PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

แห่ขายฝัน เสี่ยงเสียของ นโยบายหาเสียงเลือกตั้ง "สำลัก" ลดแลกแจกแถม

กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่า ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป และจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2562

คาดหมายว่า ฤดูร้อนปี 2562 จะมีอากาศร้อนมากกว่า 2561 อุณหภูมิสูงกว่าปกติ 1–2 องศาเซลเซียส

แนวโน้มอากาศร้อนทะลักปรอท แปรผันตรงกับอุณหภูมิทางการเมืองที่ส่อแววดีกรีระอุเดือด

ตามสถานการณ์ “อุ่นเตา” ร้อนขึ้นทุกขณะ กับปรากฏการณ์ “หนักแผ่นดิน” ที่ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก แสดงท่าทีเป็นเชิงตอบโต้การรุกของนักการเมืองเครือข่าย “ทักษิณ”

“ล้ำเส้น” เข้าเขตกองทัพ

จังหวะซัดกลับ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง แคนดิเดตนายกฯบัญชีพรรคเพื่อไทย

ที่ประกาศบนเวทีปราศรัยหาเสียงพื้นที่ กทม.

ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะตัดลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม ยกเลิกเกณฑ์ทหาร

ปฏิบัติการ “แหย่รังแตน” ท้าทายท็อปบูตซึ่งๆหน้า

ประกอบกับสถานการณ์คาบเกี่ยวต่อเนื่อง ตามท้อง เรื่องยังสามารถโยงความหมายลึกไปถึงปรากฏการณ์ “แคนดิเดตพิเศษ” บัญชีนายกฯของพรรคไทยรักษาชาติ

บรรยากาศหลัง “พระราชโองการ” คืนวันที่ 8 กุมภาพันธ์

โดยจังหวะลูกติดพัน ปมล่อแหลมอันตรายที่ต่อเนื่อง

จากปมสถาบันมาถึงการล้ำเขตทหาร จนนำมาซึ่งอาการฮึ่มฮั่มๆของจ่าฝูงกองทัพบก ยกเพลงดังในเหตุการณ์ “6 ตุลา” มาสื่อความหมายเป็นนัย

อาการหมั่นไส้ ชักเริ่มเลยจุดอดรนทนไม่ไหว

ตามเงื่อนไขสถานการณ์ไหลไปกระตุกต่อมพวก “มโนโซเชียลฯ” ปะติดปะต่อฉากระทึกอกระทึกใจ กระจายข่าวลือรัฐประหารลั่นกระดานโลกออนไลน์

บรรยากาศอึมครึมๆ ส่อพลิกคว่ำพลิกหงาย มาถึงตรงนี้ก็เลยยังมีคนอีกจำนวนมากที่ยังไม่แน่ใจ ไม่ชัวร์กำหนดเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม จะได้เข้าคูหาหรือไม่

“ปัจจัยแทรก” ได้ทุกจังหวะ ยังไม่มีจุด “สิ้นสุดทางเลื่อน”

ถึงแม้จะมาถึงคิวที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต จากพรรคการเมืองทั้งสิ้น 81 พรรค โดยเป็นการประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัครจำนวน 10,792 คน

มากสุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งไทย

ขณะเดียวกัน กกต.ได้สรุปยอดจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง ทั้งประเทศ 2,632,935 คน ส่วนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธินอกราชอาณาจักร จำนวน 119,184 คน ใน 67 ประเทศ

ตัวเลขพุ่งสะท้อนอารมณ์คนอยากเลือกตั้ง หลังอั้นมานาน 5-6 ปี

เป้าหมายประชาชนไทยอยู่ที่คูหากาบัตรในสนามประชาธิปไตย

แน่นอนในสถานการณ์กระแสเชี่ยวกรากแบบนี้ ใครก็ไม่อยากเสี่ยงขวางอารมณ์สังคม

ล้มกระดานเลือกตั้ง มีแต่จะโดนด่าจมธรณี

เรื่องของเรื่อง ตามรูปการณ์จะเห็นว่าทหารเองก็ลดโทนทันที ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงภายหลังปรากฏการณ์เพลงหนักแผ่นดินดังกระหึ่มเมือง จากที่สั่งเปิดทางสถานีวิทยุเครือข่ายกองทัพบก ก็เปลี่ยนเป็นการเปิดแค่เสียงตามสายภายในค่ายทหาร ปลุกใจกำลังพล

โดยที่ “บิ๊กแดง” ก็เงียบสงบอยู่ในที่ตั้ง ตามจังหวะที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ชี้แจงเป็นเชิงออกตัวแทน “น้องรัก” อย่าง พล.อ.อภิรัชต์

ยืนยัน ผบ.ทบ.ไม่ได้ลงมาเป็นคู่ขัดแย้ง

อีกมุมก็เป็นโทนนุ่มๆแบบที่ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม แถลงชี้แจงปมงบประมาณกระทรวงกลาโหม เปรียบเทียบกับภาพรวมของประเทศที่เติบโตขึ้น ทำให้สัดส่วนงบฯกลาโหมที่ได้รับโตขึ้นอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีนัยอะไรแอบแฝง กองทัพไม่ได้มีงบฯลับอะไร

ฝ่ายคุมเกมอำนาจ “ท็อปบูต” รีบหักพวงมาลัย กลับมาอยู่ในเส้นทางเลือกตั้ง

อย่างที่บิ๊ก คสช. พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อภิรัชต์ หรือแม้แต่มือเศรษฐกิจฝ่ายพลเรือนอย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ช่วยกันประสานเสียงกลบกระแสปฏิวัติ ประคองความมั่นใจของนักลงทุน

เห็นๆกันอยู่ ฝ่ายที่ลุ้นความเสียหายจากกระแส “แอ่นแอ๊นล้มเลือกตั้ง” ก็คือทีม คสช.

ในทางตรงกันข้าม ปรากฏการณ์ “หนักแผ่นดิน” ที่ถูกลากไปจุดไฟรัฐประหาร โหมควันกระพือออกมาจากแนวต้าน คสช. เครือข่ายแนวร่วม “ทักษิณ” เปิดแนวรบตีกินเผด็จการ สามารถยึดพื้นที่ข่าวสื่อกระแสหลัก

โชว์เหลี่ยมโคตรเซียน พลิกจากตั้งรับเป็นรุก

กลบปมร้อนบิ๊กเซอร์ไพรส์ “แคนดิเดต” นายกฯบัญชีพรรคไทยรักษาชาติไปเลย

อ่านกันตามมุมนี้ รัฐประหารยังเป็นแค่เรื่อง “มโนโซเชียลฯ”

เกมกระพือควันไฟร้อนกลบกระแสลบ

เหนืออื่นใด โดยสถานการณ์ก็ยังไม่ถึง “ทางตัน” เสียเมื่อไหร่ ในเมื่อทุกอย่างยังเดินหน้าต่อไปได้ โดยมีหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญให้ยึดเป็นแนวไปสู่เลือกตั้ง

แค่ยกระดับ “บังคับใช้กฎหมาย” ยังไงก็ไม่เสียหลักลงข้างทาง

ทั้งคดียุบพรรคไทยรักษาชาติจากปมบิ๊กเซอร์ไพรส์ ที่ทีมบี “ทักษิณ” ตั้งท่าลุยไฟต่อแบบกล้าๆกลัวๆ เพราะคนสั่งอยู่แดนไกล แต่คนเสี่ยงอยู่ในประเทศ

หรือจังหวะลุ้นพลิกคว่ำพลิกหงายของ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ต้องเผชิญข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการใช้เฟซบุ๊กไลฟ์ วิจารณ์พลังดูดพาดพิง คสช. ต่อเนื่องกับประเด็นแจ้งประวัติมั่วนิ่มในเว็บไซต์พรรคอนาคตใหม่ ส่อเข้าเงื่อน “หลอกลวง” จูงใจเลือกตั้ง

มาแรงเพราะโซเชียลฯ ส่อพังด้วยโซเชียลฯ

แต่สุดท้ายถูกหรือผิด ต้องว่ากันด้วยข้อกฎหมาย

ที่สำคัญมันก็คือเรื่องความผิดเฉพาะตัว ผลมาจากการกระทำของตัวเอง

ไม่ได้ก่อแรงสั่นสะเทือนเลือนลั่นถึงขั้นพลิกคว่ำพลิกหงาย ระดับความสำคัญถึงขั้นต้องลากเอาไปเกี่ยวโยงกับการเลือกตั้งทั่วไปที่ผูกโยงกับความเป็นอยู่ของคนทั้งชาติแต่อย่างใด

ทั้งหมดทั้งปวง ประเด็นสำคัญจริงๆเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่มองข้ามไม่ได้ แต่ไม่ค่อยมีการพูดถึงกัน

ทั้งๆที่ถือเป็นผลประโยชน์โดยตรงของประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนน

นั่นคือนโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง เรื่องของการบริหารประเทศที่ทุกพรรคต้องโชว์ยุทธศาสตร์ให้ประชาชนได้พิจารณาแนวคิดที่โดนใจ ตรงกับความต้องการ

เป็นพันธสัญญาแลกกับคะแนนเพื่อได้รับเลือกเข้าไปนั่งเป็นฝ่ายบริหาร

ตามสถานการณ์น่าตื่นตาตื่นใจ ผสมกับน่าหนักอกหนักใจ สังเกตได้ว่าการเลือกตั้งรอบนี้แต่ละพรรคพร้อมใจกันนำเสนอนโยบาย ลด แลก แจก แถม

แข่งกันจัดหนักซื้อใจ “คนไทยชอบของฟรี”

แจกดะทั้งที่ดิน ส.ป.ก. เด็กเกิดปั๊บรับแสน จำนำข้าวเกวียนละ 4 หมื่น ฯลฯ

หรือประเภทหวือหวา ชูธงปลูกกัญชาเสรี เสนอ

ทำงานแค่สัปดาห์ละ 4 วัน ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ลดขนาดและบทบาทกองทัพและนำงบประมาณไปเพิ่มสวัสดิการของประชาชนแทน ฯลฯ

ในเครื่องหมายคำถามถึงความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ หรือแค่ “ขายฝัน”

ไม่นับความแปลกใหม่ ประเภทเน้นผู้สมัครสวย หล่อ ใช้ “พริตตี้” มาลงสมัครดึงคะแนน บรรยากาศการเลือกตั้งในยุคสื่อออนไลน์ทรงอิทธิพล โซเชียลมีเดียแห่กระแสกันได้ง่ายๆ

มาตรฐานข้อมูลลอยๆ จริง เท็จ ไร้การตรวจสอบ

เข้าทางพวกแห่กระแส เน้นหาเสียงแบบเอามัน ขอแค่ให้ได้คะแนนไว้ก่อน ไม่สนอะไร

แน่นอนในสถานการณ์แบบนี้ เทียบกับความสำคัญของการเลือกตั้งห้วงเปลี่ยนผ่านประเทศ

มันดูว้าเหว่ มืดมน มองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์

สำคัญกว่าเหตุพลิกคว่ำพลิกหงายของผู้เข้าแข่งขัน ณ ตรงนี้ ทุกฝ่ายควรต้องรับผิดชอบร่วมกันเพื่อเดินไปสู่การเลือกตั้ง 24 มีนาคมอย่างมีคุณภาพ

ด้วยสำนึกรับผิดชอบ ยึดหลักจริยธรรม แยกแยะ ผิด ชอบ ชั่ว ดี

อันดับแรกเลยคือ พรรคการเมือง นักเลือกตั้งอาชีพ ต้องยกระดับความรับผิดชอบต่อนโยบายที่หาเสียงกับประชาชน สามารถปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่ขายฝัน หลอกเอาแต้มจากชาวบ้าน

อีกด้านหนึ่ง ประชาชนเจ้าของ 1 สิทธิ 1 เสียง ก็ต้องกาบัตรบนพื้นฐานการศึกษาหาข้อมูล

ไม่ใช่เลือกแค่เอามัน แห่กระแสมาก่อนเหตุผล

ที่สำคัญอย่ามองเห็นแต่ “ของฟรี” นโยบายสุกเอาเผากินมาล่อใจ จนมองไม่เห็นเชื้อความขัดแย้งที่แฝงอยู่ภายใต้ผลประโยชน์ ลืมนึกถึงอดีตนักการเมืองหน้าเก่าๆ

เจ้าเดิมๆมีส่วนสร้างวิกฤติทำชาติเสียหาย

ได้โอกาสกลับมาก่อไฟขัดแย้งไม่รู้จบ หนีไม่พ้นวังวนอุบาทว์

5–6 ปีที่ร้างการเลือกตั้งมา จะเสียของฟรี ไม่มีประโยชน์อะไร

เลือกตั้งเสร็จ ก็รอวันกลับมาฝันร้ายรอบใหม่ได้เลย.

“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: