PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เครียดสถานการณ์บ้านเมืองปีนเสาสปอร์ตไลท์ขู่เผาตัว

Cr:เดลินิวส์
เมื่อวันที่ 27 ต.ค. ขณะที่ ร.ต.ท.ศรัณยพงศ์ จังพนาสิน รองสวป.สน.ชนะสงคราม กำลังออกตรวจตราพื้นที่ความรับผิดชอบ รับแจ้งมีผู้ปีนขึ้นไปบนเสาไฟสปอร์ตไลต์ของสนามฟุตบอล ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ถนนพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร ไปตรวจสอบพร้อมพ.ต.ท.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ รอง ผกก.สส. และชุดสืบสวน ที่เกิดเหตุบริเวณยอดเสาไฟสปอร์ตไลต์ ริมสนามฟุตบอล สูงประมาณตึก 5 ชั้น ฝั่งหน้าอาคารคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี พบผู้ที่ปีนขึ้นไปบนเสาไฟฟ้าเป็นชายสูงอายุ ทราบชื่อต่อมาคือนายทอง โพธิ์ดี อายุ 68 ปี ชาวสุโขทัย นั่งเหม่อลอยอยู่บนยอดเสา ข้างตัวมีน้ำมันเบนซินสะพายกระเป๋าลายพรางทหาร ภายในมีขวดน้ำพลาสติกขนาด 600 มล. ใส่น้ำมันเบนซิน 2 ขวด พร้อมไฟแช็ค เจ้าหน้าที่จึงพยายามเจรจาเกลี้ยกล่อมเพื่อให้นายทองยอมลงมาเจรจากันด้านล่าง แต่ยังไม่เป็นผล จึงประสานขอเบาะลมจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมา กางเตรียมไว้เพื่อความปลอดภัย โดยนายทองเรียกร้องกับเจ้าหน้าที่ว่า ต้องการส่งจดหมายร้องเรียนกับนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมโชว์จดหมายเขียนด้วยลายมือในกระดาษเอ 4
เนื้อความของกฎหมายระบุว่า รู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งของคนในชาติที่ไม่จบสิ้นพร้อมตั้งคำถาม 4 ข้อให้นายกฯ คือ
1.การปฏิรูปคืออะไร
2.ประชาธิปไตยคืออะไร
3.ความยุติธรรมคืออะไร
4.ความเป็นธรรมคืออะไร
และยังมีข้อร้องเรียนกับนายกรัฐมนตรีอีกหลายเรื่อง เพื่อประโยชน์ต่อบ้านเมืองซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่พยายามเจรจาผ่านโทรศัพท์มือถืออยู่นานประมาณ 1ชั่วโมง โดยรับปากว่าจะพาไปที่ทำเนียบรัฐบาล เจ้าตัวก็ยอมปีนลงมาด้านล่างแต่โดยดี ก่อนจะมอบน้ำมันทั้ง 2 ขวดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ นายทอง กล่าวว่า ตอนนี้ตนตกงานอยู่ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร แต่เปิดแผงเช่าพระเครื่องอยู่ท่าพระจันทร์ สาเหตุที่ทำแบบนี้เพราะต้องการคำตอบหลายอย่างจากนายกรัฐมนตรี เช่นประชาธิปไตยคืออะไร การปฏิรูปคืออะไร ซึ่งหากตนไม่ได้ตามที่เรียกร้องไปนั้นก็ตั้งใจจะจุดไฟเผาตัวเองและกระโดดลงมาด้านล่างโดยหลังจากนี้จะให้สัมภาษณ์อย่างละเอียดกับสื่อที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกันอีกครั้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม จึงรีบนำตัวซ้อนท้ายรถจยย.เพื่อเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลต่อไป.

ไม่มีความคิดเห็น: