักวิชาการท่านหนึ่งกล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า หมอกำลังจะผ่าตัดคนไข้ แต่มีคนหยิบมีดหมอออกไป ก็เช่นเดียวกับสถานการณ์บ้านเมืองของเราในขณะนี้ ที่ประเทศกำลังจะเดินหน้าไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ซึ่ง นายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าทหาร ตำรวจ ทุกคน กำลังทำหน้าที่และต้องการให้ประเทศเกิดประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด แต่มีบางกลุ่มขัดขวาง จึงขอร้องว่า ทุกคนอย่าสนับสนุนในสิ่งที่ผิด ต้องช่วยกันดูแลรักษาความเรียบร้อย เพื่อนำไปสู่ความสงบสุขของบ้านเมือง

ผบ.ทบ.ยัน 14 นักศึกษา ไม่ได้เป็นศัตรู แต่ถ้าทำผิดต้องดำเนินการตามกฎหมาย ปล่อยไว้จะบานปลายสู่หายนะ เผยหาช่องใช้กฎหมายเยาวชนผ่อนหนักเป็นเบา เตือนพวกโหนกระแสให้หยุดพฤติกรรม ขออาจารย์อย่าหนุนลูกศิษย์ “เห็นผิดเป็นชอบ”

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก / เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าว ถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนักศึกษา 14 คนครบฝากขังผลัดแรกในวันที่ 7 ก.ค.นี้ว่า เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงไม่ได้มองนักศึกษาเป็นศัตรู นักศึกษาก็เป็นลูกหลาน ผมเห็นภาพของแต่ละคนอายุก็อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องศึกษาเล่าเรียนและเป็นอนาคตที่ดีของชาติได้ต่อไป

แต่การที่เจ้าหน้าที่ได้จับกุมนักศึกษาจำนวน 14 คนนั้นเพราะมีการปฏิบัตินอกกรอบ มีส่วนที่ก่อให้เกิดความไม่สงบและขัดต่อกฎหมาย ขัดต่อระเบียบที่ คสช.วางไว้เพื่อให้เกิดความสงบ

โดยก่อนหน้านี้ก็เริ่มต้นด้วยการตักเตือนมาตามลำดับ แต่ก็ยังกระทำในสิ่งที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบ และความมั่นคงในอนาคต สุดท้ายปล่อยให้กฎหมายดำเนินการ โดยทางฝ่ายความมั่นคงได้มอบหมายให้ทางตำรวจไปดำเนินการ ภายใต้การกำกับการดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ที่รับคำสั่งมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
“เรื่องนี้จะปล่อยปละละเลยไม่ได้ เพราะขัดต่อกฎหมายและคำสั่งของ คสช.ที่ระบุไว้ ไม่เช่นนั้นปัญหาจะพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไปนำไปสู่กลุ่มก้อนที่มากมายและเกิดความไม่สงบ
เราเห็นหายนะที่อยู่เบื้องหน้าคงไม่อยู่เฉยๆ และปล่อยปละละเลยไป ตนมั่นใจว่าประชาชนเข้าใจดี แต่ไม่ได้แสดงออก จะมีแสดงออกก็เพียงบางกลุ่มที่เห็นว่าการเคลื่อนไหวของนักศึกษา จะเป็นตัวนำกลายเป็นประเด็นในสิ่งที่จะต่อต้านและต่อสู้รัฐบาล ขอยืนยันว่าทางรัฐบาลและ คสช.ไม่ได้มองเห็นประชาชนทุกกลุ่มเป็นศัตรู จึงไม่ได้ต่อสู้กับใคร เพียงแต่ต้องดูแลความสงบให้เกิดขึ้น เพื่อนำไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้องในอนาคต”
สำหรับกรณีนักศึกษาทั้ง 14 คนที่ถูกควบคุมตัวนั้น ต้องปล่อยให้เป็นตามขั้นตอนตามกฎหมาย ทางตำรวจก็ต้องดำเนินการต่อไปเพื่อไปสู่ศาลทหาร การรวบรวมสำนวนต่างๆ ต้องดำเนินการต่อไป ทั้งนี้มีคนออกมาแสดงความคิดเห็นมาพอสมควรแล้ว

พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า นักศึกษาทั้ง 14 คน แน่นอนว่าจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่ด้วยความเป็นนักศึกษา เป็นเยาวชน ทางออกยังพอมี ในส่วนที่จะพิจารณาในกรณีที่เป็นเยาวชน โทษทัณฑ์ต่างๆ ก็คงไม่มากมายอะไร แต่เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย ตนไม่ขอก้าวล่วง แต่ในแง่มุมของกฎหมายสามารถพิจารณาได้จากการเป็นเยาวชนอยู่ได้บ้าง ผมคิดว่าทางฝ่ายกฎหมาย ตำรวจ และศาล ตลอดจนถึงผู้ควบคุมทางฝ่ายกฎหมาย คงจะมองกรณีนี้อยู่และเร่งคิดหาทางออกที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม ฐานความผิดมีอยู่จริง กลุ่มที่ต่อต้านก็โหนกระแสเข้ามา คณาจารย์ ครูบาอาจารย์ที่ดีๆ หลายท่านคิดด้วยความบริสุทธิ์ใจ ผมก็ทราบ ไม่อยากให้ทำอะไรที่รุนแรง เชื่อว่าทางผู้ใหญ่ในรัฐบาลก็ฟังอยู่และหาหนทางที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา แต่จะให้ยกไปเสียเลยก็ทำไม่ได้เพราะเป็นกฎหมาย บางท่านบริสุทธิ์ใจ บางท่านจะมีอะไรอยู่หรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ แต่หลายท่านที่มีชื่อออกมาแสดงความคิดเห็นก็ย่อมรู้ว่าคิดเห็นอย่างไร แต่ขอว่าอะไรก็ตามที่จะเกิดความไม่สงบเรียบร้อยขอให้ช่วยกัน
“บางคนก็กระโดดเข้าสู่กระแส โหนไปตามกระแสนั้นๆ เชื่อว่าจะเป็นจุดหนึ่งที่จะทำให้เกิดความไม่เรียบร้อย หรือรัฐบาลกระเพื่อม ขอให้หยุด ขอเถอะครับ ครูบาอาจารย์ ผมก็เคารพรัก เจอกันภายนอกก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทาย ไม่ได้เป็นศัตรูกัน บางอย่างท่านเอาไปให้ข้อคิดเห็นสนับสนุนจนทำให้คิดว่าสิ่งที่ไม่ดีเป็นสิ่งดี ซึ่งมันไม่ใช่เวลานี้ มีอยู่ท่านหนึ่งพูดผ่านสื่อโดยเปรียบเทียบว่าหมอกำลังจะผ่าตัดคนไข้ และมีคนไปดึงมีดผ่าตัดของคุณหมอออกมา ไม่ให้คนป่วยพ้นจากโรคภัย เทียบกับสถานการณ์ตอนนี้ก็เช่นเดียวกัน ที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ แต่มีคนไปยื้อไว้ ขออย่าสนับสนุนเลย ให้รัฐบาลมีเวลา มีโอกาสทำงานต่อไป อีกไม่นานจะมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ นำไปสู่การเลือกตั้ง ทุกคนอยากไปถึงตรงนั้นทั้งหมด นายกฯ เอง ตำรวจ ทหาร”
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเคลื่อนไหวตาม 14 นักศึกษาที่ถูกควบคุมตัวเริ่มลามไปในจังหวัดทางภาคเหนือและอีสาน จะรับมืออย่างไร พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า เท่าที่ทราบมีที่ จ.เชียงใหม่ ที่มีส่วนหนึ่งสนับสนุนการเคลื่อนไหวของนักศึกษา 14 คน ประมาณ 30-40 คน รวมกับมวลชนในพื้นที่อีกเท่าตัวกลายเป็น 100 กว่าคน ก็ผสมปนเปกันไป แต่ยังดีว่ายังรับฟังเจ้าหน้าที่ที่ไปขอร้องว่า สามารถแสดงออกได้ แต่ให้อยู่ในห้วงเวลาที่เหมาะสม เขาก็แยกย้ายกันไป ตนก็อยากให้ช่วยกัน แสดงออกให้อยู่ในกรอบพอที่จะรับได้ สามารถทำได้พอเหมาะพอควร แต่ถ้าเป็นการแสดงออกที่มากเกินไปเหมือนในช่วงที่ผ่านมา เช่นไปเขียน หรือนำสิ่งต่างๆ ไปปิดรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แสดงมารยาทไม่ดีก็ต้องเข้าไปสู่กฎหมาย

นอกจากนี้ก็ยังมีผู้ที่เห็นว่าการดำเนินการต่างที่กลุ่มนักศึกษากระทำจะทำให้เกิดความไม่สงบ มีการแสดงสัญลักษณ์โดยการติดกระดาษให้ยุติ ขอร้องให้หยุดเคลื่อนไหว ก็ถือเป็นเรื่องดี ตนก็ไม่อยากให้คน 2 กลุ่มนี้มาสู่การปะทะทางความคิดเห็น แต่อยากให้นักศึกษาที่เคลื่อนไหวได้รับทราบความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ด้วยว่าคิดเห็นอย่างไรต่อการกระทำดังกล่าว


ไม่มีความคิดเห็น: