PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ใครคือไอ้โม่งตัวจริงในกองสลาก

ตลอดเวลาหลายสิบปีประชาชนเกือบทุกคนที่ซื้อสลากกินแบ่งเกินราคาจะด่ากลุ่มห้าเสือโควต้าสลากกินแบ่งว่าเป็นสาเหตุของการขายสลากกินแบ่งเกินราคา จนถึงวันนี้ที่สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้าได้ยื่นคำร้องขอให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเปิดเผยรายชื่อตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ ซึ่งในตอนแรกสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ยอมเปิดเผยจนเรื่องเข้าสู่ชั้นศาลและถูกศาลสั่งให้เปิดเผยจนความจริงเผยออกมาว่าผู้ที่ได้รับโควต้ามากอันดับหนึ่งคือ มูลนิธิสำนักงานสลากกินแบ่งฯ นั่นเองที่ได้โควต้าถึง 14 ล้านฉบับต่องวด ขณะที่กลุ่มห้าเสือที่โดนประชาชนด่าว่าฮั้วฉลากมาหลายสิบปีได้ไปคนละไม่ถึง 2 ล้านฉบับ

ตามกฎหมายนั้น เงินรายได้จากสำนักงานสลากกินแบ่งนั้นต้องนำส่งคลังตามกฎหมาย 60% จ่ายเป็นเงินรางวัล ไม่น้อยกว่า 28% ส่งเป็นรายได้แผ่นดิน และไม่เกิน 12% เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของสำนักงานสลากฯ ซึ่งไม่อาจจะซิกแซกอะไรได้เลย 

ดังนั้นการที่สำนักงานสลากกินแบ่งฯ จึงได้ตั้งมูลนิธิสำนักงานสลากกินแบ่งฯ ขึ้นมาเพื่อหารายได้จากการเป็นยี่ปั้วฉลากนั้น จะเป็นการสร้างรายได้นอกบัญชีที่จะต้องนำส่งคลังได้แบบนิ่มๆง่ายๆ ซึ่งการตั้งมูลนิธิสำนักงานสลากกินแบ่งฯ ขึ้นมานั้นได้ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อปี 2545 ในยุครัฐบาลทักษิณ ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมาการคัดเลือกคนไปนั่งเป็นประธานบอร์ดของกองสลากนั้นเป็นคนที่ไว้วางใจได้ทั้งนั้นสลับสับเปลี่ยนหน้าเข้ามานั่งจนถึงปัจจุบัน

สลากจำนวน 14 ล้านฉบับต่องวด นี่แหละคือสาเหตุที่ใครก็ตามที่เข้ามาแก้ปัญหาสลากเกินราคาทำไม่สำเร็จสักราย พิมพ์เองขายเอง แถมยังรับจากมือซ้ายไปออกมือขวาเป็นยี่ปั้วเองด้วย ไม่ต่างกับโรงหนังฉายเองขายตั๋วผีเอง ใครคิดจะปราบเรื่องฉลากเกินราคาอีกสิบชาติก็แก้ไม่ได้เพราะมันมาจากเนื้อในของสำนักงานสลากนี่เอง

ผมมองไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว ผมอยากให้ ผู้การแดง พลตรีอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่เข้ามาจัดการเรื่องสลากเกินราคารับไม้ต่อในการขุดเรื่องขึ้นมาว่า รายได้จากการที่สำนักงานสลากเป็นยี่ปั้วเสียเองนั้น ทำรายได้ตามบัญชีเท่าไร และเอารายได้ไปใช้จ่ายอย่างไรบ้าง รวมถึงรายได้นอกบัญชีที่ขายออกไปยังยี่ปั้วเกินราคาที่ซ่อนดำมืดเอาไว้ว่าตลอดเวลาสิบกว่าปีนั้นมีเท่าไร ซึ่งเรื่องรายได้นอกบัญชีนั้นเชื่อว่าคงสืบสาวหาข้อมูลได้ลำบากมาก เพราะราคาที่ขายออกจริงกับราคาที่ลงในใบเสร็จของมูลนิธิฯ น่าจะไม่ใช่ราคาเดียวกันถ้ามีการขายเกินราคา ไม่อย่างนั้นซาปั้วที่รับสลากมาถึงบอกว่าราคาที่รับมาจากยี่ปั้วก็เกินแปดสิบบาทแแล้ว

ถ้าเงินนอกบัญชีเพียงงวดละห้าบาทต่อฉบับก็เจ็ดสิบล้านบาทแล้ว ถ้าสิบบาทก็ร้อยสี่สิบล้านบาท มันคือราคาได้เป็นกอบเป็นกำทุกสิบห้าวัน ที่ไม่ต้องเหนื่อยแต่ประการใดเลย เพียงจัดสรรจำนวนสลากที่จะสู่ซาปั้วทางบัญชีทุกครึ่งเดือนเท่านั้น และเมื่อเรื่องการที่สำนักงานสลากทำตัวเป็นยี่ปั้วเสียเองตีแผ่ออกมาจนถึงสาธารณะชนขนาดนี้ ผมเชื่อว่าบันทึกของการกระจายเงินนอกบัญชีของสลากเกินราคานั้นอาจจะสาบสูญไปแล้วก็ได้
เครดิตภาพ สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า


ไม่มีความคิดเห็น: