PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ใครดูดใครโหนกันแน่

ใครดูดใครโหนกันแน่



สถานการณ์พลิกผัน ต้องแก้โจทย์กันใหม่เลย
เมื่อ “สวนดุสิตโพล” สะท้อนตัวเลขประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ไม่ตื่นเต้นกับกระแสดูดที่นักการเมืองทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์กำลังตีฆ้องร้องป่าวประจานพรรคทหาร
แต่ชาวบ้านมองการย้ายพรรคเป็นเรื่องธรรมดาทางการเมืองทุกยุคทุกสมัย ตามระบบนิเวศการเมืองแบบไทยๆเป็นเรื่องต่อรองอำนาจและผลประโยชน์
กลายเป็นโจทย์ยากของนักการเมืองยิ่งไปกันใหญ่
น่าสนใจ ถ้าโพลนี้ทำหลังจากเจ้าตำรับวาทกรรมดูดอย่างอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ส่งสัญญาณจากประเทศสิงคโปร์มาเบิ้ลบลัฟพรรคทหาร ดูดมากๆระวังกลายเป็นสีเทา
ตัวเลขจะออกมาเซอร์ไพรส์กว่านี้หรือไม่
ในอารมณ์แบบที่รู้ๆกัน “ทักษิณ” คือเจ้าตำรับพลังดูดอันลือเลื่องในยุคพรรคไทยรักไทย เคยสร้างตัวอย่างไว้ แต่สุดท้ายก็ใช้เสียง ส.ส.ในการยึดสภา เอื้อประโยชน์ทางธุรกิจให้ตัวเองและพวกพ้อง
จนต้องเจอกระแสต้าน ถูกโค่นกระดานอำนาจ
แต่ ณ วันนี้ยังถือเป็นโอกาสของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ที่จะไม่เดินย่ำซ้ำรอยอดีต ในการใช้ทฤษฎีขนมชั้นของ “ทักษิณ” ดึงนักการเมืองที่มีฐานเสียงแข็งๆมาเป็นฐานประกันความชัวร์ในสนามเลือกตั้ง
ตีตั๋วกลับมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คุมเกมอำนาจเปลี่ยนผ่านไปสู่การปฏิรูปประเทศ
โดยเงื่อนไขสถานการณ์ไปสู่เป้าหมาย มันคนละเรื่องกันเลย
เบื้องต้น ว่ากันตามผลโพลที่ออกมาถือว่าเข้าทางสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ยกประโยคอมตะของ “เติ้ง เสี่ยวผิง” อดีตผู้นำจีนแผ่นดินใหญ่ แมวขาวหรือแมวดำขอให้จับหนูได้ และไม่ใช่แมวสกปรก
วาทกรรม “ตกเขียว” ไม่มีผล กระแสดูดไม่ทำให้แผนตั้งพรรคหนุน “ลุงตู่” สะเทือน ตรงกันข้าม ตามรูปการณ์ออกมาแบบนี้น่าจะทำให้พวกที่กำลังชั่งใจ กล้าๆกลัวๆ ตัดสินใจง่าย
นักการเมืองกระโดดโหน “นายกฯลุงตู่” ตัวลอยแน่
และก็อย่างที่เห็นภาพ ในการประชุม ครม.สัญจรล่าสุด ที่ พล.อ.ประยุทธ์นำคณะลงพื้นที่มุ่งพัฒนากลุ่มจังหวัด “นครชัยบุรินทร์” นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์
ลุยแก้ปัญหาความยากจนในโซนพื้นที่ที่ประชากรรายได้ต่ำลำดับต้นๆของประเทศ
เน้นยุทธศาสตร์กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
แต่อีกมุมมันก็หนีไม่พ้นถูกลากเข้าฉากการเมือง ตามท้องเรื่องไฮไลต์อยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ กับอาการขยับตัวอย่างแรงของเจ้าถิ่นยี่ห้อ “เสี่ยเน” นายเนวิน ชิดชอบ ที่สั่ง “จัดเต็ม” เกณฑ์พลพรรคภูมิใจไทย ไล่ตั้งแต่ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ลูกพรรค ไปยันชาวบ้านลูกเด็กเล็กแดงเรือนหมื่นคน
รอต้อนรับ “นายกฯลุงตู่” เยือนถิ่น “เซราะกราว”
เร้ากระแส “ดูด” ตามทิศทางข่าวในสื่อจับตาดีล ดึงภูมิใจไทยเข้าพรรคหนุน “ลุงตู่”
แต่เรื่องของเรื่อง งานนี้ดูจากปรากฏการณ์ของ “เสี่ยเน” และ “เสี่ยหนู” ที่เทกแอ็กชันแรงกว่าการประชุม ครม.สัญจรในพื้นที่อื่น
ที่ผ่านๆมา ที่นักการเมืองเจ้าของพื้นที่จะเป็นฝ่ายถูกเชิญให้เข้าวงเสวนากับรัฐบาล
อาการมันฟ้อง งานนี้ไม่ใช่ “ลุงตู่” ไปไล่ดูด
แต่เจ้าภาพอยากได้ “ลุงตู่” มาเพิ่มแต้ม เสริมเครดิตซะมากกว่า
ตามประสาอดีตคนคุ้นเคยกับ “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม แตะมือหัก “นายใหญ่” ตั้งรัฐบาลในค่ายทหารมาก่อน
ตอนนี้ถึงเวลาระลึกความทรงจำ ย้ำความเป็นพันธมิตรใกล้ชิด
เหนืออื่นใด โดยบทเรียนจากการเลือกตั้งรอบที่แล้ว ยี่ห้อ “เนวิน” ทุ่มสรรพกำลัง เปิดคลังกระสุนดินดำไม่อั้นบวกกับอำนาจในมือ แต่ค่ายภูมิใจไทยไม่ได้ ส.ส.ตามเป้า เพราะไร้กระแส
มารอบนี้ “เจ้าพ่อเซราะกราว” เลยน่าจะหวังใช้ต้นทุน “นายกฯลุงตู่” ช่วยดันหลัง
เพิ่มพลังเจาะฐานพรรคเพื่อไทยของ “นายใหญ่”
เรื่องของเรื่อง เบื้องหลังเครื่องดูดยี่ห้อภูมิใจไทยก็เดินพลังแรงไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน ตามสถานการณ์ปั่นแต้ม ส.ส.เพื่อเพิ่มราคาต่อรองในดีลตีตั๋วร่วมขบวน “ลุงตู่”
แว่วๆแรงดูดเซราะกราวแรงไปถึงประจวบคีรีขันธ์ เป้าหมายอยู่ที่ “เสี่ยต่อ” นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน มวยระดับขาใหญ่ของค่ายประชาธิปัตย์ ผ่านดีลฟุตบอลไทยลีก รวมถึงหลายจังหวัดในอีสานที่ฐานเสียงเพื่อไทยไม่แน่น อย่างนครราชสีมา อุบลราชธานี บึงกาฬ ฯลฯ
“เนวิน” พยายามปั่นแต้ม สร้างขุมพลังภูมิใจไทยตีคู่กับพรรคหนุน “ลุงตู่”
ดูแล้ว เข้าฟอร์มพรรคทหารมากกว่ายี่ห้อ “พลังประชารัฐ”เสียอีก.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: