PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

คิดต่างไม่ใช่อาชญากร!

มีความพยายามเดินหน้าอย่างต่อเนื่องสำหรับการจัดการกับกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยล่าสุดมีการมอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบในการดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลอย่างเป็นทางการ และดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลให้เห็นเป็นรูปธรรมภายใน 6 เดือน

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันการทำงานสู่ระดับล่างต่อไป ส่วนนโยบายจะเน้นการควบคุมอาวุธสงครามเป็นส่วนใหญ่ และสิ่งที่ทำให้เกิดอิทธิพลในท้องถิ่น จนทำให้เกิดความเสียหาย เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

ทั้งนี้ จะมีการเน้นย้ำปราบปรามอาวุธสงครามให้สิ้นซาก พร้อมให้ทุกส่วนราชการและประชาชนให้การสนับสนุน ร่วมแจ้งแบะแส หากพบจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด รวมถึงการเพิ่มมาตรการเข้มข้นในการสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้ามาพื้นที่ภายใน

และกำชับกำลังพลไม่ให้ไปเกี่ยวข้อง ตลอดจนถึงการเพิ่มมาตรการเข้มข้นดูแลบังคับใช้กฎหมาย ในการป้องกันการค้ามนุษย์ การลักลอบเข้าเมือง ทั้งกองกำลังตามแนวชายแดนในทางบกและทางน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาดังกล่าวทวีความรุนแรงขึ้นมาอีกแน่นอนว่า นี่คือนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะมีหัวเรือใหญ่อย่าง พล.อ.ประวิตร คุมบังเหียนเดินหน้าในการปราบปรามเหล่าผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับเพื่อตรวจตราเพื่อที่จะให้การปฏิบัติหน้าที่ได้รับผลสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง พล.อ.ประวิตรและทีมงานจะต้องยอมรับว่า ส่วนใหญ่บุคคลที่รัฐบาลต้องการกวาดล้างหรือเรียกว่าเป็นกลุ่มแก๊งมาเฟียผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ นำมาซึ่งปัญหาอาชญากรรม

หรือปัญหาผิดกฎหมายต่างๆ เกือบทุกรูปแบบ ที่กฎหมายไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้อย่างทั่วถึง ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้อง เชื่อมโยงไปยังกลุ่มมีสี ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือตำรวจที่มีอำนาจมีส่วนรู้เห็น หรือเกี่ยวข้องโดยส่วนใหญ่ทั้งสิ้น

โดยเฉพาะในกรณีของการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ ที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า กลุ่มอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังนี้คือ มีทั้งตำรวจ และทหารในพื้นที่ที่เป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนและเกี่ยวเนื่องในผลประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด จนกระทั่งมีการลงโทษถึงขั้นให้ออกจากราชการอย่างต่อเนื่อง เมื่อสืบสาวไปถึงและมีความผิดจริง

ทั้งนี้ รัฐบาลจึงควรหันมาตรวจสอบ โดยเริ่มต้นจากหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นกองทัพหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติเอง ที่ต้องรีบเร่งทำความสะอาดบ้าน เก็บกวาดงานในบ้านของตนเองให้เรียบร้อย จริงจังเข้มงวดเสียก่อน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ว่า รัฐบาลจริงจังและเข้มงวดไม่มีการละเว้นในการดำเนินการตามนโยบายดังที่ได้ประกาศไว้ เพื่อกวาดล้างผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟีย ในเครื่องแบบที่เป็นปัญหาหมักหมมอย่างต่อเนื่องในสังคมไทย

ขณะเดียวกันรัฐบาลหรือผู้ที่รับผิดชอบได้รับมอบหมายโดยตรงจักต้องแบ่งแยกการทำงานให้ชัดเจน ในการกวาดล้างผู้มีอิทธิพลในปัญหาใหญ่ๆ ไม่ว่ายาเสพติด ค้ามนุษย์ อาวุธสงคราม ฯลฯ มิฉะนั้นจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการตั้งคำถามได้ว่าคาบเกี่ยวไปกวาดล้างกลุ่มทางการเมือง ที่มีความคิดเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาล ตลอดจนกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ ที่มีการจัดกิจกรรมคัดค้านหรือกิจกรรมต่อต้านรัฐประหารอย่างต่อเนื่องในวาระต่างๆ

การดำเนินการที่ชัดเจนในการกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพล เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายของรัฐบาล จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดในการเปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อมีการดำเนินการต่างๆ หากว่ามีการดำเนินการต่อกลุ่มอิทธิพลกลุ่มใดๆ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อเป็นเกราะป้องกันการทำงานของรัฐบาลเองว่า ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายทางการเมือง แต่เดินหน้าเพื่อแก้ไขปัญหากวาดล้างผู้มีอิทธิพลหรือกลุ่มมาเฟียในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผิดกฎหมาย

นโยบายปราบมาเฟียหรือกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพล หากรัฐบาลเดินหน้าอย่างจริงจังถอนรากถอนโคน เชื่อแน่ว่าจะส่งผลดีต่อสังคมไทยอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะประชาชนทั่วไปที่เกิดความมั่นใจ มั่นคงในการดำเนินชีวิตประจำวัน และมีที่พึ่งจากหน่วยงานที่มีหน้าที่รักษากฎหมายได้อย่างแท้จริง และผลสุดท้ายคือ สามารถเรียกความเชื่อมั่นศรัทธาในบทบาทการทำหน้าที่ของหน่วยงานสำคัญ ทั้งกองทัพและหน่วยงานของ สตช.ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

แต่สิ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันนั่นคือ การใช้อำนาจที่จักต้องระมัดระวังมีขอบเขตในการใช้อำนาจที่ถูกที่ควรและมีขอบเขต และเป็นเหตุเป็นผล ในการจับกุม ปราบปราม และตรวจสอบ ให้ถ้วนถี่ ก่อนการดำเนินการว่าเป็นอาชญากรหรือเป็นกลุ่มที่กระทำผิดกฎหมาย ในรูปแบบต่างๆ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดนั้นๆ กลุ่มบุคคลต่างๆ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ถูกจับตาหรือขึ้นบัญชีเอาไว้ มิใช่เป็นกลุ่มแค่คิดเห็นต่างทางการเมือง ซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่ได้อยู่ในส่วนเกี่ยวข้องกับนโยบายการปราบปรามผู้มีอิทธิพลหรือกลุ่มมาเฟีย แต่เป็นปัญหาทางการเมือง ซึ่งต้องใช้วิธีการแก้ไขปัญหาทางการเมืองที่แตกต่างกันออกไป อย่าให้เข้าข่ายกลุ่มการเมืองที่เคลื่อนไหว ถูกเหมารวมกลายเป็นอาชญากรเพียงแค่มีความคิดเห็นที่แตกต่างจากรัฐ!.

ไม่มีความคิดเห็น: