PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

จรัญ พงษ์จีน : เลือกตั้ง 24 มี.ค.กลับมาจุดไม่แน่นอน จากเหตุพลิกล็อก-ข่าวลือปฏิวัติซ้อน-หนักแผ่นดิน

“สถานการณ์ 8 กุมภาพันธ์” เอื้อประโยชน์ทางการเมืองให้กับขั้วเอาทหาร ไม่เพียงแต่“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จะพลิกเกมขึ้นมากุมความได้เปรียบ หากแต่ฝั่งของ “พรรคเพื่อไทย” งานเข้าหนัก แผน “แตกแบงก์พัน” ต้องเสียขบวน ไม่ว่า “พรรคไทยรักษาชาติ” จะถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบหรือไม่ยุบก็ตาม

ฝั่งของ “บิ๊กตู่” เหมือนจะ “ดี” แต่ตรงกันข้ามกลับเป็น “ไม่ดี”

เพราะมีเรื่องพิกล ประเด็นร้อนสอดแทรกขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ล้วนแล้วไม่เป็นมงคล เริ่มจาก มือดีนำภาพการขนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์-รถยานเกราะมาแชร์ พร้อมโปรยข่าวลือว่าจะมี “ปฏิวัติซ้อน-ยึดอำนาจซ้ำ”

“กองทัพบก” ต้องแก้ข่าวกันพัลวันพัลเก ว่าเป็นการขนย้ายรถถังเพื่อการฝึก จากที่ตั้งหน่วยปราจีนบุรี ชลบุรี ไปฝึกร่วมที่ลพบุรี

ไฟ “ปฏิวัติซ้อน” ยิ่งลามทุ่งหนัก เมื่อเช้าขึ้นอีกวัน มีการเผยแพร่ราชกิจจานุเบกษาปลอม โดยข้อความระบุโดยสรุปว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ในฐานะหัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งปลดฟ้าผ่า “3 ผบ.เหล่าทัพ” บก-เรือ-อากาศ ล้างกระดานทั้ง “พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์-พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์” และ “พล.อ.อ. ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน”

จน “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องออกโรงดับไฟข่าวลือเองว่า มาตรา 44 ใช้กับทุกตำแหน่งไม่ได้ นอกจากนี้ การทำราชกิจจานุเบกษาปลอม ถือเป็นเรื่องร้ายแรง เป็นการ “เสี้ยม” ให้เกิดความหวาดระแวงระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ

“การปล่อยข่าวปลด ผบ.เหล่าทัพ ไม่ทราบเหตุผล ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย หากเป็นความจริงผมจะต้องแจ้งอยู่แล้วเรื่องการโยกย้ายหรือออกคำสั่ง จะต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ ม.44 ไม่สามารถใช้ได้ทุกตำแหน่ง ใช้เฉพาะคนที่มีปัญหาเท่านั้น” บิ๊กตู่กล่าว

ขณะเดียวกัน ทาง “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ของขึ้น ได้สั่งการให้เร่งติดตามหามือทำคำสั่งปลอมปลด 3 ผบ.เหล่าทัพ โดยขีดเส้นตายให้ 7 วันต้องออกหมายจับ

เมื่อบุคคลระดับ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ออกมาคอนเฟิร์มเอง ข่าวลือ “ปฏิวัติซ้อน-รัฐประหารซ้ำ” เป็นอันจบ

แต่จบแบบไทย-ไทย คือไม่สนิท ตามสำนวน “ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้” คนส่วนหนึ่งเชื่อว่า เรื่องที่เล่าลือกันอยู่ อาจจะมีข้อมูลเป็นจริงอยู่บ้าง เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว อยู่ดีๆ คงไม่มีคนพูดขึ้นมาลอยๆ ได้

 

กลับไปที่ “สถานการณ์เลือกตั้ง” เหลือวันเวลาอยู่ไม่ถึง 30 วันแล้ว วันที่ 24 มีนาคม วันทำศึก พรรคการเมืองทุกพรรคเปิดเวทีปราศรัยหาเสียง ด่ากันขรม ยกตนข่มท่านกันควั่ก ยังกะตลาดผัก

นักการเมืองจมูกริดสีดวงไม่ได้รับประทาน หัวไวเป็นลิง ฟ้าแลบแปล๊บ คำรามลั่น รู้ว่า ฝนตั้งเค้าใกล้จะตก ยิ่งเมื่อมาประจวบเหมาะกับการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่หาเสียงเลือกตั้งของ “พรรคเพื่อไทย” ซึ่ง “คุณหญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค

เกิดรายการกลอนพาไป ชำแหละเอากองทัพ ริจะตั้งกองทุนสร้างเจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ หรือสร้าง “เถ้าแก่ใหม่” เลิกการเกณฑ์ทหาร จับชายไทยและผู้สนใจมาเข้าค่ายทำธุรกิจสร้างตัวเองให้เป็นเจ้าของกิจการ โดยใช้งบฯ ของกระทรวงกลาโหม 10 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 2 หมื่นบาทต่อปี คาดว่าจะสามารถสร้างนักธุรกิจได้ประมาณ 2-3 หมื่นคน

จริงอยู่ คำปราศรัยของ “หญิงหน่อย” ย่อมถูกอกถูกใจท่านผู้ฟังและผู้ชมที่เป็นกองเชียร์

แต่กระทรวงกลาโหม และโดยเฉพาะ “กองทัพบก” ย่อมไม่สนุกด้วย จึงร้อนถึง “บิ๊กแดง-พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์” ผบ.ทบ. มีคิวเดินทางไปเป็นประธานในพิธีวันคล้ายวันสถาปนา กอ.รมน.ครบรอบ 11 ปี

หลังจบพิธี “บิ๊กแดง” หน้าบอกบุญไม่รับอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวดันไปแหย่รังแตนเข้าไปอีก ยิงคำถามเรื่องที่ “คุณหญิงสุดารัตน์” ปราศรัยจะตัดงบประมาณทหาร 10 เปอร์เซ็นต์ และยกเลิกการเกณฑ์ทหาร

“ผบ.แดง” ยิ่งเพิ่มจุดเดือด ไฟพะเนียงเลยแตก ไล่ผู้พูดให้ไปฟังเพลง “หนักแผ่นดิน”เป็นการตอบโต้

ไม่เพียงเท่านั้น วันเดียวกันได้สั่งการให้ “กรมกิจการพลเรือนทหาร” นำเพลงแนวปลุกใจทหาร เช่น เพลงมาร์ชกองทัพบก เพลงความฝันอันสูงสุด และเพลง “หนักแผ่นดิน” ไปเปิดในสถานีวิทยุของกองทัพบก ทุกสถานีจำนวน 126 สถานีทั่วประเทศ ตั้งแต่เวลา 07.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ

ผลส่งให้บรรยากาศศึกเลือกตั้ง ปะปนระคนนัวเนียกับบรรยากาศปฏิวัติ ไม่รู้ว่าจะออกทางไหน

อุณหภูมิทางการเมืององศาพุ่งปรี๊ด เดือดปุดขึ้นมาทันที โอกาสที่ “ปรอทแตก” อีกครั้งมีความเป็นไปได้สูง

อย่างไรก็ตาม ดังที่บรรยายสรรพคุณว่า คนการเมืองจมูกไวทายาด ได้กลิ่นอะไรรวดเร็ว เห็นฝนตั้งเค้า ตุ๊กแกร้อง “ตับแก” ครั้งเดียวก็รู้ว่าภัยกำลังมา จับกระแสถูก

กอปรกับสถานการณ์ว่าด้วยการเลือกตั้ง นับตั้งแต่เกิดปรากฏการณ์ 8 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา มันแกว่งตุปัดตุเป๋ยังไงชอบกล

รวนไปทุกองค์ประกอบ แถมเลือกตั้งเมื่อแล้วเสร็จ ทำท่าจะ “ห่วยแตก” หนักกว่าเก่า

ใต้ร่มเงารัฐธรรมนูญ ฉบับ 2560 ที่กำหนดสูตรเลือกตั้งแบบ “จัดสรรปันส่วนผสม” ไม่มีพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใดชนะขาด

จำเป็นต้องฟอร์มรัฐบาลผสม ซึ่งทุกพรรคที่เป็นแกน จะเหนื่อยโคตร ถึงเหนื่อยฉิบหาย และมีความเป็นไปได้สูง เงื่อนไขดังกล่าว จะเป็นห้องเครื่องทำให้ผู้คนในสังคมไทย ซึ่งแตกแยกกันอยู่แล้ว มีเชื้ออยู่แล้ว แตกคอกันหนักกว่าเดิม นำพาประเทศชาติเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง

ด้วยประการดังกล่าว จึงมีข่าวว่า นักเลือกตั้งทุกพรรค เริ่มจะพากัน “หนาว” ก้าวถัดไปต่อจากข่าวลือ “รัฐประหารซ้อน-หนักแผ่นดิน” อาจจะมีเหตุทับซ้อน ดีไม่ดีโปรแกรมเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม ซึ่งจะระเบิดขึ้นในไม่กี่วันนี้อยู่แล้ว อาจจะต้องเลื่อน หรือ “ยกเลิก” อีกครั้ง

“หลายพรรคการเมือง” พากันปอดกระเส่า งดจ่าย “ท่อน้ำเลี้ยง” ลงเป็นการชั่วคราว

รอให้เฆมก้อนใหญ่พัดผ่านไปก่อนค่อยมาเดินเครื่องกันใหม่

สรุปว่า ศึกเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม ยังไม่ชัวร์

ไม่มีความคิดเห็น: