PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

คลังสะกิดหาเสียง แข่งแจก มีงบแค่แสนล้าน



พปชร.ขู่ "ตู่" ขึ้นเวทีจะรู้คิดผิด ปชป.จี้250ส.ว.ยึดเสียงปชช. พท.ลั่นล้มกม.ทำร้ายชาวนา

แกนนำ พปชร.ยักท่ารอ กกต.การันตีส่ง “ประยุทธ์” ขึ้นเวทีดีเบต ยันถ้าไม่ผิดกฎหมายพร้อมเดินหน้าทันที “ธนกร” ขู่กลับถึงวันนั้นคนท้าจะรู้ว่าคิดผิด “กอบศักดิ์” ฟุ้งกระแสพรรคพุ่งปรี๊ดกวาด ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 150 คนทิ้งขาดคู่แข่ง “องอาจ” ย้ำ “บิ๊กตู่” ตั้ง 250 ส.ว.ผลประโยชน์ทับซ้อนชัดๆ เสียงหนุนไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ส.ว.ต้องยึดเสียงประชาชน “ชัชชาติ” ชี้แคนดิเดตนายกฯไม่ใช่ศัตรู ผู้นำไม่กล้าโชว์กึ๋นจะเสียเปรียบเอง “เจ๊หน่อย-โอ๊ค” บุกเมืองเลยดันเด็กใหม่สู้ “ปรีชา” เลือก พท.สินค้าเกษตรจะดีขึ้นอย่างน้อย 3% ใน 6 เดือน ด้าน “สมชาย” ลั่นยกเลิกแน่ พ.ร.บ.ข้าวทำร้ายชาวนา “ธนาธร” ระดม “ฟิวเจอริสต้า” 9 หมื่นคนกัดติดจับโกง 9 หมื่นหน่วยเลือกตั้ง “จตุพร” ปลุกชาวสกลนคร-มวลชนเสื้อแดง เข้าคูหาขับไล่เผด็จการ

จากกรณีหลายพรรคการเมืองรุมท้าทายให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะแคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขึ้นเวทีดีเบตร่วมกับคู่แข่งพรรคอื่น ล่าสุดแกนนำพรรคพลังประชารัฐระบุกำลังรอคำตอบเป็นลายลักษณ์อักษรจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าสามารถทำได้โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ก็พร้อมจะ เดินหน้าทันที

“กอบศักดิ์” ชูตลาดชุมชนปากเกร็ด

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 24 ก.พ. ที่ตลาดปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ นำทีมลงเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยาและลงพื้นที่เขต 4 จ.นนทบุรี เพื่อช่วยนายณรงค์ จันทนดิษฐ ผู้สมัคร ส.ส.หาเสียง บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี นายกอบศักดิ์กล่าวกับชาวบ้านว่า อ.ปากเกร็ด เป็นพื้นที่ตัวอย่างที่เข้มแข็งมีการรวมตัวของสถาบันการเงินชุมชนปากเกร็ดร่วมใจ เข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้นด้วยต้นทุนทางการเงินต่ำลง เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวดีจากรัฐบาลที่อนุมัติ พ.ร.บ.สถาบันการเงินชุมชนมา รองรับความเป็นนิติบุคคลของสถาบันชุมชน พรรคพลังประชารัฐพร้อมสนับสนุนส่งเสริมให้มีสถาบันการเงินชุมชนในทุกชุมชนและมีนโยบายสนับสนุนให้มีตลาดชุมชนใกล้บ้าน ส่งเสริมอาชีพและรายได้ในชุมชน

มั่นใจยึด 150 ส.ส. ขึ้นทิ้งขาดคู่แข่ง

นายกอบศักดิ์ให้สัมภาษณ์ว่าพรรคยังรอคำตอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ในฐานะแคนดิเดตนายกฯของพรรค ทำอะไรได้บ้างที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย ทั้งการขึ้นเวทีดีเบตและลงพื้นที่ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียง และต้องรอปรึกษาทีมกฎหมายก่อน เพื่อให้ชัดเจน มั่นใจว่าไม่ขัดต่อกฎหมาย จากนั้นจะขอตารางงาน พล.อ.ประยุทธ์เพื่อเดินหน้าทันที เพราะขณะนี้พรรคอื่นได้เปรียบแคนดิเดตนายกฯแต่ละพรรค ลงพื้นที่พบปะประชาชนได้ และจากการลงพื้นที่ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมามั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้ที่นั่ง ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 150 คน แม้ผลโพลจะเคยระบุว่าแคนดิเดตนายกฯพรรคพลังประชารัฐเป็นอันดับหนึ่ง แต่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาลก็ตาม ยังมีเวลาเหลืออีก 30 วันจะเดินหน้าลงพื้นที่ขอคะแนน มั่นใจจะชนะคู่แข่งแบบทิ้งห่างหลายช่วงตัว

รอดูข้อ ก.ม.ลุ้น “บิ๊กตู่” ร่วมดีเบต

ขณะที่เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ตลาดแยกทศกัณฑ์ ถนนพุทธมณฑลสาย 2 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และนายโกวิทย์ ธารณา ผู้สนับสนุนนพรรค ลงพื้นที่ช่วยนายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางแค หาเสียง นายณัฏฐพลกล่าวว่า มั่นใจว่า ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐในพื้นที่เขตบางแคนี้จะเอาชนะคู่แข่งได้ เพราะมีทีมงานเป็นคนพื้นที่สนับสนุน เราชูนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจส่งเสริมให้ฝั่งธนบุรีเป็นพื้นที่ศูนย์กลางการค้าและผลักดันให้การคมนาคมทุกรูปแบบเชื่อมโยงกับพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ ส่วนกรณีที่หลายพรรคเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเวทีดีเบต เชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์จะมีโอกาสขึ้นเวที ประชันนโยบายแน่นอนแต่ต้องรอให้ กกต.ดูข้อกฎหมายและบอกพรรคก่อนว่าจะทำได้หรือไม่


ขู่ถึงวันขึ้นเวทีคนท้าจะรู้ว่าคิดผิด

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ผลโพลหลายสำนักระบุว่าประชาชนส่วนใหญ่อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่ออีกสมัย เพราะมีผลงานชัดเจน อยากให้ประเทศสงบ ส่วนกระแสพรรคพลังประชารัฐดีขึ้นมาไล่ๆกับพรรคเพื่อไทย เพราะนโยบายของพรรคจับต้องได้และทำได้จริง แม้ว่าผลโพลจะออกมาดี แต่พรรคยังกำชับให้ผู้สมัครลงพื้นที่หาเสียงให้หนักกว่าเดิม ให้เข้าถึงประชาชนมากที่สุด กรณีพรรคการเมืองเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ร่วมดีเบต ถ้า กกต.แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรมาพรรคพร้อมเชิญท่านเชื่อว่าประชาชนจะต้อนรับจนคนท้าจะรู้สึกตัวว่าคิดผิดมาตลอด เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนพูดจริง ทำจริง ไม่ใช่ดีแต่พูด


ปชป.ย้ำ “บิ๊กตู่” ประโยชน์ทับซ้อนชัด

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. เตรียมตั้ง ส.ว.ที่มีอำนาจเลือกนายกฯ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐด้วยว่าถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนชัดเจน เป็นการใช้อำนาจที่ก่อให้เกิดความไม่ชอบธรรม เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้า คสช. แต่งตั้ง ส.ว.และ ส.ว.มีสิทธิ์เลือกนายกฯ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ ส.ว.จะเลือกคนที่แต่งตั้งตัวเองมาคือเลือก พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรค

แต้มหนุนไม่ถึงครึ่ง ส.ว.ต้องยึดเสียง ปชช.

นายองอาจกล่าวต่อว่า โดยเฉพาะกรณีพรรค การเมืองที่หนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ รวมเสียง ส.ส.ได้ไม่ถึงครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ส.ว.จากการแต่งตั้งไม่ควรสนับสนุนบุคคลที่ได้เสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรให้จัดตั้งรัฐบาล แต่ ส.ว.ควรสนับสนุนนายกฯ ที่มีพรรคการเมืองสนับสนุนเกินกว่าครึ่งของสภาฯ เท่ากับ ส.ว.เคารพเสียงของประชาชนข้างมากของประเทศที่ออกมาแสดงเจตนารมณ์ผ่านการใช้สิทธิเลือกตั้ง จึงอยากเรียกร้องให้ ส.ว. ที่กำลังได้รับการแต่งตั้งจากหัวหน้า คสช.ฟังเสียงข้างมากของประชาชนเคารพการตัดสินใจของประชาชนมากกว่าฟัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ที่แต่งตั้งตัวเองมาเท่านั้น จะก่อผลดีต่อประเทศชาติโดยรวม แต่ถ้า ส.ว.ฟัง พล.อ.ประยุทธ์เป็นหลักเท่ากับผลักประเทศไทยให้เข้าสู่วังวนของปัญหาไม่รู้จบอันอาจทำให้วงจรอุบาทว์หมุนวนเวียนกลับมาเกิดขึ้นกับประเทศไทยอีกวาระหนึ่ง ไม่เป็นผลดีกับประเทศชาติ

“มาร์ค” ลุยหาเสียงสวนหลวง ร.9

เมื่อเวลา 06.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมลงพื้นที่ทักทายพี่น้องประชาชนที่สวนหลวง ร.9 เขตสวนหลวง เพื่อรณรงค์หาเสียงขอคะแนนสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์และนายสามารถ มะลูลีม ผู้สมัคร ส.ส.เขตสวนหลวง-ประเวศ (แขวงดอกไม้-หนองบอน) โดยได้รับความสนใจจากประชาชนผู้มาออกกำลังกายในสวนหลวง ร.9 จำนวนมาก ขอถ่ายรูปและเซลฟี่เป็นที่ระลึก

มั่นใจคนกรุงยังไว้วางใจทีม ปชป.

นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคประชาธิปัตย์ตั้งใจจะทำงานให้ประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และทุกจังหวัด เพราะทุกเขตเลือกตั้งของกรุงเทพมหานคร พรรคส่งบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และมีความมุ่งมั่นเต็มที่ลงสมัครครบทุกเขตทั้ง 30 เขตเพื่อคนของพรรคประชาธิปัตย์จะทำงานให้ชาว กทม.ได้ นอกจากนี้ที่ลงพื้นที่หลายจังหวัดทุกภูมิภาค ตัวผู้สมัครเองก็มุ่งมั่นทุกพื้นที่ คนของพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการตอบรับมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากพรรคเรามีผู้ลงรับสมัครเลือกตั้งจากคนทุกรุ่น ผสมผสานทำงานด้วยกันได้ทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่ ทำงานแก้ปัญหาให้ คนทุกรุ่นได้ เชื่อว่าจะได้รับความไว้วางใจจากคนกรุงเทพฯอีกครั้ง

โปรยยาหอมคนใต้ยางโลละ 60

ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. ศูนย์ประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต อ.เมืองภูเก็ต นายอภิสิทธิ์ พร้อมนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นางอัญชลี วานิช เทพบุตร กรรมการบริหารพรรคและแกนนำพรรค เปิดปราศรัยใหญ่ช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียงโดยนายอภิสิทธิ์ปราศรัยว่านโยบายเพิ่มรายได้มีทั้งประกันราคาพืชผลไม่ให้ตกต่ำเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ยางพาราหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลจะทำให้ราคายางพาราไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 60 บาท หากไม่สามารถทำให้ราคาสูงถึง 60 บาทจะใช้นโยบายประกันแทน รวมไปถึงปาล์มน้ำมันและพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ ด้วย และจะผลักดันให้ภูเก็ตเป็นหนึ่งในจังหวัดจัดการตนเองเป็นมหานคร เลือกตั้งผู้บริหารสูงสุด มีผู้บริหารท้องถิ่นสนับสนุน เพื่อให้การพัฒนารวดเร็วทันกับการเติบโตทางการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของ จ.ภูเก็ต เมืองท่องเที่ยวระดับโลก สร้างรายได้ปีละมหาศาล พรรคประชาธิปัตย์ไม่คิดจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคอื่นๆ แต่คิดเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ต้องถามว่าใครพร้อมจะร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลบ้าง

“ชัชชาติ” บุกกรุงเก่าเล็งเพิ่มแหล่งทุน

เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ตลาดเจ้าพรหม จ.พระนครศรีอยุธยา นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายสุรเชษฐ์ ชัย–โกศล ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 และนายนพ ชีวานันท์ ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เขต 2 ลงพื้นที่พบปะประชาชนที่ตลาดเจ้าพรหมหาเสียงขอคะแนนพ่อค้าแม่ค้าที่เข้ามาทักทายและมอบดอกกุหลาบให้นายชัชชาติ โดยนายชัชชาติ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พ่อค้าแม่ค้าบอกว่าทุกวันนี้ กำลังซื้อในตลาดน้อยลง ที่สำคัญไม่มีทุนมาหมุนเวียน กู้เงินในระบบยาก เพราะไม่มีผู้ค้ำประกัน ต้องกู้หนี้ นอกระบบ ปัญหาเรื่องทุนและหนี้เป็นปัญหาเร่งด่วน ไม่ใช่เป็นเพราะธนาคารไม่มีเงิน เพราะจากข่าวธนาคารมีเงินล้นระบบ แต่เงินฝากเหล่านี้ไม่สามารถปล่อยกู้ให้คนตัวเล็ก ปล่อยกู้ให้นายทุนรายใหญ่เป็นพันล้านกลับง่ายกว่า จึงต้องหาวิธีการทำให้คนตัวเล็กเข้าถึงแหล่งทุน ให้เงินทุนลงมาถึงระดับรากหญ้าในอัตราเหมาะสม จะทำให้เศรษฐกิจหมุนได้ในระดับล่าง

ไปดอนเมืองช่วย “เก่ง การุณ”

ต่อมาเวลา 16.00 น. นายชัชชาติเดินทางกลับเข้า กทม. ไปที่ตลาดนัดปิ่นเจริญ 1 เขตดอนเมือง ลงพื้นที่ช่วยนายการุณ โหสกุล ผู้สมัครเขต 10 พรรคเพื่อไทยหาเสียง ได้รับความสนใจจากพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนอย่างมาก โดยนายชัชชาติกล่าวว่าไม่กังวลที่เขตดอนเมืองมีค่ายทหารมาก เชื่อว่าทหารมีอิสระ จะเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ของลูกหลานในอนาคต ขณะที่นายการุณกล่าวว่า “ไม่กังวลครับ เพราะทหารส่วนใหญ่เลือกเรา”

เมื่อถามถึงกรณีที่ระบุจะไม่ทำโครงการรับจำนำข้าวต่อ นายชัชชาติกล่าวว่า นโยบายจำนำข้าว เป็นนโยบายที่ดี ช่วยเหลือชาวนา แต่มีปัญหาข้อปฏิบัติการระบายข้าว ตอนนี้ทีมนโยบายด้านการเกษตร กำลังพิจารณาประเด็นลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร นโยบายเรื่องนี้ยังไม่ถือเป็นหมัดน็อก เรามี 14-15 นโยบายที่รอเปิดภายใน 1-2 อาทิตย์ข้างหน้าเน้นลดภาระหนี้ก่อน ไม่ใช่ยกเลิก ที่สำคัญหาทุนให้คนตัวเล็ก

แคนดิเดตนายกฯควรร่วมดีเบต

เมื่อถามว่า แคนดิเดตนายกฯของทุกพรรคควรร่วมดีเบตแสดงวิสัยทัศน์หรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ทุกพรรคควรส่งคนที่เกี่ยวข้องและเชี่ยวชาญในประเด็นที่ดีเบตไปแสดงวิสัยทัศน์ แต่เรื่องสำคัญแคนดิเดตนายกฯควรมาเองเพื่อแสดงความเก่ง ความน่าเชื่อถือให้ประชาชนไว้ใจ หากไม่มาร่วมเวทีดีเบต ควรออกมาชี้แจงเรื่องต่างๆให้ประชาชนรับทราบ ส่วนการแสดงทัศนะของ พล.อ.ประยุทธ์ในปัจจุบันเป็นคนละบริบทกับการเป็นแคนดิเดตนายกฯในการเลือกตั้ง รัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อำนาจที่มีอยู่จึงไม่เหมือนรัฐบาลจากประชาธิปไตย จะอ้างผลงานของรัฐบาลจากการปฏิวัติเทียบกับรัฐบาลในอนาคตไม่ได้ เพราะท่านมีทั้งกฎหมายพิเศษและสภาพิเศษ การออกรายการทุกคืนวันศุกร์อาจไม่เป็น ประโยชน์ต่อ พล.อ.ประยุทธ์มากนัก ถ้าท่านไม่มา ดีเบตอาจเสียเปรียบด้วยซ้ำ เพราะหากท่านเก่ง มีความสามารถ ท่านน่าจะมาแสดงให้คนเห็น รายการคืนวันศุกร์ไม่รู้ว่ามีคนดูมากหรือน้อย เพราะไม่เคยดู อาจออกบ่อยเกินไป หากออกมาพูดเฉพาะประเด็นคนอาจสนใจมากขึ้นก็ได้ การดีเบตไม่ต้องกลัว ทุกคนไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นการแข่งขันเพื่อสร้างอนาคต ส่วนการให้ผู้นำและสมาชิกท้องถิ่นมาช่วยหาเสียงได้ เจ้าหน้าที่ของรัฐหากยังมีอำนาจอยู่ ไม่ควรมาเกี่ยว ข้องกับการหาเสียง

จากนั้นเวลา 16.40 น. นายชัชชาติและคณะ เริ่มเดินพบปะประชาชนในพื้นที่ดอนเมืองต่อตั้งแต่แนวหน้าอาคารโรงเรียนสีกันถึงแฮปปี้อเวนิว และเดินพบปะประชาชนตลาดนัดบุญอนันต์ ไปสิ้นสุดที่ชุมชนปิ่นเจริญ 3

“เจ๊หน่อย–โอ๊ค” ดันหน้าใหม่สู้ “ปรีชา”

ที่พระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย จ.เลย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยเข้ากราบสักการะพระธาตุศรีสองรักสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำ อ.ด่านซ้าย มีนายพานทองแท้ ชินวัตร สมาชิกพรรคเพื่อไทยและบุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯร่วมด้วย ท่ามกลางประชาชนที่มาทำบุญที่พระธาตุศรีสองรักต่างเข้ามาขอถ่ายรูป จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์และคณะเดินทางไปที่เวทีปราศรัยที่ลานอเนกประสงค์หนองคู หลังตลาดเย็น อ.ด่านซ้าย ช่วยหาเสียงให้นายสันติภาพ เชื้อบุญมี อดีตนายกเทศมนตรีตำบลด่านซ้าย ผู้สมัคร ส.ส.เลย เขต 3 ที่ลงสู้กับนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทยหลายสมัยที่ไปลง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ โดยคุณหญิงสุดารัตน์ปราศรัยว่าเหตุที่พรรคเพื่อไทยต้องเปลี่ยนตัวผู้สมัคร ส.ส.เพราะนายปรีชาทิ้งพรรคเพื่อไทยไปอยู่กับผู้มีอำนาจ ดังนั้นขอให้ประชาชนอยู่สู้กับพรรคเพื่อไทยในอุดมการณ์เดิมที่มีประชาชนในหัวใจอย่างเดิมต่อไป

พืชผลดีขึ้นขั้นต่ำ 3 % ใน 6 เดือน

คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุด้วยว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่แจกบัตรคนจนแต่จะแจกบัตรคนรวยพรรคเพื่อไทยจะมาเพิ่มเงินในกระเป๋าประชาชนทุกคน ตลอดเวลา 17 ปีตั้งแต่พรรคไทยรักไทยไม่เคยทอดทิ้งประชาชน พรรคเพื่อไทยจะพักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปี อีกหลายอาชีพพรรคเพื่อไทยจะทำให้ราคาสินค้าเกษตรดีขึ้นใน 6 เดือนต้องสูงขึ้นอย่างน้อย 3 เปอร์เซ็นต์ และอีกมาตรการสุดท้ายอย่างเร่งด่วนจะสร้างสถาบันพัฒนารายได้ประจำจังหวัด เปิดให้กู้เงินในระบบสร้างงานสร้างรายได้เติมพลังให้คนตัวเล็กได้ทำมาหากิน ไม่ได้เป็นการกู้ไปเล่นการพนันแต่กู้ไปทำมาหากิน ทั้งหมดเป็น 3 มาตรการใส่น้ำเกลือให้ประชาชนก่อนทันทีใน 6 เดือนแรก พร้อมขอให้ประชาชนอดทนอีกสักนิด “การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมากเพราะกลไกเลือกตั้งเปลี่ยนไป บัตรเลือกตั้งมีใบเดียวพร้อมขอให้ชาว จ.เลย เลือกพรรคเพื่อไทยและเลือกนายกฯของพรรคเพื่อไทยด้วย” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว


เหลิม” แช่งคนห้ามเก็บพันธุ์ข้าว

ที่ จ.หนองคาย บริเวณลานหน้าวัดโพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานยุทธศาสตร์ปราศรัยหาเสียงพรรคเพื่อไทยขึ้นเวทีปราศรัย ช่วยหาเสียงให้นายกฤษฎ ตันเทอดทิตย์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 น.ส.ชนก จันทาทอง เขต 2 และนายเอกธนัช อินทร์รอด เขต 3 มีประชาชนรับฟังการปราศรัยจำนวนมาก โดย ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่ามั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะเหมา ส.ส.ภาคอีสานได้ทั้งหมด ถ้าพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยโดย ส.ว.250 คน รวมกับ ส.ส.อีก 126 คนเป็นรัฐบาลเป็ดง่อยทำอะไรไม่ได้ การจะห้ามไม่ให้ชาวนาเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวจะเอื้อ–ประโยชน์ต่อบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ที่ต้องการผูกขาดสิทธิขายเมล็ดพันธุ์ข้าว ขอสาปแช่งให้คนคิดเช่นนี้ตกนรกทั้งเป็น

“สมชาย” เลิกแน่ ก.ม.ทำร้ายชาวนา

ที่โรงสีไชยกุลพานิช ต.สามแยก อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และแกนนำพรรคเพื่อไทยขึ้นเวทีปราศรัยช่วยหาเสียงให้นายธนกร ไชยกุล ผู้สมัคร ส.ส.ยโสธร เขต 3 โดยนายสมชายกล่าวว่า ดีใจและภูมิใจที่พวกเราชาวอีสานเป็นผู้ให้กำเนิดประชาธิปไตยอย่างยิ่งใหญ่ให้ พี่น้องรู้ดีว่าใครช่วยทำให้ข้าวราคาแพงใครทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ใครส่งเสริมลูกหลานเราให้ได้รับการศึกษา ใครดูแลเราเวลายามเจ็บป่วยใครให้เงินกู้เราเวลาไม่มีเงินประกอบอาชีพ ใครนำสินค้าโอทอปไปจำหน่ายเมืองนอกได้เงินมาจำนวนมาก มีคนเดียวและพรรคเดียวที่ทำได้ ตอนนั้นจะทำรถไฟความเร็วสูงมาภาคอีสานแต่รถไฟตกรางโดนยึดอำนาจ ชาวนาบอกว่าเห็นกฎหมายชื่อ พ.ร.บ.ข้าวที่ระบุว่า ต่อไปไม่ให้ชาวนาสนับสนุนพันธุ์ข้าว เก็บเกี่ยวแล้วจะเอาข้าวปลูกไว้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าสมองใครเป็นคนคิด ถ้าเป็นจริงถือว่าใช้ไม่ได้ เพราะเป็นกฎหมายที่ทำร้ายชาวนา หากพรรคเพื่อไทยเข้าสภาแล้วจะยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ก่อนแน่นอน เราต้องส่งเสริมพี่น้องเราไม่ใช่จะมาทำร้ายพี่น้องชาวนา

“อ๋อย” อัดเวทีดีเบต กกต.ไม่เวิร์ก

เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ตลาดรุ่งเจริญ ถนนสาธุประดิษฐ์ กทม. นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ พร้อมแกนนำพรรค ลงพื้นที่ช่วยนายพงษ์พิสุทธิ์ จินตโสภณ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 3 หาเสียง โดยประชาชนให้การต้อนรับทักทายอย่างอบอุ่นและมอบดอกกุหลาบให้กำลังใจแกนนำและผู้สมัครพรรค โดยนายจาตุรนต์กล่าวถึง กรณี กกต. เปิดให้พรรคการเมืองจับสลากเลือกหัวข้อ การดีเบตว่า เวทีที่ กกต.จัดไม่เป็นประโยชน์ ไม่เป็นที่น่าสนใจของประชาชน การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ไม่เข้าร่วมดีเบตถือว่าเอาเปรียบคู่แข่ง เนื่องจากพูดคนเดียวในทีวีได้ ทำให้ประชาชนไม่รู้ว่าเวลามีคู่แข่งจริงๆ พล.อ.ประยุทธ์จะพูดได้หรือไม่ ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตมีความพยายามจะยุบพรรคฝ่ายประชาธิปไตย พรรคไทยรักษาชาติขอไม่แสดงความคิดเห็น ให้เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ แต่สำหรับพรรคอื่นมองว่า คสช.และผู้มีอำนาจใช้อำนาจสกัดกั้นอย่างไม่ชอบธรรม ดังนั้น สิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นคือการใช้อำนาจของ คสช.ที่ไม่จำเป็น เพราะจะทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นธรรม

ปลุกหนักแผ่นดินเลวร้ายยุให้ฆ่ากัน

เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ระบุว่า นักการเมืองโจมตีกองทัพให้ล่มสลาย นายจาตุรนต์กล่าวว่า เป็นการเข้าใจผิดหรือไม่เข้าใจของฝ่าย คสช. ทุกพรรคมีสิทธิ์แสดงนโยบายไม่ว่า จะปรับลดหรือเพิ่มงบประมาณกองทัพ ถ้าเห็นว่างบฯ กระทรวงกลาโหมสูงเกินไปตัดออกได้ แต่กองทัพไม่มีสิทธิ์มาไล่ให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน ถ้าพรรคไทยรักษาชาติได้เป็นรัฐบาลและได้ดูแลกระทรวงกลาโหมจะปรับลดงบฯกระทรวงกลาโหมทันที ไม่ใช่ เพราะไม่เห็นความสำคัญของกองทัพ หรือตั้งตัวเป็นศัตรูกับกองทัพ แต่เป็นเพราะงบฯกระทรวงกลาโหมเพิ่มขึ้นทุกปี ส่วนการปล่อยเพลงประเทศกูมีคนหนักแผ่นดิน เนื้อหาเสียดสีสังคมส่วนใหญ่พูดถึงเรื่องการเมืองยังไม่เคยฟังเพลงนี้ การที่มีคนไม่พอใจรัฐบาลและเสนอเพลงต่างๆออกมาเป็นเรื่องธรรมดา แต่การที่กองทัพเปิดเพลงหนักแผ่นดินเป็นการส่งสัญญาณเลวร้าย ยุยงส่งเสริมให้คนไทยฆ่ากันเอง แสดงให้เห็นถึงภาวะการเป็นผู้นำของกองทัพ

แฟร์หรือ “บิ๊กตู่” คนเดียวจิ้ม 250 ส.ว.

ต่อมาช่วงบ่ายนายจาตุรนต์ลงพื้นที่เขต 24 ราษฎร์บูรณะ-ทุ่งครุ ช่วยหาเสียงให้ น.ส.นพสรัญ วรรณศิริกุล โดยไปที่สุรชัยคาร์เซ็นเตอร์ พบปะพูดคุย กับประชาชนทั้งชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมร่วมต้อนรับเป็นจำนวนมาก นายจาตุรนต์กล่าวว่าถึงแม้จะมีมรสุมเข้ามาบ้าง แต่พรรคไทยรักษาชาติยังคงออกหาเสียงอยู่ หากเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น เราจะขออยู่ต่อไป หากมีการเลือกตั้งมีรัฐบาลประชาธิปไตย ไปที่ไหนจะมีแต่คนต้อนรับ ทั่วโลกต้อนรับ วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวเลือก ส.ว. ได้ 250 เสียง เทียบเท่ากับเสียงของประชาชนครึ่งประเทศ แบบนี้มันยุติธรรมไหม ในเมื่อเราต้องสู้กับ ส.ว. 250 เสียง จึงจำเป็นต้องรวมพลังฝ่ายประชาธิปไตยเพื่อเอาชนะเผด็จการ การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมาก จะแก้ 2 ปัญหา ใหญ่ของประเทศ ทั้งเอาเผด็จการออกไป และแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ขอเชิญพี่น้องประชาชนออกมาสู้กับ รัฐบาลเผด็จการ 24 มี.ค. เข้าคูหาเอาไทยรักษาชาติเข้าไปเป็นรัฐบาล

“อนุทิน” ขอเสียงคนบางเขนให้ลูกทีม

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่เคหะรามอินทรา นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมแกนนำพรรค ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้นางปราณี เชื้อเกตุ ผู้สมัครเขตบางเขน เบอร์ 11 โดยนายอนุทินกล่าวว่า พรรคเปิดเวทีวันนี้เพื่อขอพี่น้องให้โอกาสนางปราณี เพราะมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน รับใช้พี่น้องมานับ 10 ปี นอกจากนั้นเราถือโอกาสนี้คุยนโยบายกับประชาชน เราสนับสนุนให้แกร็บเป็นบริการที่ถูกกฎหมาย เราให้ประชาชน เรียนและทำงานที่บ้านสัปดาห์ละ1 วัน เราจะสร้างออฟฟิศไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อลดปริมาณรถเข้ามาในกรุงเทพฯ เราสนับสนุนให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ เราต้องทลายความเชื่อเดิมและมองกัญชาตามความเป็นจริงว่ากัญชามีประโยชน์ ทางการแพทย์ ใช้รักษาโรคมะเร็ง และพาร์กินสัน รวมไปถึงโรคร้ายต่างๆ จากนั้นช่วงบ่ายนายอนุทินพร้อมแกนนำเดินทางไปช่วยลูกพรรคหาเสียงที่ตลาดบางน้ำผึ้ง จ.สมุทรปราการ พร้อมขี่จักรยานเยี่ยมชนกลุ่มโฮมสเตย์

แคนดิเดตนายกฯต้องกล้าโชว์วิชั่น

นายอนุทินยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กกต.ไฟเขียวให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ร่วมเวทีดีเบตว่า ตนสนับสนุนถือว่ากกต.ยุติธรรม เปิดโอกาสให้ทุกท่านได้หาเสียง เมื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯต้องมีโอกาสได้แสดงวิชั่น ทุกท่านจะได้ใช้เวทีนี้ สร้างความเชื่อมั่นกับประชาชน ส่วนการดีเบตระหว่างพรรคต่างๆ เราไม่กลัวไม่กังวลอะไร แต่ที่ไม่ค่อยร่วมเพราะเอาเวลาไปรับฟังปัญหาประชาชนดีกว่า เราพูดแต่เรื่องนโยบาย การโต้ไปมา มันไม่สร้างประโยชน์ประชาชน ประชาชนจะได้อะไร หากเลือกใช้วาทกรรมสู้กัน

“หนูนา” ชูปลูกต้นไม้มีค่าขอเงินกู้

น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมด้วยแกนนำพรรค ลงพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู และ จ.ชัยภูมิ ช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรครณรงค์หาเสียง โดยได้เข้าสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ก่อนพบปะประชาชนและขึ้นเวทีปราศรัยย่อย ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติน้ำเพียงดิน บ้านโนนงาม ต.ฝั่งแดง อ.นากลาง โดย น.ส.กัญจนาได้สนับสนุนให้ทำถนนลาดยางในทุกพื้นที่เพื่อความสะดวกในการสัญจร และชูนโยบายธนาคารต้นไม้ เพื่อช่วยกันปลูกต้นไม้มีค่าแล้วนำไปเป็นหลักทรัพย์ในการขอกู้เงิน จากนั้นช่วงบ่ายได้เดินทางต่อไปยัง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ โดยเข้าสักการะศาลเจ้าพ่อภูเขียวก่อนขึ้นเวทีปราศรัยช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค

“ธนาธร” แปรกระแสเป็นคะแนนได้

เมื่อเวลา 08.20 น. ที่ตลาดปากน้ำ จ.สมุทรปราการ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ลงพื้นที่หาเสียงช่วยนายชนสิษฎ์ ยอดฉิม ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 และ น.ส.หนึ่งสตรี ตุ่ยไชย ผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 มีประชาชนมารอต้อนรับ มอบดอกไม้ให้กำลังใจและขอถ่ายรูปเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง นายธนาธรกล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมาแนะนำผู้สมัครของพรรคกับพ่อค้าแม่ค้าย่านตลาดปากน้ำและตลาดสำโรง ขอโอกาสเข้าไปทำงาน เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศยืนยันแม้พรรคอนาคตใหม่จะไม่มีประสบการณ์การเมือง แต่ผู้สมัครทุกคนเป็นผู้ประสบความสำเร็จในแวดวงอาชีพตนเอง และมีความพร้อมจะรับใช้ประชาชนและประเทศไทย ขณะนี้กระแสความนิยมของพรรคอนาคตใหม่ดีขึ้นเรื่อยๆ เราจะเป็นตัวแปรที่ชี้ขาดว่าการสืบทอดอำนาจของ คสช.จะทำได้สำเร็จหรือไม่ เรามั่นใจว่ากระแสที่ดีนี้จะสามารถเปลี่ยนเป็นคะแนนเสียงได้


ระดม 9 หมื่นฟิวเจอริสต้าจับโกง ลต.

นายธนาธรกล่าวอีกว่า พรรคเตรียมรับสมัครชาวอนาคตใหม่หรือเรียกว่า “ฟิวเจอริสต้า” มาทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตในการเลือกตั้งทั้งหมด 90,000 คน เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์การเลือกตั้ง 90,000 หน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศไทย เราต้องการอาสาสมัครมาตรวจสอบและระวังการทุจริตในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ และจะช่วยตอบโต้ข่าวลวง ข่าวที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายพรรค และสุดท้ายอยากให้ฟิวเจอริสต้าเป็นหัวคะแนนแบบใหม่ หัวคะแนนแห่งศตวรรษที่ 21 หัวคะแนนที่ไม่ใช้เงินซื้อ แต่เป็นหัวคะแนนที่มาทำด้วยอุดมการณ์

“เดิมพันครั้งนี้สูงมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่งเผด็จการ เห็นได้ชัดว่ามีความพยายามต้องการกลับเข้ามามีอำนาจ พยายามจะสืบทอดอำนาจ สิ่งที่พวกเราเห็นคือชาวบ้านในตลาดที่เราได้พบทั้งหมด ไม่อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับเข้ามา มีวิธีทางเดียวเท่านั้นที่เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์และพรรคที่สนับสนุนจะชนะการเลือกตั้งได้ นั่นคืออาจจะมีการทุจริตการเลือกตั้งหรือเปล่า อาจเป็นวิธีเดียวหรือเปล่า ถ้าเดิมพันสูงขนาดนี้ คงไม่ใช่แค่สำหรับ คสช.เท่านั้น แต่เป็นเดิมพันสำหรับอนาคตของประเทศด้วย ประชาชนคงต้องเฝ้าระวังทุกจุด เพื่อไม่ให้เสียงไม่ให้สิทธิของตัวเองสูญหายไป หรือโดนเล่นแร่แปรธาตุไป” นายธนาธรกล่าว

“ภราดรภาพ” ลุยปากน้ำลดขัดแย้ง

ม.ร.ว.ดำรงดิศ ดิศกุล หัวหน้าพรรคภราดรภาพ นายรัตนพัฒน์ ปีวิเศษกุลเดช รองหัวหน้าพรรค พร้อมทีมงานลงพื้นที่ช่วย น.ส.พรปวีณ์ อภิชาติโรจนสกุล ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 1 หมายเลข 11 หาเสียงและแจกบัตรแนะนำตัวผู้สมัครที่ตลาดปากน้ำ ตลาดบางฆ้องและตลาดวิบูลย์ศรีอย่างเป็นกันเองพร้อมกับรับฟังเสียงสะท้อนราคาสินค้า รวมทั้งชี้แจงอุดมการณ์และแนวนโยบายของพรรคคือจุดเปลี่ยนประเทศ ลดความขัดแย้งสร้างความเท่าเทียมกัน เสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้าเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจนำมาเป็นข้อมูลเพื่อแก้ไข โดยมีพ่อค้าแม่ค้ารวมถึงชาวบ้าน เข้ามาขอถ่ายภาพและนำดอกกุหลาบมามอบให้ และให้กำลังใจ ม.ร.ว.ดำรงดิศและคณะ จากนั้นทั้งหมดขึ้นรถแห่ไปตามถนนบางโปรง ถนนบางด้วน ถนนบางนาเกร็งและเทศบาลตำบลปากน้ำ–ทรัพย์บุญชัย เรียกคะแนนเสียงจากคนในชุมชน

“ตู่” ขอเพื่อนร่วมตายพา พช.เข้าสภาฯ

ที่ จ.สกลนคร นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ พร้อมคณะผู้บริหารพรรครวมทั้ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติไปหาเสียงช่วย น.ส.วนิดา พรหมชาติ ผู้สมัครเขต 6 อ.อากาศอำนวยและ อ.คำตากล้า โดย เดินขอคะแนนในตลาดสดเทศบาลตำบลคำตากล้า ส่วนตอนเย็นมีพิธีบายศรีสู่ขวัญและเสวนาการเมือง รอบกองไฟกับแกนนำ 200 คน ที่หมู่ 8 บ้านนาเมืองใหญ่ ต.อากาศอำนวย อ.อากาศอำนวย

นายจตุพรกล่าวว่า ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำหน้าที่นายกฯเศรษฐกิจตกต่ำชาวบ้านเดือดร้อน ถ้าพี่น้องเลือกพรรคเพื่อชาติเข้าสภาฯจะปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็น 2,000 บาทต่อเดือน อสม.1,500 บาทต่อเดือน รถยนต์และเครื่องมือเพื่อการเกษตรไม่ต้องเสียภาษี ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างหาเสียง ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ระบุจะเป็นจะตายไม่ร่วมกับพรรคตระกูลเพื่อ แล้วนายสุเทพถามพรรคตระกูลเพื่อหรือยังว่าเขาอยากร่วมกับนายสุเทพหรือไม่ นายสุเทพไม่ยอมรับคำท้าดีเบตกับตนนั้นมองว่าเขารู้ว่าถ้าออกมาโต้กัน จะถูกแฉว่าเพราะเหตุใดบ้านเมืองจึงมาถึงจุดนี้ แต่ละพรรคต่างประกาศจองที่นั่งในสภาฯเต็มไปหมด พรรคเพื่อชาติบอกได้อย่างเดียวว่าเหลือพี่น้องเสื้อแดงเท่านั้นร่วมเป็นร่วมตายจะพาเพื่อชาติเข้าสู่สภาฯให้ได้

ปลุก ปชช.เข้าคูหาขับไล่เผด็จการ

นายจตุพร กล่าวอีกว่าวันนี้ทุกคนต่างมีความหวังว่าวันเลือกตั้งจะได้จัดการเผด็จการออกไป แล้วจะได้นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง มาแก้ไขราคาสินค้าเกษตรให้กลับมาขายได้กำไรเช่นเคย เพราะ 5 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ได้รับโอกาสอย่างครบถ้วนในการบริหาร เห็นกันแล้วว่ามีศักยภาพอย่างไร วันนี้เราไม่ต้องตัดสินใจอะไรกันมาก ถ้า 5 ปีที่ผ่านมาพี่น้องอยู่ดีมีสุขขายสินค้าเกษตรได้ราคาก็เลือกพรรคพลังประชารัฐ แต่ถ้า 5 ปีนี้ขายสินค้าเกษตรขาดทุนต้องตัดสินใจ วิธีการจัดการเผด็จการที่ดีที่สุดไม่ต้องออกไปรบกับรถถัง แต่เข้าคูหาเลือกตั้งส่งสัญญาณบอกกับเผด็จการว่าทีหลังอย่ามายึดอำนาจ ถือเป็นวิธีเดียวเท่านั้น

แนะนายกฯชิมลางก่อนเจอของจริง

นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ไม่ยอมดีเบตกับแคนดิเดตนายกฯของพรรคอื่น ว่า การดีเบตเป็นวัฒนธรรมหนึ่งในระบอบประชาธิปไตย จะเป็นการทำให้ประชาชนรู้จักพรรคนั้นๆดีขึ้น และช่วยให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งตัดสินใจเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งได้ง่ายขึ้น อีกทั้งเป็นเหมือนการซักซ้อมก่อนเข้าสภาผู้แทนราษฎร จะต้องมีการอภิปรายอยู่เสมอๆ แต่ผู้นำที่มาจากการยึดอำนาจไม่เคยต้องโต้ตอบหรืออภิปรายกับใคร ดังนั้นจึงอยากแนะนำ พล.อ.ประยุทธ์ให้ลองออกมาดีเบตกับพรรคอื่นบ้าง จะได้รู้ว่าเมื่อเข้าไปอยู่ในสภาฯต้องเจอกับอะไร การดีเบตเป็นเพียงแค่น้ำจิ้ม การอภิปรายในสภาฯจริงยิ่งกว่านี้เยอะ เผื่อลองแล้วอาจจะเปลี่ยนใจ ไม่อยากเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วก็ได้

“ศรีสุวรรณ” ร้อง กกต.สอบ “ธนาธร”

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า จากกรณีเว็บไซต์พรรคอนาคตใหม่เผยแพร่ประวัตินายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นถึงประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระหว่างปี 2551-2555 ยาวนานถึง 5 ปี จนประชาชนท้วงติงจนกระทั่งมีการลบแก้ไขไป การเผยแพร่ข้อมูลอยู่ในช่วงเวลาที่มีการประกาศ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว เชื่อว่าอาจเป็นการจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ตามมาตรา 73 (5) ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ผู้ฝ่าฝืนอาจมีความผิดตามมาตรา 159 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลจะสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปีด้วยเรื่องนี้มีผู้ออกมาให้ความเห็นมากมาย ดังนั้นจะไปยื่นให้ กกต.ไต่สวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายวันที่ 25 ก.พ. เวลา 10.00 น.

พ่วงสอย” ปิยบุตร” โพสต์ใส่ร้ายรัฐ

นายศรีสุวรรณกล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะยื่นให้ตรวจสอบกรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กวันที่ 18 ก.พ.ด้วยข้อความลักษณะใส่ร้ายด้วยความเท็จหรือไม่ ด้วยข้อความว่า “รัฐจากส่วนกลางจับมือกับสื่อมวลชนบางกลุ่มผลิตสื่อ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้คนอีสานเป็นคนตลก ไม่มีความรู้” อันมีความผิดตามมาตรา 73 (5) ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.

“อดุลย์” โวย บก.อปท.ทำคดีวงเสวนา

นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวถึงกรณี บก. ปอท.จะส่งสำนวนคดีของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงานไปยังอัยการวันที่ 12 มี.ค. จากการพูดในงานเสวนาเรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบของรัฐบาล ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดโดยคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ว่า ภาคประชาชนมีสิทธิวิจารณ์สภาวะการเมืองและเศรษฐกิจได้ จากอดีตถึงปัจจุบันการดูด ส.ส.เป็นสาเหตุหลักของการคอร์รัปชันเพราะดูดคนแล้วต้องเข้าไปถอนทุนจากค่าใช้จ่ายมหาศาลในการดูด ส.ส. ข้อมูลที่นายพิชัยพูดไม่ใช่ข้อมูลใหม่ ปรากฏในสื่อมวลชนทั่วไปก่อนหน้านี้แล้ว นายพิชัยไม่ได้พูดว่า คสช.เป็นผู้ดูด ส.ส. นอกเสียจากว่า คสช.เป็นผู้ดูด ส.ส.เสียเองไม่ใช่พรรคการเมืองเป็นผู้ดูด ส.ส. ถึงได้เดือดร้อนและเร่งดำเนินคดี คาดว่าน่าจะมีธงมาเพื่อกลั่นแกล้ง เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ โดยเฉพาะอยู่ในช่วงการเลือกตั้งแล้วยังนำคดีประเภทนี้มากลั่นแกล้งอีก คสช.น่าจะละอายใจ เพราะประชาชนส่วนใหญ่อยากฟังนโยบายของพรรคต่างๆมากกว่าจะเห็นการกลั่นแกล้งเช่นนี้ จึงขอคัดค้านถือว่าละเมิดสิทธิเสรีภาพของภาคประชาชน ขอร้องสำนักอัยการสูงสุดพิจารณาเรื่องนี้ด้วยความเป็นธรรม อย่าเป็นเครื่องมือของผู้ใดเพื่อรักษามาตรฐานระบบยุติธรรมของประเทศนี้ที่ถูกโจมตีมาตลอด

แช่งเครื่องบินตกทรราชคิดมากไปเอง

นายอดุลย์กล่าวต่อว่า รู้สึกแปลกใจและไม่สบายใจกรณีข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ออกมาพูดถึงว่ามีคนแช่งให้เครื่องบินตกซึ่งปกติแล้วไม่น่าจะใช่วัฒนธรรมของชาวไทยถึงแม้จะโกรธเคืองมากขนาดไหนคงไม่ถึงขั้นแช่งให้ถึงขั้นเครื่องบินตกตาย โดยเฉพาะคนดำรงตำแหน่งนายกฯของประเทศไทย หากยังจำได้ครอบครัวญาติวีรชนพฤษภาคม 35 ต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัวไปทั้งบาดเจ็บล้มตายและสูญหายจำนวนมาก นอกจากแสดงความโกรธแค้นต่อคณะรัฐประหาร รสช. พล.อ.สุจินดา คราประยูร และพวก แต่ไม่เคยสาปแช่ง ในที่สุดพวกเราได้อโหสิให้บุคคลเหล่านั้นไปแล้ว ครอบครัวญาติวีรชนพฤษภาคม 35 บอกได้ว่ามี 2 ประเด็นเท่านั้นคือคนที่เป็นทรราชที่สร้างความเกลียดชังทั่วแผ่นดิน หรือจิตตกคิดมากไปเอง

ก.คลังชี้งบฯ 62 เหลือแค่ 1 แสนล้าน

นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการเสนอนโยบายเศรษฐกิจของพรรคต่างๆที่ใช้ในการหาเสียงว่า นโยบายของพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังไม่ค่อยกังวล เพราะนโยบายการใช้เงินของรัฐบาลใหม่ มีกรอบกฎหมายบังคับอยู่แล้ว เนื่องจากงบประมาณมีจำกัด ขณะนี้กระทรวงการคลังมีงบปี 2562 ที่ยังเหลืออยู่ไม่เกิน 3%ของเงินงบประมาณทั้งหมด หรือประมาณ 100,000 ล้านบาทเพื่อนำมาใช้สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่หลังเลือกตั้ง ส่วนการดำเนินนโยบายต่างๆ กระทรวงการคลังมี พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังคุ้มครองการเบิกงบไปใช้จ่ายว่านำไปจัดสรรเรื่องใดได้บ้าง อาทิ งบลงทุนโครงการต่างๆ หรืองบเงินอุดหนุน เป็นต้น ดังนั้นนโยบายต่างๆที่รัฐบาลใหม่จะออกมาต้องพิจารณาความจำเป็นต่อประชาชนมากน้อยแค่ไหน โดยกระทรวงการคลังต้องส่งงบ ดังกล่าวเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อตรวจสอบการใช้งบประมาณอีกครั้งด้วย

เตือน รบ.ใหม่เน้นเฉพาะที่จำเป็น

ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวอีกว่า กระทรวงการคลังมีเงินอยู่จำนวนหนึ่งที่นำมาใช้เพื่อสนับสนุนนโยบายต่างๆ แต่ต้องดูว่าโครงการนี้เป็นที่ต้องการของประชาชนจริงๆ และมีประโยชน์กับทุกฝ่ายหรือไม่ เพราะบางทีนโยบายอาจจะโดนใจประชาชน แต่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับประชาชนก็ได้ อีกทั้ง นโยบายของรัฐบาลใหม่ที่เสนอเข้ามา ถ้าใช้เงินเกินกว่า 1,000 ล้านบาท จะต้องส่งเข้า ครม.พิจารณาก่อนทุกครั้ง และต้องแจ้งให้ประชาชนรับทราบด้วย สำหรับปีงบประมาณ 2563 กระทรวงการคลังได้ตั้งงบประมาณเรียบร้อยแล้ว 3.2 ล้านล้านบาท แต่หากรัฐบาลชุดใหม่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงกรอบงบประมาณสามารถดำเนินการได้


ปชช.เทใจเลือกพรรคที่มีผลงาน

วันเดียวกัน นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “คุณสมบัติของ ส.ส.และพรรคการเมืองที่ประชาชนต้องการ” จาก 1,253 หน่วยตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 20-21 ก.พ.พบว่าร้อยละ 36.39 ระบุจะลงคะแนนโดยเลือกพรรคการเมือง ร้อยละ 32.64 ทั้งผู้สมัคร ส.ส.และพรรคการเมือง และร้อยละ 30.97 ระบุผู้สมัคร ส.ส. โดยคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.ที่จะเลือก ร้อยละ 23.71 มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ร้อยละ 22.46 เป็น ส.ส.ลงพื้นที่ใกล้ชิดประชาชน ร้อยละ 20.45 มีความรู้ความสามารถ ร้อยละ 10.66 ไม่มีประวัติด่างพร้อย ร้อยละ 9.16 เป็นคนรุ่นใหม่ ร้อยละ 5.65 มีประสบการณ์การเมือง เช่น เป็น ส.ส./ส.ว./ส.จ./ นักการเมืองท้องถิ่น ร้อยละ 3.26 สังกัดพรรคที่เสนอนโยบายถูกใจ ร้อยละ 3.14 สังกัดพรรคการเมืองที่ชื่นชอบ ร้อยละ 1.38 ระบุเป็นลูกหลานของคนในพื้นที่/อยู่ในท้องถิ่นเดิม และร้อยละ 0.13 ทายาทนักการเมือง/ผู้มีชื่อเสียง ขณะที่คุณสมบัติของพรรคที่จะเลือกร้อยละ 41.97 ระบุนโยบายพรรค ร้อยละ 38.50 ผลงานที่ผ่านมาดีเป็นที่ประจักษ์ ทำได้จริง ร้อยละ 7.63 จุดยืนของพรรค ร้อยละ 6.47 ระบุหัวหน้าพรรค ร้อยละ 3.01 มีผู้สมัคร ส.ส.ที่ชื่นชอบอยู่ ร้อยละ 1.50 เป็นพรรคที่ได้เป็นรัฐบาลหลายครั้ง ร้อยละ 0.92 ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯอยู่ในพรรค

กังวลแข่งดุขอนโยบายทำได้จริง

สวนดุสิตโพล โดยมหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจการหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.ในทัศนะประชาชน จาก 1,157 ตัวอย่าง ตั้งแต่วันที่ 19-23 ก.พ. เกี่ยวกับความกังวลใจในการหาเสียง ร้อยละ 39.62 ระบุการแข่งขันสูง ใช้วิธีรุนแรง ไม่ถูกต้อง ไม่สร้างสรรค์ ร้อยละ 32.01 ระบุการจ่ายเงินซื้อเสียง ทุจริต ร้อยละ 27.32 ระบุทำไม่ได้ตามที่พูด ชูนโยบายเกินจริง ร้อยละ 20.02 หาเสียงลงพื้นที่เข้าหาประชาชนเฉพาะช่วงเลือกตั้ง และร้อยละ 14.49 ปล่อยข่าวเท็จ ใส่ร้ายโจมตีกันไปมา เมื่อถามถึงสิ่งที่ประชาชนอยากขอร้องจากนักการเมืองกรณีการหาเสียง ร้อยละ 35.57 นโยบายทำได้จริง พูดจริง ทำจริง ไม่ขายฝัน รองลงมาร้อยละ 24.66 ทำตามกฎหมายเลือกตั้ง ไม่ทุจริต ไม่ซื้อเสียง ร้อยละ 21.36 ไม่ใส่ร้ายป้ายสีคู่แข่ง สร้างความวุ่นวาย ร้อยละ 16.02 เป็นแบบอย่างที่ดี รักษาภาพลักษณ์ และร้อยละ 12.50 ติดป้ายหาเสียงในที่เหมาะสม ไม่กีดขวางทางเท้า


พรรคในใจถูกยุบมีตัวสำรองแล้ว

สำนักวิจัยซุปเปอร์โพลเปิดเผยถึงผลสำรวจเรื่อง ถ้าพรรคที่ชอบถูกยุบจะเลือกใคร จากกรณีศึกษา 1,337 ตัวอย่าง เมื่อวันที่ 20-23 ก.พ. ในประเด็นความกังวลต่อความวุ่นวายช่วงเลือกตั้ง พบว่าคนที่กังวลมีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ 72.5 ในช่วงวันที่ 10-16 ก.พ. เหลือร้อยละ 54.8 ในช่วง 20-23 ก.พ. และกลุ่มคนที่ไม่กังวลเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 27.5 มาอยู่ที่ร้อยละ 45.2 ที่น่าพิจารณาคือร้อยละ 35.3 ตั้งใจจะไปเลือกตั้งแน่นอน ขณะที่ส่วนใหญ่ร้อยละ 58 ยังไม่แน่ใจ และร้อยละ 6.7 ไม่ไป นอกจากนี้ถ้าพรรคการเมืองที่ชอบถูกยุบจะเลือกพรรคใด พบว่า เกินกว่า 1 ใน 3 หรือร้อยละ 34.1 มีพรรคสำรองในใจแล้ว เช่น พรรคภูมิใจไทย เพื่อไทย อนาคตใหม่ พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ เสรีรวมไทย และไทยรักษาชาติ เป็นต้น ขณะที่ร้อยละ 28.1 ยังไม่มีพรรคใด และร้อยละ 37.8 ระบุอื่นๆ เช่น จะยังเลือกพรรคเดิม ไม่ขอออกความเห็น ไม่เลือก เป็นต้น



ไม่มีความคิดเห็น: