PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

“บิ๊กต๊อก” ยันผลชันสูตรศพ “สารวัตรเอี๊ยด” ผ่านขั้นตอนโปร่งใส

27 ตุลาคม 2558 15:11 น. ผู้จัดการ

รมว.ยุติธรรม ยันผลชันสูตรศพ “ปรากรม” ผ่านขั้นตอนอย่างโปร่งใส ระบุเรือนจำพิเศษเปิดชั่วคราวคดีเกี่ยวกับความมั่นคง เพื่อสะดวกในการสอบสวน โต้สื่อไม่จำเป็นต้องชี้แจงทุกเรื่อง ย้ำผลหารือปัญหาการใช้งบ สสส. ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน มี 3 มาตราใน กม.สสส. ที่กว้างเกินไปต้องแก้ไข 
      
       พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณี พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา ผู้ต้องขังระหว่างสอบสวนในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ผูกคอตายในเรือนจำ จนถูกมองว่าการดำเนินการต่าง ๆ ยังมีความไม่โปร่งใสว่า อะไรไม่โปร่งใส การเสียชีวิตในกรมราชทัณฑ์ แน่นอนว่า กรมราชทัณฑ์ จะมีการสอบสวน และขั้นตอนต่อไป คือ การแจ้งตำรวจเข้ามาชันสูตรศพเพื่อออกใบมรณบัตร และถึงนำศพออกมาให้ญาติได้ ทุกอย่างทำเรียบร้อย และการชันสูตรนั้นมีสองอย่างคือ ชันสูตรในชั้นพนักงานสอบสวน โดยมีคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ได้แก่ อัยการ กรมการปกครอง แพทย์ และตำรวจ แต่หากมีข้อสงสัยข้องใจให้ส่งไปอีกขั้นหนึ่ง หรือเหมือนกับขั้นสูงคือนิติวิทยาศาสตร์ แล้วถึงออกใบพิสูจน์ความเห็น ถ้าไม่ติดใจสงสัยก็ออกใบมรณบัตรได้ ซึ่งทุกอย่างผ่านขั้นตอนเหล่านี้หมดแล้ว มันไม่โปร่งใสตรงไหน
      
       ผู้สื่อข่าวถามว่า เรือนจำพิเศษดังกล่าวนี้จะมีไปตลอดหรือไม่ หรือมีเฉพาะช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า เรือนจำนี้เปิดสำหรับกรณีพิเศษ คดีความมั่นคงเกี่ยวกับระเบิด แล้วเมื่อมีการขอมาใช้ก็ให้ใช้ เรือนจำลักษณะนี้เป็นความต้องการร่วมกันระหว่างพนักงานสอบสวน กับกระทรวงยุติธรรม อำนาจตนเปิดให้ได้ถ้ามีความจำเป็น อย่างคดีระเบิดที่เปิดให้เพื่อสะดวกในการสอบสวน การประสานต่างประเทศได้ข้อมูลที่รวดเร็ว เมื่อเหตุผลเหมาะสมเราก็เปิด ถ้าจำเป็นต้องปิดก็ต้องพูดกันหลายฝ่ายว่าเห็นพ้องต้องกันไหม ถ้าเห็นพ้องกันตนก็พร้อมจะปิด แต่ในเรื่องของความมั่นคง รองนายกรัฐมนตรียังระบุว่าจำเป็นที่จะต้องเปิดอยู่ ตนก็เห็นว่ายังจำเป็นเพื่อความรวดเร็วในการดำเนินการ
      
       เมื่อถามต่อว่า สถานที่มีความพร้อมหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า พร้อม เมื่อเทียบเคียงกับกรณีวางระเบิดที่มีผู้ต้องหาอยู่ ก็ไม่มีปัญหาอะไร
      
       “เราต้องยอมรับความจริง ทั้งเรือนจำปกติ เรือนจำถาวร การมีลักษณะนี้เคยเกิดขึ้น การมีอุบัติเหตุ การฆาตกรรมระหว่างผู้ต้องขังก็เคยมี แต่เผอิญเรื่องนี้เป็นบุคคลอยู่ในความสนใจ เลยเป็นประเด็นขึ้นมา ซึ่งผู้ต้องขังกับผู้กักขังมี 4 แสนกว่าคนที่มีการหมุนเวียนกันอยู่ ก็มีเหตุการณ์ตลอด ก็ต้องสอบสวน พนักงานควบคุมเรือนจำก็สอบกันอยู่ มันไม่ใช่ไม่มี มันก็มีข้อบกพร่องภายในของเขาเอง เรื่องการตรวจตราผมเคยถามเขาก็บอกว่าตรวจเหมือนเดิม คดีระเบิดเขาก็ตรวจอย่างนี้ ส่วนจะมีเรื่องความเครียดหรืออะไรก็เป็นเรื่องตัวบุคคล”
      
       ส่วนกรณี นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ “หมอหยอง” ที่ทำทีซีสแกนผลออกมาเป็นอย่างไรนั้น พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า มันเกิดก่อนแล้ว ตอนเข้ามาใหม่ ๆ เขาก็รายงานผมด้วยวาจา เมื่อถามต่อว่า การสแกนทำที่ไหนอย่างไรไม่มีการชี้แจง พล.อ.ไพบูลย์ ย้อนถามนักข่าวว่า “แล้วผมต้องชี้แจง 3 แสนกว่าคนหรือไม่ ผมไม่จำเป็นต้องได้รับรายงานจากคน 3 แสนกว่าคนทุกเรื่อง ทุกวันนี้มีผู้ป่วย แล้วออกไปข้างนอกมากมายผมต้องมารับทราบหรือไม่ แต่คดีนี้เป็นที่น่าสนใจ จริง ๆ แล้วเรื่องเหล่านี้มันเกิดขึ้นทุกวัน ผมไม่จำเป็นต้องไปรับทราบทุกวัน เผอิญว่าท่านไปสนใจบุคคล แต่ไม่สนใจระบบปฏิบัติการ ผมใทำงานไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษ มาถามว่าผมมีอะไรต้องเข้มงวดไหม ผมไม่ต้องเข้มงวด ถ้าอธิบดีทำไม่ได้ก็ย้ายกันไป เพราะเป็นเรื่องปกติที่ต้องทำ อย่าไปจี้พนักงาน อย่าไปจี้ข้าราชการ เขารู้หน้าที่เขาอยู่แล้ว แล้วเป็นรัฐมนตรีต้องไปจี้เขาทุกเรื่องได้อย่างไร สามัญสำนึกไม่มีหรือระดับอธิบดี เพราะฉะนั้นผมไม่ต้องไปนั่งจี้เขาหรอก และผมไม่ต้องไปรับทราบใครจะไปโรงพยาบาลวันไหน ใครยังไง
      
       ผู้สื่อข่าวถามว่า หมอหยอง ยังสบายดีไหม พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่รู้ ตนไม่ได้ไปเฝ้า ไม่ได้ไปนอนกับเขา ตนไม่รู้จริง ๆ เมื่อถามว่า วันนี้ที่ประชุม ครม. มีการสอบถามหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่มี เขาก็เข้าใจว่าเป็นไปตามนั้น เมื่อถามว่า มีรายงานว่าจะมีจับผู้ต้องหาอีกหลายคน พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ตนมีหน้าที่รับ ต้องถามพนักงานสอบสวน ถ้าส่งมาก็ทำไป มีเรื่องอะไรก็ทำตามระเบียบ
      
       พล.อ.ไพบูลย์ ยังกล่าวถึงผลการหารือศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อพิจารณากรณีการใช้จ่ายงบประมาณของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตยังมีบางประเด็นที่พูดไม่ตรงกันว่า พูดไม่ตรงอะไร ตรงหมด ประเด็นอยู่ที่ 3 มาตรา ใน พ.ร.บ. กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 ที่เป็นปัญหาว่ากว้างเกินไป ทั้งหมดเป็นมติที่ประชุมให้นำไปปรับแก้ ส่วนรายละเอียดใครจะไปแจกแจงก็ว่ากันไป ตนได้เรียน นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข แล้ว ท่านก็รับทราบและเห็นด้วย ก็ต้องไปว่ากัน แต่จะแก้ขนาดไหนใน 3 มาตรานั้นเป็นเรื่องที่จะต้องคุยกันในรายละเอียด
      
       ผู้สื่อข่าวถามว่า ทาง สสส. มีความเห็นเป็นอย่างอื่นอีกหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ทั้ง 3 มาตราเห็นด้วยหมด ทุกคนเห็นด้วยหมด

ไม่มีความคิดเห็น: