PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สอบไฮโซ-20บริษัทยักษ์ แฉ′หยอง′ กับพวก-ร่วมเรียกเงิน บิ๊กแป๊ะ′เล็งแถลงใหญ่

วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 09:56:18 น

แฉ"หมอหยอง"ทำ"เอ๋อ-ปากเบี้ยว" จนท.ส่งโรงพยาบาลสแกนสมองปกติ อธิบดีราชทัณฑ์เผยผลชันสูตรพลิกศพ"สารวัตรเอี๊ยด" ระบุ"ขาดอากาศหายใจจากรอยกดรัดบริเวณลำคอ" ญาติไม่ติดใจรับศพไปบำเพ็ญกุศลแล้ว
http://www.matichon.co.th/online/2015/10/14459145581445914616l.jpg
ความคืบหน้าคดีจับกุมนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง อายุ 53 ปี นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาท อายุ 39 ปี เลขาฯหมอหยอง ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด อายุ 44 ปี ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง มีใช้ซึ่งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และตั้งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ก่อนส่งตัวไปควบคุมที่เรือนจำชั่วคราวมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) พร้อมยึดทรัพย์สินผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เป็นจำนวนมาก ต่อมา พ.ต.ต.ปรากรมเกิดความเครียดผูกคอตายเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมนั้น

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกระแสข่าวแพร่สะพัดนายสุริยันเสียชีวิตว่า เมื่อช่วงเช้าได้เชิญนายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ มารายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว ทราบว่านายสุริยันยังอยู่ปกติ ไม่มีอาการน่าเป็นห่วง อีกทั้งขอรับประทานอาหารมื้อเช้าเป็นโจ๊ก ทางเจ้าหน้าที่เรือนจำได้จัดการให้ อย่างไรก็ตามคิดว่าเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้นและไม่รู้ว่าคนที่ปล่อยข่าวมีเจตนาอย่างไร ส่วนศพของ พ.ต.ต.ปรากรม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางญาติและครอบครัวมาขอรับศพออกจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์แล้ว

พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ตอนแรกมีความสับสนในแถลงการณ์ของกรมราชทัณฑ์เรื่องขั้นตอนทางนิติเวชมี 2 ประเด็น คือ 1.แถลงการณ์ของราชทัณฑ์ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ระบุว่าต้องส่งศพให้สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ที่จริงต้องระบุว่าต้องส่งศพให้ตำรวจเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ จากนั้นตำรวจจะรับไปดำเนินการ โดยเชิญคณะกรรมการพิสูจน์ศพ ประกอบด้วย อัยการ ฝ่ายปกครอง แพทย์ และตำรวจ และ 2.กรณีที่ญาติมีความสงสัยสาเหตุการเสียชีวิตจากขั้นตอนแรก จึงจะส่งศพให้นิติเวชไปผ่าชันสูตร ซึ่งกระบวนการดังกล่าวเรียบร้อยหมดแล้ว มีการออกใบมรณบัตรของผู้ตายแล้วเช่นกัน พร้อมส่งศพ พ.ต.ต.ปรากรมให้ทางญาติรับไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว

เมื่อถามว่ากรณีองค์กรสิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้ปิดเรือนจำชั่วคราว มทบ.11 พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า เรือนจำดังกล่าวมีความจำเป็นในเรื่องความรวดเร็วเกี่ยวกับการเข้าสอบปากคำผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวน เพื่อลดขั้นตอนของเรือนจำถาวรออกไปและให้การทำงานรวดเร็ว ตรงนี้จึงเป็นที่มาของการใช้เรือนจำชั่วคราว เพราะบางครั้งอาจต้องประสานไปต่างประเทศ ในบางขั้นตอนอาจเกิดความล่าช้าทางคดีได้ อยากเรียนกับองค์กรสิทธิมนุษยชนว่ามันไม่ได้มองแค่เรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างเดียว ต้องมองเรื่องการทำงาน ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของบ้านเมืองด้วย

ผู้สื่อข่าวถามถึงอาการป่วยของนายสุริยันเกิดขึ้นจากอะไร พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า อธิบดีราชทัณฑ์ได้รายงานให้ทราบว่าได้นำตัวนายสุริยันส่งโรงพยาบาล เนื่องจากความดันกำเริบ เรือนจำได้ดูแลอย่างเต็มที่ ขณะนี้นายสุริยันยังคงถูกคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำชั่วคราวตามปกติ

ด้านนายวิทยาเปิดเผยว่า เมื่อเวลา 08.30 น. วันเดียวกันนี้ ญาติ พ.ต.ต.ปรากรมได้มาติดต่อขอรับศพจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไปแล้ว ซึ่งได้ชี้แจงสาเหตุการเสียชีวิตตามที่คณะกรรมการชันสูตรพลิกศพระบุการเสียชีวิตแล้ว ญาติไม่ติดใจการเสียชีวิต จึงมอบศพให้ไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป โดยไม่ต้องส่งไปผ่าชันสูตรที่สถาบันนิติเวช การตายในขณะถูกควบคุมตัวนั้นตามหลักแล้วต้องมีการชันสูตรพลิกศพโดยพนักงานสอบสวน อัยการ แพทย์ และฝ่ายปกครอง เพื่อหาสาเหตุการตาย หากหาสาเหตุการตายไม่พบ จึงส่งสถาบันนิติเวชเพื่อผ่าพิสูจน์ระบุสาเหตุการตายเพื่อประโยชน์ทางคดี แต่กรณีนี้ผู้ชันสูตรลงความเห็นว่า "ตายเพราะขาดอากาศหายใจจากรอยกดรัดบริเวณลำคอ" หากญาติไม่สงสัยการตายก็รับศพไปจัดการตามประเพณีได้ อย่างไรก็ตามในส่วนของเรือนจำต้องสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อสรุปรายงานและลงโทษเจ้าหน้าที่หากพบว่าบกพร่องต่อหน้าที่หรือไม่ต่อไป

นายวิทยากล่าวว่านายสุริยัน มีอาการป่วยเล็กน้อยเป็นความดันตามวัยของผู้สูงอายุ ไม่มีอาการหนักสาหัสตามกระแสข่าวลือแต่อย่างใด ช่วงเช้ารับประทานโจ๊กได้ตามปกติ ทั้งนี้เข้าใจว่ากระแสข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเมื่อกลางคืนวันที่ 22 ตุลาคม หลังรับตัวจากศาลทหาร นายสุริยันมีลักษณะอาการเอ๋อขากรรไกรค้าง ปากเบี้ยว เจ้าหน้าที่ไปพบเลยเกรงว่าจะมีอาการทางสมองหรือไม่ หรืออาจจะป่วยหนัก จึงสั่งให้นำตัวส่งโรงพยาบาลใช้เครื่องเอ็มอาร์ไอสแกนสมอง แต่ไม่ปรากฏอาการกระทบกระเทือนทางสมองแต่อย่างใด จึงนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำตามปกติ รวมทั้งนายจิรวงศ์ยังอยู่ในอาการปกติเช่นกัน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ยืนยันว่าอีก 2-3 วัน จะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ตั้งแต่ต้นจนจบ ขอทำการบ้านเกี่ยวกับคำถามที่สื่อมวลชนจะถาม ยืนยันจะตอบทุกเรื่องที่ยังค้างคาใจ โดยตนพร้อม พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พร้อมทีมงานทำคดีดังกล่าว สาเหตุที่ขอเวลาอีก 2 วันนั้น เพราะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน ชัดเจน รวมถึงหลักฐานต่างๆ ที่ตรวจยึดได้จากที่พักของผู้ต้องหาด้วย โดยพยายามให้ครบวงจรครั้งเดียวเหมือนคดีของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.

เมื่อถามว่า คดีนี้มีตัวการใหญ่กว่าผู้ต้องหา 3 คนหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้ อยู่ในสำนวนทาง พล.ต.ท.ศรีวราห์ มีหน้าที่สอบสวนและดูแลในส่วนนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน แต่ยืนยันว่าหลักฐานที่มีอยู่เบื้องต้นถือว่าเพียงพอแล้ว แต่ต้องการให้ครบถ้วนที่สุด โดยกำชับกับทีมงานแล้วว่าขอให้สรุปสำนวนคดีดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ขณะนี้ถือว่าสำนวนใกล้เรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีรายละเอียดอีกหลายส่วนที่จะต้องประชุมหารือกัน ส่วนกรณีตำรวจทั้ง 13 นายสังกัด บช.ก.ถูกคำสั่งไปช่วยราชการนั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่นั้น ยังไม่ขอตอบ จะตอบในวันแถลงข่าวใหญ่ในอีก 2-3 วันนี้

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวด้วย พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า มีข้อมูลอยู่แล้วแต่ยังได้ไม่ครบ เมื่อถามต่อว่าหมายจับที่จะออกอีก 2 วันน่าจะมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่อยู่ด้วยหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่ก่อนที่จะออกหมายจับบุคคลใดต้องหารือกันก่อน

เมื่อถามว่ากรณี พ.ต.ต.ปรากรม จะนำบุคคลภายนอกมารับข้าราชการนั้น จะมีผลประโยชน์เรื่องการวิ่งเต้นในการรับตำแหน่งหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ในส่วนนี้ไม่แน่ใจ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว ยังไม่เคยได้รับเอกสารอะไรเลย และไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีนายตำรวจระดับสูงเข้ามาช่วยเหลือการร้องขอดังกล่าวหรือไม่ ไม่ทราบว่าเข้าช่องทางใด เพราะช่องทางตนยังไม่เห็นเรื่องดังกล่าว

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีองค์กรสิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี ภายในกองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11 (พัน.ร.มทบ.11) ว่า เรื่องนี้มีทางกรมราชทัณฑ์ดูแลอยู่ หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็ตั้งคณะกรรมการดำเนินการตรวจสอบอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่าอาจจะเป็นผลมาจากกรณี พ.ต.ต.ปรากรมเสียชีวิตหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่รู้จะตอบอย่างไร ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เป็นเรื่องธรรมดา ยืนยันว่ายังมีความจำเป็นที่ต้องมีเรือนจำดังกล่าวอยู่ และจะใช้เฉพาะในสถานการณ์ช่วงนี้เท่านั้น หากสถานการณ์ปกติแล้วเรือนจำดังกล่าวก็ไม่จำเป็นต้องมี แต่ทั้งหมดทางกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ดูแล

แหล่งข่าวจากชุดสืบสวนเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้พบข้อมูลว่า นายสุริยันและ พ.ต.ต.ปรากรม มีพฤติกรรมร่วมกันขอเงินสนับสนุนจากบริษัทธุรกิจใหญ่ บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งผู้บริหารห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และค่ายเพลงดัง รวมแล้วกว่า 20 บริษัท นอกจากนี้ ยังมีไฮโซอีกหลายคนมอบเงินสนับสนุนด้วย รวมแล้วเป็นเงินกว่า 200-300 ล้านบาท

ขณะที่การสืบสวน สอบสวน ขยายผลคดีหมิ่นเบื้องสูง จากการเข้าค้นที่พักของนายสุริยัน หรือหมอหยอง และคอนโดมิเนียม พ.ต.ต.ปรากรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจพบข้อมูลการครอบครองห้องพัก อาคารคอนโดลาเมซอง 26 ห้อง และมีห้องรอโอนกรรมสิทธิ์อีกจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ ภายในห้องพักพบพระเครื่อง วิทยุสื่อสารแบบพกพากว่า 200 เครื่อง เงินสกุลเยน ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยหลายแสนบาท ในส่วนวิทยุสื่อสารตรวจสอบพบ พ.ต.ต.ปรากรมเบิกจากกองตำรวจสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อ้างว่านำไปใช้ในราชการ อีกทั้งยังพบรถยนต์หรูราคาแพง อาทิ โรลส์รอยซ์ เบนท์ลี่ โตโยต้าจอดอยู่บริเวณชั้น 5 ของคอนโด นอกจากนี้ ยังพบพระพุทธรูปอีกหลายรายการ ที่ญาติผู้ต้องหาเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถาบัน ยืนยันกับตำรวจว่าเป็นทรัพย์สินที่ถูกยึดไปในคดีดังกล่าวรวมอยู่ด้วย และจากการเข้าค้นห้องพักของนายสุริยัน ที่พหลโยธินปาร์ค ซอยพหลโยธิน 14 ตำรวจได้ข้อมูลเป็นจำนวนมาก รวมถึงการเรียกเงิน ที่หมอหยองพยายามลบข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจกู้คืนมาได้ และแกะรอยจนพบข้อมูลการกระทำผิดในคดีนี้

ที่มา : หนังสือพิมพ์ มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 27 ตุลาคม 2558 หน้า1

ไม่มีความคิดเห็น: