PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สำรวจผู้ประกาศทีวีย้ายค่ายช่วงดิจิทัล

สำรวจปรากฎการณ์ ผู้ประกาศข่าวย้ายค่าย ในสมรภูมิทีวีดิจิตอล

เอ็มไทย : จากกรณีที่มีการเกิดขึ้นของระบบทีวีดิจิตอล ทำให้บุคลากรคนข่าวมีการเปลี่ยนถ่าย โยกย้าย กันหลากหลายช่องทาง ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ที่ผู้ชมจะได้เห็นในหน้าจอโทรทัศน์นับตั้งแต่ปีนี้

 

1801-thumb

ประวีณมัย บ่ายคล้อย ผู้ประกาศแม่เหล็กของสถานีโทรทัศน์สาธารณะไทยพีบีเอส ที่อยู่คู่กับสถานีมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง จนกระทั่งมีข่าวฮือฮาว่าเธอตัดสินใจย้ายมาอยู่กับช่อง 3 โดยให้เหตุผลว่า หลังการเกิดขึ้นของทีวีดิจิตอล ความต้องการบุคลากรเพิ่มขึ้นจึงเป็นโอกาสดี และท้าทายที่จะทำสิ่งใหม่

“จริงๆ แล้วเป็นโอกาสดี ที่คนในวงการจะมีมากยิ่งขึ้น ทั้งคนหน้าจอและหลังจอ เราก็เชื่อว่าต้องพัฒนาคุณภาพมากยิ่งขึ้น แล้วที่สำคัญ จะเห็นว่าหลายๆ ที่ ไม่ได้มีแค่คนที่มีชื่อเสียง แต่จะเห็นน้องๆ คนรุ่นใหม่ ที่มีพลังมีความคิดสร้างสรรค์ ทำข่าวอยู่ในภาคสนามก็เข้ามาทำงาน มีพื้นที่มากขึ้น” ประวีณมัย บ่ายคล้อย กล่าว

1503850_635003683243137_59842279738139048_n

เช่นเดียวกับ ทัศนัย โคตรทอง ผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่ของสถานที ไทยรัฐทีวี เอชดี แต่แกร่งกล้า ด้วยประสบการณ์งานข่าวภาคสนามจากวิกหลากสีกว่า 7 ปี ซึ่งจังหวะและโอกาสในสมรภูมิทีวีดิจิตอล ทำให้ได้เลือกเปลี่ยนงานตามฝันของตัวเอง

ซึ่งทัศนัยมองว่าสมรภูมิครั้งนี้ มีการแข่งขันกันอย่างหนักหน่วง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการแข่งขันกับตัวเอง ดึงความสามารถที่มีสร้างเป็นจุดเด่น พร้อมสื่อสารให้คนดูเข้าใจสารที่เราเสนอ

“หวังว่าสิ่งที่เรานำเสนอข่าวไป คุณผู้ชมจะเข้าใจมากที่สุด เข้าใจสิ่งที่เราเป็นสื่อมวลชน เรารับสารมาแล้วก็สื่อออกไป ให้คุณผู้ชมเข้าใจทั้งเนื้อหาแล้วก็ภาพ ต้องนำเสนอข่าวให้คุณผู้ชมได้เห็นเนื้อหาที่มันครบถ้วนถูกต้อง และอธิบายภาพให้เข้าใจ” ทัศนัย กล่าว

 

all-magazine

 

ด้านผู้ประกาศหน้าเก่าอย่าง ภาษิต อภิญญาวาท ที่โด่งดังจากการนั่งผู้ประกาศจากช่อง 7 มาตั้งแต่ปี 2547 ก่อนจะย้ายไปช่อง 3 ในปี 2552 มองสถานการณ์เปลี่ยนถ่ายบุคลากรในช่วงนี้เป็นเรื่องปกติ ตามอุปสงค์-อุปทานของตลาด การเปลี่ยนถ่ายครั้งนี้คนข่าวต้องทำงานหนักขึ้น เพราะต้องทำการบ้านเพื่อแย่งชิงพื้นที่หน้าจอ และเรทติ้งจากคนดู

“ผู้ประกาศต้องไปทำความเข้าใจกับเทคโนโลยีที่เรามีในมือ เพื่อจะนำเสนออย่างไรให้คนดูรู้สึกสนุกไปกับเรา อย่างเช่นเรามีวีดีโอวอล เรามีอินเมอซีฟ มีความท้าทายในเรื่องของเทคโนโลยีที่ต้องมาแข่งกันเยอะมาก เพราะฉะนั้นนอกจากผู้ประกาศต้องทำการบ้านเกี่ยวกับงานข่าวที่เราทำอยู่ รู้ลึกรู้จริง ซึ่งอันนี้เป็นธรรมดาที่ทุกคนพูดอยู่ละ เราต้องรู้วิธีการใช้เทคโนโลยีให้มันน่าสนใจด้วย” ภาษิต กล่าว

ทั้งนี้ แม้บุคลากรคนข่าวจะมีการโยกย้ายจำนวนมาก จากการเกิดขึ้นของทีวีดิจิตอล แต่ผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดคือผู้ชม เนื่องจากสถานนีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ต้องพัฒนาทั้งบุคลากร เนื้อหา เพื่อแย่งชิงเรทติ้งจากคนดู

 

ข้อมูลข่าวจาก ทีมข่าว MONO29
เรียบเรียงโดย MThai News


ไม่มีความคิดเห็น: