PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

แต้มจริงเทียบของโชว์

ยุค “ดิจิทัล” ประเทศไทยมาจุดที่สู้กันด้วยเพลงแร็ปในเกมชิงอำนาจการเมือง

ตามท้องเรื่องฝ่ายต้าน คสช.ปล่อยแร็ป “ประเทศกูมี” มาโกยเรตติ้งกระจาย ทำให้รัฐบาลนิ่งอยู่ไม่ได้ ต้อง “ปล่อยของ” ชิงแต้มคืนด้วยแร็ป “ไทยแลนด์ 4.0”

กระตุ้นกองเชียร์ 2 ขั้ว แร็ปกระจาย “เต้นแร้งเต้นกา” แบบเอามัน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ดูจาก “สวนดุสิตโพล-นิด้าโพล” สองสำนักเปิดตัวเลขสอดคล้องกัน คนส่วนใหญ่มองปรากฏการณ์แร็ป “ประเทศกูมี” เป็นเรื่องสะท้อนสังคมธรรมดาๆ

มีวาระแฝงเหลี่ยมโจมตีทางการเมืองชัดเจน

นั่นหมายถึง คนไทยยุค 4.0 ก็ฉลาด รู้ทันเหลี่ยมการตลาดแฝงเกมเขี้ยวทางการเมืองที่สลับซับซ้อน

เรื่องของเรื่องตามสภาพการณ์ที่ “ของจริง” กับ “ของปลอม” แยกลำบาก มันยังโยงไปถึงภาพ “ฉากหน้า” กับ “ฉากหลัง” ทางการเมือง ณ เบื้องหน้าที่อาจไม่เป็นเหมือนอย่างภาพที่เห็น

ว่ากันตามปรากฏการณ์ “ของจริง” เทียบกับ “ของโชว์”

โฟกัสสถานการณ์ในป้อม “นายใหญ่” พรรคเพื่อไทยที่กำลังเร่งเรื่องโชว์พลังแชมป์เก่า ตามฉากที่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ถือธง “นอมินีภาค 3” เดินสายโชว์ตัวกวาดแต้มตามหัวเมืองใหญ่ ไล่จากเชียงใหม่ ฐานใหญ่ตระกูลชิน ต่อเนื่องกับถิ่นของตัวเองลูกหลานย่าโม โคราช

ประกาศตัวตน “เจ้าแม่เมืองกรุง” คือเบอร์หนึ่ง หลังช็อตประชุมใหญ่

แต่นั่นก็แค่อึดใจ ผ่านไปไม่กี่วัน มันก็มีร่องรอยร้าวๆออกมาให้เห็น แบบที่ “เดอะอ๋อย” นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำระดับขาใหญ่ โพสต์เฟซบุ๊ก ไม่รับมุกกับตำแหน่งประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย

เหมือนไม่สบอารมณ์กับการที่มีคนสั่งการแบ่งงานผ่านสื่อ

ในจังหวะต่อเนื่องสดๆร้อนๆ ก็มีข่าวความเคลื่อนไหวของบรรดาแกนนำขาใหญ่ในพรรคเพื่อไทยที่ไม่ “คลิก” กับ “เจ๊หน่อย” ปล่อยชื่อออกมาล้วนแต่มวยรุ่นใหญ่ ทั้งนายจาตุรนต์ “เสี่ยแดง” นายพิชัย นริพทะพันธุ์ นายนพดล ปัทมะ จ่อร่อนใบลาออกจากพรรคเพื่อไทย แหกค่ายออกไปร่วมกับพรรค “ไทยรักษาชาติ” เจ้าของอักษรย่อ “ทษช.”

ชิ่งไปสังกัด “บริษัทจำกัด” สาขาหลักของจริง ที่พะยี่ห้อ “ทักษิณชัวร์”

กลายเป็น “เจ๊หน่อย” ที่ไม่ชัวร์ ได้ถือธงนำทัพพรรคเพื่อไทยที่จ่อเป็น “พรรคร้าง”

กระแสพลิกไปพลิกมา เกมเปลี่ยนแบบรายวัน พลิกผันเป็นรายชั่วโมง และนั่นยังไม่โยงกับสถานการณ์น้ำเลี้ยงดูไบที่กะปริบกะปรอย ไม่รู้จะไหลไปทางไหน

ในเครื่องหมายคำถาม เกมโหด “นายใหญ่” จงใจสลายกองกำลัง ตัดทิ้งตัวปัญหาหรือเปล่า

ตามเงื่อนไขสถานการณ์มันย้อนแย้งกับปรากฏการณ์ตีปี๊บ

รัวกลองสะบัดชัย ลีลาลูกทีม “นายใหญ่” ที่ป่าวร้องตะโกน ปลุกฮึกเหิมกองเชียร์ลูกข่าย กลบรอยร้าว “กลวงใน”

โอกาสลุ้นได้แค่ “บุญเก่า” อย่างเดียว

โดยฟอร์มเทียบกันกับป้อมค่าย “พลังประชารัฐ” ตามฉากสถานการณ์ในทิศทางสื่อออกแนวตื้อๆจากปัญหากระบวนการจัดการภายในไม่เป็นขบวนทัพ ไหนจะขบวนการหมั่นไส้ทหารปั่นกระแสต้านพรรค คสช. ไม่นับแรงเสียดทาน “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ

ภาพที่เห็นฉากหน้าเหมือนเครื่องไม่เดิน ตีแต้มไม่ขึ้น

อย่างไรก็ตาม ถ้าจับจังหวะการขับเคลื่อนให้ดีๆ กลับเห็นทิศทางการจัดการอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะกลไกขับเคลื่อนหลักในทีม “รัฐมนตรี 4 กุมาร” ค่ายพลังประชารัฐ

ปรากฏการณ์แบบที่ “อุลตร้าอุตตม” นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เดินหน้ายกเลิกหัวคิวใบ “รง.4” ไม่ต้องต่อใบอนุญาต โรงงานอุตสาหกรรม โชว์ภาพใสๆมือบริหารที่ไม่มี “ใต้โต๊ะ” พร้อมๆกับการเข็นโปรเจกต์ลงทุนเพิ่มในเมกะโปรเจกต์อีอีซี

ขณะที่นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ก็ลุยเข็นการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษาฯ เพื่อรองรับยุคไทยแลนด์ 4.0 พร้อมดันหลักสูตร“ปัญญาประชารัฐ”ปั้นคนคุณภาพทางการเมืองในเกมยาวๆ

ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ก็ได้เหลี่ยมตีปี๊บราคาข้าวที่ไหลขึ้นไปเกวียนละ 1.8 หมื่นบาท แถมยังช่วยจัดหารถเกี่ยวข้าวในราคาที่เหมาะสมช่วยเหลือชาวนา

“รัฐมนตรี 4 กุมาร”ตุนคะแนนหน้าตัก ก่อนไขก๊อกหาเสียงเต็มเวลา

ตามจังหวะยื่นใบลาออกพร้อมกันในช่วงประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง พร้อมๆกับการเปิดตัวกลุ่มสามมิตรร่วมงานอย่างเป็นทางการ พ่วงด้วยมวยเกรดเอจากเพื่อไทยและประชาธิปัตย์

“พลังประชารัฐ”ตุนแต้ม อัดน้ำมันเต็มถัง แถมยังมีปั๊มสำรอง

เห็นกันด้วยตา ไม่ต้องพูดอะไรมาก เจ็บคอ.

ทีมข่าวการเมือง


ไม่มีความคิดเห็น: