นายกฯ ชวนบิ๊กนักธุรกิจ มหาเศรษฐี เดินตลาดนายกฯ และถ่ายภาพกับภาพตึกไทยคู่ฟ้า ร่วมกัน ขอมาช่วยปชช.ระดับล่าง/นายกฯ ถก นักธุรกิจ 3 ชั่วโมง ตั้ง“อิสระ”นำขับเคลื่อน ประสานกับรัฐบาล เผย2ปีเอกชน ไม่รู้สิ่งที่รัฐบาลทำ ลั่นสัมฤทธิ์ผลก่อนก.ค.60
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ นำนักธุรกิจ 24 รายใหญ่ของไทย หารือ โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้น ไปถ่ายภาพหมู่ บนตึกไทยฯ และชวนลงมาเดินตลาดนายกฯ
โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นการพูดคุยหลายมิติโดยเฉพาะการปฏิรูปด้านเศรษฐกิจ สิ่งที่รัฐบาลได้สั่งการไป ไม่สามารถทำเพียงคนเดียวได้ ดังนั้นนาสมคิดจึงเชิญบรรดานักธุรกิจที่เป็นเครื่องจักรสำคัญมาหารือแต่ไม่ใช่ว่าจะหาวิธีเอื้อประโยชน์ให้กับนักธุรกิจ เป็นการพูดถึงว่าจะร่วมมือกับรัฐบาลได้อย่างไรเพื่อดูแลผู้มีรายได้น้อย สร้างความเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจใหญ่-กลาง-เล็ก และเอสเอ็มอี มีการพูดถึงการให้ความรู้การตลาด การออกแบบ การสร้างนักธุรกิจใหม่ และระบบการศึกษา ว่าจะช่วยกันดูแลครู และสถานการศึกษาอย่างไร เนื่องจากเอกชนมีเงินสำหรับ ซีเอสอาร์(ความรับผิดชอบต่อสังคมและ สิ่งแวดล้อมขององค์กร)อยู่แล้ว ตนได้กำชับให้ทำในทุกพื้นที่ทุกภูมิภาค ทั้งหมดล้วนอยู่ในแผนการปฏิรูปประเทศ ส่วนการเชื้อเชิญนักธุรกิจให้มาลงทุนในไทยนั้น นักธุรกิจ สนใจแต่ที่ยังช้าอยู่เพราะยังไม่มีพ.ร.บ.ร่วมทุน รัฐบาลนี้กำลังพิจารณาพ.ร.บ.ดังกล่าวอยู่ การลงทุนไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆใครจะมาก็มาได้จำเป็นต้องพึ่งพ.ร.บ.อย่างเรื่องการศึกษาก็มีพ.ร.บ.อยู่ทุกแท่ง แตะไม่ได้เลยมี แล้วก็ไม่ได้ทำให้การศึกษาดีขึ้น มีแล้วก็แค่แบ่งเงินแบ่งงบประมาณกันเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาคธุรกิจได้สะท้อนอะไรถึงรัฐบาลบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้มีการสะท้อน แต่เขาไม่รู้ถึงสิ่งที่รัฐบาลทำมาเกือบ 2 ปี ที่ไม่รู้เพราะต่างคนต่างก็ทำงานเพราะนักธุรกิจไม่ค่อยมีเวลาอยู่แล้วไม่สามารถที่จะมาฟังตนได้ และทีมประชาสัมพันธ์รัฐบาลก็เข้าไม่ถึง แต่ต่อไปจะมีคณะกรรมการขับเคลื่อนฝ่ายเศรษฐกิจของภาคเอกชนทั้งหมดโดยมีนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานหอการค้าไทย เป็นแกนนำ โดยจะดูว่าสามารถสนับสนุนกิจกรรมใดที่รัฐบาลต้องการขับเคลื่อนประเทศได้อย่างไร ทั้งงานวิจัยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ถ้าไม่เตรียมพร้อมเรื่องพวกนี้ต่อไปจะเสี่ยงทั้งสิ้น เพราะมาจากความเสี่ยงของสถานการณ์โลก พันธกรณีระหว่างประเทศ ข้อสัญญาทางการค้า ล้วนมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเราไม่มีความเข้มแข็งในเรื่องเหล่านี้มาก่อนเลย อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจมีข้อเสนอเยอะแยะ ทั้งกฎหมาย สัญญา ตนก็บอกว่าต้องปรับจูนให้ตรงกับนโยบายของรัฐเพราะหน้าที่ของข้าราชการคือรักษาผลประโยชน์ ส่วนหน้าที่ของภาคธุรกิจคือทำกำไรให้ได้มากที่สุดแล้วจะเจอกันได้อย่างไร การปรับจูนภาคธุรกิจต้องลดกำไรลงบ้างแต่รัฐจะหาสิทธิประโยชน์ให้ทั้งเรื่องภาษี กฎหมายการค้า กฎหมายร่วมทุน โดยต่อไปภาคธุรกิจสามารถส่งความเห็นสะท้อนปัญหาเข้ามาและรัฐบาลจะนำไปขับเคลื่อน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ภาคธุรกิจที่ได้หารือกันในวันนี้มีความพร้อมที่จะสนับสนุนรัฐบาล แต่ไม่ใช่จะพร้อมทั้งหมดเพราะต้องดูว่าเขาศักยภาพอย่างไรบ้าง และตนไม่สมารถสั่งภาคธุรกิจได้ หรือจะใช้มาตรา 44 สั่งการก็ไม่ได้ เรื่องประชารัฐเป็นความร่วมมือของรัฐข้าราชการ เอกชนภาคธุรกิจ ซึ่งต้องปรับจูนเข้าหากันให้ได้ ภาคประชาสังคม เอ็นจีโอ ต้องมาคุยกัน รัฐบาลกำลังขับเคลื่อนเรื่องเศรษฐกิจโดยวันหน้าจะเรียกมาคุยให้หมดทุกส่วนเพราะถ้าไม่คุยจะติดปัญหาที่ทุกคนมักเอาหลักการกฎหมาย สิทธิมนุษยชนทำให้ไม่เกิดอะไรขึ้น วันนี้การเมืองเข้ามาทาบทับน้อย เพราะตนไม่ใช่นักการเมืองแม้จะถูกมองว่าเป็นนักการเมืองในสายตาแต่ตนก็ทำงานของตน และจากนี้เมื่อมีคณะกรรมการขับเคลื่อนภาคเอกชนนายสมคิดจะเป็นผู้ไปคุย เมื่อถึงวาระสำคัญตนจะเข้าร่วมประชุม เพราะเป็นผู้กำหนดนโยบาย
เมื่อถามว่า ความร่วมมือกับภาคธุรกิจจะเป็นรูปธรรมเมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “รอมาชาติหนึ่งแล้วยังไม่เกิดเลย เธอจะรออีกสักหน่อยไม่ได้หรือ เธอจะเอาเมื่อไหร่ วันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ เดือนหน้า ลูกกี่เดือนแล้ว เดี๋ยวลูกออก นี่อย่างไรมันถึงต้องมาแบ่งว่า 1-2-3 อะไรที่จะเกิดขึ้นได้ในตอนที่ผมอยู่ในเดือนก.ค.60เดี๋ยวไปหามา แล้วที่เหลือก็ส่งแผนปฏิรูปแล้วค่อยไปไล่กับรัฐบาลใหม่เขาทำเอา แต่จะเริ่มให้ทุกอย่าง โดยจะให้ความสำคัญกับเรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐานก่อน”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น