PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2560

"เลื่อนเลือกตั้ง ทำยากแต่เป็นไปได้"

"เลื่อนเลือกตั้ง ทำยากแต่เป็นไปได้"

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
กลายเป็นวาระร้อนขึ้นมาทันที ภายหลังสิ้นเสียงระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าไม่ทันไร ปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่งสัญญาณเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเลื่อนเลือกตั้งขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ
“สิ่งสำคัญที่อยากให้ทุกคนคำนึงถึง คือถ้าบ้านเมืองยังเป็นอยู่แบบนี้ ทั้งการวางระเบิด การใช้อาวุธสงคราม การทำให้เกิดความขัดแย้งในภาคประชาชน แล้วมีปัญหาเหมือนเดิมที่ผ่านมา แล้วจะเลือกตั้งกันได้หรือไม่ ผมกำหนดไปก็เท่านั้น อยู่ที่ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน เพื่อเดินไปสู่จุดหมายปลายทางเดียวกัน อย่าให้รัฐบาลเป็นผู้กำหนดทั้งหมด
“ผมเคยบอกไว้แล้วว่าเร็วที่สุดจะได้อย่างไร แต่ถ้าไม่ได้ ประชาชนก็ต้องว่ากันมา ผมบังคับใครไม่ได้ในการเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย ขอร้องว่าอย่ามาอ้างกลับไปกลับมาเสียเวลาเปล่า รัฐธรรมนูญ กฎหมายว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น ระยะเวลาตามกฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าจะต้องทำอะไรบ้างก็ยังเป็นไปตามนั้นทุกอย่าง เว้นแต่บ้านเมืองไม่สงบสุข” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา
พิจารณาจากคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเห็นได้ว่านายกฯ ก็ไม่ได้พูดในลักษณะตบโต๊ะว่าจะต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปชัดเจนมากนัก โดยเป็นลักษณะของการโยนหินถามทางมากกว่า เพราะลึกๆ แล้วแน่นอนว่า  พล.อ.ประยุทธ์ ก็รู้อยู่แก่ใจว่าการเลือกตั้งถูกล็อกด้วยเงื่อนไขทางกฎหมายไว้หมดแล้วนับตั้งแต่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา        
อย่างที่ทราบกันดีว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 กำหนดให้มีการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง จำนวน 10 ฉบับ โดยมีเงื่อนไขว่าหากกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับเลือกตั้ง จำนวน 4 ฉบับ ประกอบด้วย การเลือกตั้ง สส.การได้มาซึ่ง สว.พรรคการเมืองและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศใช้เมื่อไหร่ จะต้องมีการกำหนดการเลือกตั้งภายใน 150 วัน
ร่างกฎหมายจำนวน 2 ฉบับ คือ พรรคการเมืองและ กกต.นั้นคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้ส่งไปให้กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยอยู่ระหว่างการแก้ไขเนื้อหาของคณะกรรมาธิการวิสามัญของ สนช.ก่อนส่งมาให้ที่ประชุม สนช.ลงมติเห็นชอบในช่วงกลางเดือน มิ.ย. 
เมื่อร่างกฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าวเสร็จแล้วทาง กรธ.จะดำเนินการทยอยส่งร่างกฎหมายเลือกตั้ง สส.และการได้มาซึ่ง สว.ให้กับ สนช.เป็นลำดับถัดไป
ด้วยเงื่อนไขเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ จึงเป็นเรื่องยากที่จะมีการบิดพลิ้ว ดังนั้น ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดการเลือกตั้งน่าจะมีขึ้นได้ราวกลางปี 2561
ทว่านั่นเป็นเพียงการมองในเชิงทฤษฎีเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติแล้วหากถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่การเลือกตั้งจะถูกเลื่อนออกไป ก็ต้องบอกว่าพอมีทางเป็นไปได้ไม่น้อยเช่นกัน
1.กรณีกฎหมายไม่ผ่าน สนช. เป็นสถานการณ์พิเศษที่มีโอกาสขึ้นพอสมควร กล่าวคือ หาก สนช.ลงมติเห็นชอบกับร่างกฎหมายเลือกตั้งแล้ว แต่ กรธ.หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องไม่เห็นด้วยกับการแแก้ไขเนื้อหาของ  สนช.จะนำมาซึ่งการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่วมกัน 3 ฝ่าย ระหว่าง สนช. กรธ. และองค์กรอิสระ
จากนั้นต้องส่งให้ที่ประชุม สนช.เห็นชอบอีกครั้ง ทีนี้หาก สนช.มีมติเกิน 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิก สนช.ทั้งหมดไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขของคณะกรรมาธิการ 3 ฝ่าย จะส่งผลให้เกิดปัญหาขึ้นมาทันที คือ ต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ อีกทั้งรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้กำหนดว่าถ้าเกิดสถานการณ์เช่นนี้แล้วจะต้องทำอย่างไรต่อไปด้วย ทำให้สุญญากาศทางกฎหมายที่กระทบต่อโรดแมปอย่างแน่นอน
2.ใช้อำนาจมาตรา 44 ต้องไม่ลืมว่าแม้ประเทศจะมีรัฐธรรมนูญฉบับถาวรแล้ว แต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังรับรองให้ คสช.มีอำนาจเหมือนกับที่เคยมีตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 ทุกประการ หมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะหยิบมาตรา 44 มาใช้เมื่อไหร่ก็ได้
มาตรา 44 เป็นยาสามัญประจำบ้านของ คสช.ทุกครั้งเวลาที่ คสช.มีปัญหา เพราะมีพลานุภาพที่ทำให้อยู่เหนืออำนาจฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติและตุลาการ
แน่นอนว่าด้วยอำนาจที่ทรงพลังเช่นนี้ย่อมสามารถใช้เพื่อยกเว้นการใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 บางมาตราได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบทเฉพาะกาลที่เกี่ยวกับการกำหนดขั้นตอนการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ มีคำถามว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะกล้าหักด้ามพร้าด้วยเข่าด้วยการเลื่อนเลือกตั้งออกไปอย่างไม่มีกำหนดหรือไม่
คำตอบที่ได้ คือ มีความเป็นไปได้ เพราะถ้า คสช.มองว่าความไม่สงบที่เกิดขึ้นไม่มีทีท่าจะลดลง ประกอบกับ เป็นระยะเปลี่ยนผ่านที่สำคัญที่ต้องอาศัยความราบรื่นและเสถียรภาพทางการเมืองที่เข้มแข็งที่ไม่อาจทำได้ตามระบอบประชาธิปไตยปกติ ก็อาจใช้อำนาจที่ตัวเองมีทำให้ทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอย
ดังนั้น มาถึงจุดนี้โอกาสที่จะมีการเลือกตั้งตามที่ได้ประกาศไว้อาจไม่เป็นเช่นนั้นเสียแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น: