PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

'ชายชุดดำ'สารภาพอ้างก่อเหตุปี53ยิงมั่วไม่เจาะจงใคร

'ชายชุดดำ'สารภาพอ้างก่อเหตุปี53ยิงมั่วไม่เจาะจงใคร 

หนึ่งใน"กลุ่มชายชุดดำ"สารภาพ อ้างก่อเหตุปี53ยิงไม่เจาะจงใคร ไม่เคยฝึกมา ด้าน"สมยศ"ชี้เกี่ยวโยงแดงฮาร์ทคอร์

กรณี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร. พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.บผบช.ภ.1 พล.ต.เทพพงศ์ ทพยจันทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 พ.อ.วิจารณ์ จดแตง ผู้อำนวยการกฏหมาย กอ.รมน.หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานกฏหมายส่วนรักษาความสงบ คสช. ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับคดีความมั่นคงจับกุมนายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ที่ 2 ซ.รามอินทรา 36 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม.ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1600/2557 ลงวันที่ 10 ก.ย.57 นายปรีชา หรือไก่เตี้ย อยุ่เย็น อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 หมุ่ที่ 9 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1603/2557 ลงวันที่ 10 ก.ย.2557 นายชำนาญ หรือเล้ก ภาคีฉาย อายุ 45 ปี อยุ่บ้านเลขที่ 14/126 หมู่ 6 แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กทม. ตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 1605/2557 ลงวันที่ 10 ก.ย.2557

นางปุณิกา หรืออร ชูศรี อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 702/155 ซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. ตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 1606/2557 ลงวันที่ 10 ก.ย.2557 นอกจากนั้นยังมีผู้ต้องหาที่หลบหนรอีก 2 คน คือ นายวัฒนะโชค หรือโบ้ จีนปุ้ย อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ที่ 17 ต.พุทธบาท อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ หมายจับศาลอาญาเลขที่ 1602/2557 ลงวันที่ 10 ก.ย.2557 และนายธนเดช หรือไก่รถตู้ เอกอภิวัชร์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 328/22 หมุ่ที่ 2 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหักสี่ กทม. ตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 1601/2557 พร้อมของกลางอาวุธปืน เอ็น 79 จำนวน 1 กระบอก โดยแจ้งข้อหา ร่วมกันมีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ พกพาอาวุธปืนและวัตถุระเบิดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่มีเหตุอันควร จากนั้นได้นำผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อดำเนินคดี

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดร่วมกันแต่งกายเป็นชายชุดดำใช้อาวุธสงครามยิงและขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ทหารและประชาชน จนเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย จำนวนหลายราย รวมทั้งพล.อ.ร่มเกล้า ธุวกรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนตะนาว และบริเวณใกล้เคียง เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 เวลาประมาณ 20.00 น.

ในการปกิบัติการขอคืนพื้นที่กลุ่มผู้ชุมนุม การจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างทหารกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการรวบรวมพยานหลักฐานทำงานอย่างรอบคอบจนศาลอนุมัติหมายจับกุม ทำให้เกิดความกระจ่างต่อสังคมว่าชายชุดดำที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้มีจริง และทุกคนก็ให้การรับสารภาพ หลังจากนี้จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนว่ามีความเชื่อมโยงกับใครบ้าง มีใครร่วมลงมือ มีใครให้การสนับสนุน

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนทราบว่าผู้สั่งการคือ นายจักรรินทร์ (เสธ.ไก่) เรืองศักดิ์วิชิต  ซึ่งตอนนี้ถูกศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี ออกหมายจับแล้วเลขที่ จ.8 ก./2557 เป็นบุคคลธรรมดา นอกจากนั้นการสอบสวนขยายผลยังพบความเชื่อมโยงกับ น.ส.กริชสุดา คุณะเสน หรือเปิ้ล จากการตรวจค้นบ้านของเปิ้ลก่อนหน้านี้พบหลักฐานว่ามีการโอนเงินให้กลุ่มคนเหล่านี้อย่างชัดเจน ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยตัวเลข บอกได้แค่ว่าจำนวนมาก สำหรับสาเหตุนั้นเป็นลักษณะขบวนการมีหัวโจ๊ก มีอุดมการณ์ มีความเกลียดชัง มีค่าจ้างจึงได้ร่วมกันทำ

สำหรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษอยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดำเนินการขออนุญาตทางดีเอสไอ ให้คณะทำงานเข้าร่วมการสอบสวนครั้งนี้ด้วย เพื่อนำคดีดังกล่าวเป็นคดีหลักต่อไป สำหรับการสืบสวนจับกุมว่าสามารถจับกุมได้อย่างไรที่ไหนนั้นไม่ขอเปิดเผยเป็น เรื่องที่ตำรวจต้องทำงาน จะเอาวิธีไปบอกโจรไม่ได้ ต่อไปจะทำงานลำบาก หลังจากนี้หากมีตำรวจคนไหนเปิดเผยวิธีการจับกุมคนร้ายก็ต้องถูกลงโทษบ้าง

สำหรับเส้นทางการดำเนินการของกลุ่มคนร้ายมีทั้งหมด 8 คน รวมนายธรรมรัตน์(ดำ) สุ่มสี ที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ โดยทั้งหมดได้วางแผนและรับมอบอาวุธกันที่คอนโดบ้านริมน้ำ ถนนรามอินทรา 34 จากนั้นทั้งหมดได้อาศัยรถตู้ สีขาว เพื่อเดินทางไปที่เกิดเหตุ จากนั้นทั้งหมดได้ขับรถขึ้นทางด่วนรามอินทรา มาลงยมราช และจอดรถที่ซอยวัดมหรรพาราม ถ.ตะนาว เมื่อลงจากรถก็เดินไปตามถนนตะนาวมุ่งหน้าไปที่แยกคอกวัว ก่อนถึงแยกคอกวัวได้ผ่านจุดคัดกรองเจอการ์ดซึ่งมีตำรวจร่วมด้วยแต่ตำรวจจุดนั้นไม่มีอาวุธ ตรวจุดนี้พบว่ากลุ่มคนร้าย 3 คนมีอาวุธไปด้วย การ์ดเข้ามาตรวจถ่ายรุป

จากนั้นได้ปล่อยเข้าไปด้วยรหัสผ่าน"พิราบขาว" คนร้ายไปตรงธนาคารออมสิน จากนั้นเริ่มใช้อาวุธยิง ระดมยิงใส่ชุดทหารที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม หลังจากยิงเสร็จได้ถอนย้อนกลับมาที่จุดรถตู้จอด ระหว่างทางนายธรรมรัตน์ซึ่งถืออาวุธปืน เอ็ม 79 มาด้วย ถูกตำรวจล็อคไว้ ยึดปืนเอาไว้ได้ ส่วนคนร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมใช้คนมากดดันแย่งตัวไปได้ 

จากนั้นคนร้ายทั้งหมดได้มารวมตัวกันอีกครั้งที่รถตู้จอดไว้ขับรถอ้อมไปถนนตะนาว เข้าถนนดินสอ มาสวนกันเจ้าหน้าที่ทหารที่ใช้รถฮัมวี จุดนั้นคนค่อนข้างเยอะก็เบียดกันคนร้ายได้ลดกระจกลงมา 1 ในผู้ต้องหาตะโกนด่าทหาร "ไปทำเหี้ยอะไรที่นี่ ทำไมไม่ไปปฏิบัติการที่ภาคใต้" คำพูดนี้ทำให้ทหารสามารถจำหน้าได้ 1 คนที่อยู่ในรถ 

หลังจากนั้นกลุ่มคนร้ายก็แยกย้ายหลบหนีกันไปหลายปี ตำรวจทหารก็เฝ้าสืบสวนสอบสวนต่อเรื่องจนมีหลักฐานแน่ชัดขออนุมัติหมายศาลออกหมายจับจนจับกุมได้

ด้านนายกิตติศักดิ์ ให้การรับสารภาพว่า ได้กระทำการดังกล่าวจริงโดยไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ต่างคนต่างมา มารู้จักกันเพราะมาร่วมทำงานนี้ โดยได้เจอกันที่สถานีวิทยุชุมนุม เอฟเอ็ม 91.75 ส่วนอาวุธก็ไม่เคยฝึกใช้มาก่อน วันเกิดเหตุก็ไปรับอาวุธที่บ้านริมน้ำ จากนั้น นายธนเดช หรือไก่ ก็ได้สอนการใช้อาวุธว่าทำแบบไหน แล้วก็ตามๆกันไป โดยไม่ได้เจาะจงว่าให้ยิงใครเป็นการเฉพาะ บอกให้ยิงในซอยนั้นก็ยิง ไม่ได้บอกให้ยิงทหารคนไหนเป็นพิเศษ

สำหรับวันเกิดเหตุโดยนายกิตติศักดิ์ใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 และระเบิด เอ็มเค-2 นายธรรมรัตน์ ใช้อาวุธเอ็ม 79 นายธนเดช ใช้อาวุธปืน เอ็ม 203 นายวัฒนะโชค ใช้อาวุธปืนเอเค 47 นายปรีชาใช้อาวุธปืน เอเค 47 นายรณฤทธิ เฝ้ารถไม่มีอาวุธ นายชำนาญ ใช้อาวุธปืน เอ็ม 16 ส่วนนางปุณิกา ใช้ระเบิดเพลิง เอ็ม100
ขอบคุณข้อมูลจา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น: