PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เสี่ยโจ้

Phriao Phan Lm ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 6 รูป
สายสัมพันธ์ ของใครบางคน กับ เสี่ยโจ้....ที่แลกกับชีวิต ของข้าราชการ...ครู ตำรวจ ทหาร ประชาชน...ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้.....ต้อง "ตาย " รายวัน
คำสารภาพที่น่ากลัวที่สุด.
การออกมาให้คำรับสารภาพของพลต.ต บุญสืบ ไพรเถื่อน ที่ยอมรับว่ารับส่วยจากการค้าน้ำมันเถื่อน และเกี่ยวข้องกับปัญหาชายแดนภาคใต้ ยาเสพติด และการให้เงินสนับสนุนผู้แบ่งแยกดินแดน และการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้
ไม่ให้สงบ โดยแลกกับชีวิตของข้าราชครู ทหาร ตำรวจ และชาวบ้านผู้บริสุทธิ์
หลายราย มีการรีดสินบนกับมาเฟียโดยเอาสถาบันมาแอบอ้าง เงินส่วนแบ่งมหาศาลในแต่ละวันมีการกระจายให้เจ้านาย โดยมีการร่วมมือกันกับพลต.ทพงพัฒน์ ฉายาพันธ์ุ และพลต.ต โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ พร้อมลูกน้องหลายสิบนาย ที่สำคัญเงินอีกจำนวนหนึ่งที่ผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้ส่งส่วยให้กรมสวบสวนกลางมาตลอด...ในที่สุดก็เปิดเผยตัวไอ้โม่งบางส่วนออกมา
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่ทำให้3ชายแดนภาคใต้ระอุร้อนเป็นไฟ เศรษรกิจพังพินาศยับเยิน สร้างสถานการณ์บีบคั้นให้ประชาชนในพื้นที่เป็นโจร ฆ่าคนไทยด้วยกันเองเพื่อผลประโยชน์อย่างเดียว . :
เส้นทาง'เสี่ยโจ้''ธุรกิจไม้-น้ำมัน'ก่อนถูกทหารคุมตัว
เส้นทาง'เสี่ยโจ้'คนโตชายแดนใต้ 'ธุรกิจไม้-น้ำมัน'ก่อนถูกทหารคุมตัว
เป็นหนังเรื่องยาวที่เข้มข้นขึ้นทุกขณะสำหรับมาตรการปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่ทำตัวนอกเหนือกฎหมายของ คสช. หลังจากเจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการปราบปรามภัยแทรกซ้อน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ควบคุมตัว นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ "เสี่ยโจ้" เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) สหทรัพย์ทวีค้าไม้ โดยอาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึก ที่ จ.ปัตตานี
หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ ตั้งอยู่เลขที่ 103/49 ถนนนาเกลือ หมู่ 8 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี ในเขตอุตสาหกรรมของ อบจ.ปัตตานี ทั้งนี้ เมื่อวันพุธที่ 18 มิถุนายน ทหารนำกำลังเข้าตรวจค้น พร้อมประสานให้ นายสหชัยไปพบที่สำนักงาน ก่อนจะคุมตัวส่งค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
ผลการตรวจค้น พบเอกสารต่างๆ ที่เป็นรายรับรายจ่ายการค้าไม้และน้ำมัน รวมทั้งสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร เงินสกุลบาทไทย เงินดอลลาร์สหรัฐ และเงินริงกิตมาเลเซียอีกจำนวนหนึ่ง
ที่สำคัญ เจ้าหน้าที่ตรวจพบหลักฐานเป็นตรายางประทับเข้า-ออกด่านชายแดนต่างๆ ของประเทศไทย เบื้องต้นได้ให้หน่วยตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดปัตตานีตรวจสอบ ปรากฏว่าเป็นของปลอม จึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน ส่วนเรื่องการครอบครองไม้หวงห้าม รวมทั้งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเชิงลึก
หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ เคยถูกคณะทำงานภัยแทรกซ้อน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าตรวจค้นครั้งหนึ่งแล้วจนกลายเป็นข่าวเกรียวกราวเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2555 ซึ่งสามารถยึดของกลางที่น่าจะเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายได้หลายรายการ โดยเฉพาะรถบรรทุกดัดแปลงสำหรับขนน้ำมันได้คราวละ 15,000 ลิตร จำนวน 2 คัน และรถบรรทุกห้องเย็นที่ดัดแปลงสำหรับขนน้ำมันอีก 2 คัน เงินสดสกุลต่างประเทศและเงินบาทไทยประมาณ 23 ล้านบาท แต่คดีไม่คืบหน้ากระทั่งปัจจุบัน
ต่อมาวันที่ 5 พฤศจิกายน 2555 นายสหชัยได้เปิดแถลงข่าวที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ชี้แจงว่าการตรวจค้น หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ เจ้าหน้าที่ไม่ได้ยึดของกลางใดๆ เพราะไม่มีสิ่งใดผิดกฎหมาย พร้อมปฏิเสธว่า ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการค้าไม้เถื่อนและน้ำมันเถื่อนตามที่ถูกกล่าวหา รวมทั้งไม่เคยให้การสนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบในการก่อเหตุรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ส่วนธุรกิจทั้งเรื่องไม้และน้ำมัน ล้วนถูกต้องตามกฎหมาย
เรื่องราวค่อยๆ เงียบหายไป กระทั่งต้นเดือนตุลาคม 2556 เกิดกรณีคนร้ายปล้นเรือขนเงินสกุลดอลลาร์สิงคโปร์และริงกิตมาเลเซีย คิดเป็นเงินไทยราว 119 ล้านบาท ในทะเลอ่าวไทย ซึ่งต่อมาตำรวจกองปราบสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 ราย โดยผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทเจ้าของเรือที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อตำรวจ คือ บริษัท สหทรัพย์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด อ้างว่าทำธุรกิจรับแลกเปลี่ยนเงินตรา และกำลังนำเงินไปส่งให้ลูกค้าระดับวีไอพีที่เกาะโลซิน จ.ปัตตานี ทั้งๆ ที่เกาะดังกล่าวเป็นเกาะร้างขนาดเล็กกลางทะเล มีเนื้อที่เกาะไม่ถึง 100 ตารางเมตร ห่างฝั่งด้าน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี บริเวณชายหาดวาสุกรี ถึง 72 กิโลเมตร
เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าว ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเงินสดๆ 119 ล้านบาท เกี่ยวโยงกับธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดนใต้หรือไม่ และยังตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทสหทรัพย์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของเรือ เป็นบริษัทในเครือเดียวกับ หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ หรือไม่
จากนั้นในวันที่ 30 ตุลาคม 2556 ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมของ คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามการแก้ไขปัญหาและการฟื้นฟูการพัฒนาตามวิถีวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ วุฒิสภา ปรากฏว่าในช่วงท้าย ที่ประชุมได้หารือกันเกี่ยวกับคดีปล้นเรือขนเงิน 119 ล้านบาท ซึ่งมีเงื่อนงำ โดยแสดงความเห็นโยงไปถึงคดีการตรวจค้น หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ ที่ไม่มีความคืบหน้าด้วย ทั้งนี้ได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงที่คณะกรรมาธิการฯ เชิญมาชี้แจงให้ติดตามความคืบหน้าของทั้ง 2 คดีดังกล่าว
สำหรับตัวเลขความสูญเสียของรัฐกรณีการลักลอบขนน้ำมันหนีภาษี (น้ำมันเถื่อน) ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประเมินว่าทำให้รัฐสูญเสียรายได้ไม่ต่ำกว่า 18,000 ล้านบาท และมีความเชื่อว่าเม็ดเงินจากเครือข่ายน้ำมันเถื่อนจำนวนหนึ่งไหลไปสนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ด้วย กอ.รมน.ภาค 4 สน.จึงตั้งคณะทำงานปราบปรามภัยแทรกซ้อนขึ้นเป็นพิเศษเพื่อแก้ไขปัญหานี้

ไม่มีความคิดเห็น: