PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

“พลเอก อุดมเดช” เผย คสช.มีแบล็คลิสต์กลุ่มป่วนเมือง แค่เอ่ยชื่อก็รู้ว่าใครอยู่กลุ่มไหน

“พลเอก อุดมเดช” เผย คสช.มีแบล็คลิสต์กลุ่มป่วนเมือง แค่เอ่ยชื่อก็รู้ว่าใครอยู่กลุ่มไหน ลั่น ขอให้เลิกก่อเหตุ /แจงแทน ผบ.ผบ.1 รอ. - นายทหารธรรมนูญ ไม่มีเจตนา ถามนำ ก้าวล่วง “พลเอก ชัยสิทธิ์” ชี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลักฐาน
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมว.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก ชี้แจงกรณีที่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.ทบ.และผบ.สูงสุด เตรียมฟ้องทหารพระธรรมนูญกรณีถามนำผู้ต้องหาคดีปาระเบิดศาลอาญา ให้พาดพิงว่า
ในส่วนของ พลตรี พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ ผู้บัญชาการกองพลที่1รักษาพระองค์( ผบ.พล.1รอ.) ไม่ได้ไปพูดเพื่อชี้นำ
ทั้งนี้ พื้นที่ที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ ผบ.พล.1 รอ. ซึ่งท่านก็ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง ซึ่งผมก็ฟังแล้วก็ไม่ได้ไปก้าวล่วงใคร แต่วันนั้นจะมีนายทหารพระธรรมนูญด้วย
สำหรับการแถลงข่าวในวันนั้น เจ้าหน้าที่มีการสอบถามผู้ต้องหาจนได้ข้อมูลเบื้องต้นก่อนที่จะนำมาแถลงข่าว ถือเป็นการถามย้ำข้อมูลที่ได้มากับผู้ต้องหาอีกครั้งหนึ่ง เพราะเป็นข้อมูลที่อยู่ในความสนใจของเจ้าหน้าที่
“ผมยืนยันว่าเราให้ความเคารพไม่ว่าจะเป็นประชาชน ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ในราชการ หรือ เกษียณอายุราชการไปแล้ว ในส่วนของเจ้าหน้าที่ก็จะต้องระมัดระวัง ด้วยการให้ความเคารพและความเป็นธรรม การจะทำอะไรต่าง ๆ ในปัจจุบันนี้ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าจะถูกจับจ้องว่าเราจะทำดำเนินการด้วยความเรียบร้อยและยุติธรรมหรือไม่ เพราะเราก็ระมัดระวังอยู่แล้ว
ผมคิดว่าไม่มีใครที่มีเจตนาเช่นนั้น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาก็จะต้องมีความจำเป็นที่จะต้องชี้แจง เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ และเป็นเรื่องร้ายแรงมีการใช้วัตถุระเบิด จึงจำเป็นที่จะต้องพูดถึงรายละเอียด แต่ก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปก้าวล่วงท่านใด
ส่ิงต่าง ๆ เหล่านี้ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่มี และคงจะต้องมีการสืบสวนสอบสวนกันต่อไป เพื่อหาผู้ที่เกี่ยวข้อง” พล.อ.อุดมเดช ระบุ
ผบทบ.กล่าวว่า การจะไปฟ้องผู้หนึ่งผู้ใดก็เป็นไปตามหลักฐาน การปฏิบัติงานตลอดจนถึงการสอบสวนทหารทำร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทหารก็ดำเนินการไปตามขอบเขต เมื่อมีเหตุการณ์รุนแรงก็จำเป็นจะต้องใช้กฎหมายพิเศษ ก่อนที่จะให้ตำรวจดำเนินการต่อ
" ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายตามอำนาจหน้าที่มี ผบ.พล.1 รอ. ถือเป็นผู้ปฏิบัติงานภายใต้คำสั่งของแม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) และก็รับคำสั่งมาจากผู้บัญชาการทหารบกอีกทอดหนึ่ง "
พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของทหาร ไม่ว่าจะเป็นกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) หรือ หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) ก็ตาม ซึ่งมีพื้นที่ที่จะต้องรับผิดชอบของตัวเองอยู่ ภายใต้ กกล.รส.เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
" เรามีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินงานในการรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งผมคิดว่าประชาขนมีความเข้าใจ และพึงพอใจต่อความสงบที่เกิดขึ้น"
พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ก็จะต้องเข้มงวดในการดูแลพื้นที่ให้มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาทหาร และตำรวจก็มีความระมัดระวังอยู่แล้ว ตั้งแต่เกิดเหตุที่รถไฟฟ้าบีทีเอส ที่บริเวณห้างสรรพสินค้าพารากอน
"ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจ และสบายใจ ซึ่งเราจะพยายามดูแลในเรื่องของความสงบเรียบร้อยให้ดีที่สุด ส่วนจะเกี่ยวพันกับใครให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการสืบสวนต่อไป"
เมื่อถามว่า พล.อ.ชัยสิทธิ์ และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบ.บชน. และกลุ่มคนเสื้อแดง มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผุ้ต้องหาอย่างไร พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า เรื่องรายชื่อ ผมจะไม่ระบุว่ามีใครบ้าง เพราะมันมีมากหลายท่านด้วยกัน
ในส่วนที่เป็นหลักฐานที่เกิดขึ้นก็จะต้องมีการสอบข้อเท็จจริง เมื่อมีการเอ่ยช่ือใครขึ้นมาเราก็จะรู้ทันทีว่าชื่อของคนนั้นอยู่ในกลุ่มใด แต่ในรายชื่อที่เรามีอยู่ทั้งหมดก็ไม่จำเป็นว่าทุกคนจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดี แต่ก็จะต้องยอมรับว่าบางคนที่เรามีรายชื่อมีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความแน่นหนาในเรื่องของความเชื่อมโยงต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม เราจะต้องเอาข้อจริงออกมาให้ได้ ดังนั้นใครก็ตามที่มีความคิดจะก่อเหตุความรุนแรงขอให้เลิก เพราะประเทศชาติเราก็เดินมาด้วยดีแล้ว อีกไม่นานทุกอย่างก็จะเป็นไปตามโรดแม็ปที่นายกรัฐมนตรีกำหนดไว้ ถ้าทุกคนร่วมมือกันไม่ก่อความวุ่นวายก็จะเป็นไปตามโรดแม็ปนั้น ที่ผ่านมามีผลสำรวจในเรื่องความพึงพอใจของประชาชนในเรื่องความสงบเรียบร้อย ซึ่งอยู่ในเกณฑ์สูง ผมก็ดีใจ และนายกรัฐมนตรีก็กำชับมาว่าจะต้องทำให้ดีที่สุด จึงต้องขอความร่วมมือกัน และการก่อเหตุรุนแรงก็เห็นแล้วว่าเมื่อก่อเหตุก็จะต้องถูกจับดำเนินคดีและได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของตัวเอง
พล.อ.อุดมเดช กล่าวถึงข้อมูลที่ผู้ก่อเหตุปาระเบิดศาลอาญา เตรียมที่จะก่อเหตุอีก 100 จุด ในเดือน มี.ค.นี้ว่า ต้องมีการสอบสวนถึงการโยงใยเพราะเบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือทำ จึงต้องหาคนที่เกี่ยวข้องว่าเป็นผู้ใดบ้าง ซึ่งจะต้องนำมาลงโทษท้ังส้ิน


ไม่มีความคิดเห็น: