PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ประธานเครือข่ายพิทักษ์พุทธ รุดยื่นเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย สอบ ‘พุทธะอิสระ’ ปาราชิก

TV24 NEWSROOM ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 8 ภาพ
1 ชม.
ประธานเครือข่ายพิทักษ์พุทธ รุดยื่นเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย สอบ ‘พุทธะอิสระ’ ปาราชิก? ด้านมวลชนขวางประตู ปาขวดน้ำโดนตำรวจ
‪#‎NEWSROOM‬ ‪#‎TV24‬ จากกรณีที่ประสิทธิ์ สันจิตร ทนายความและประธานเครือข่ายพิทักษ์พุทธ พร้อมด้วย “กลุ่มพลังสตรีรักษ์พระพุทธศาสนา” เดินทางเข้ายื่นหนังสือกล่าวหา “พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม” หรือ พุทธะอิสระ ว่าต้องอาบัติปาราชิก สิกขาบทที่ 2 ให้พ้นจากความเป็นพระต่อ “เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย” ในฐานะผู้ปกครอง ณ วัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ในวันนี้นั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่วัดอ้อน้อยได้ปิดประตูวัด และมีกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เข้ามารักษาความสงบเรียบร้อยจำนวนหนึ่ง ซึ่งสามารถเข้าไปได้เพียงทนายและตัวแทนบางคน รวมทั้งมีการปาขวดน้ำมายังหน้าประตู โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไม่เกิดเหตุรุนแรง
ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. นายประสิทธิ์ ได้เข้ากราบนมัสการ “พระอธิการศิริชัย สิริโสภโณ” เจ้าอาวาส วัดอ้อน้อย ตำบลห้วยขวาง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เพื่อขอให้ดำเนินการสอบสวนความผิดทางพระวินัยตามกฎนิคหกรรม ด้วยข้อกล่าวหา “ต้องอาบัติปาราชิก สิกขาบทที่ 2” หรือไม่? ต่อ “หลวงปู่พุทธอิสระ” หรือ “พระสุวิทย์ ธีรธัมโม”
จากการที่ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2559 คดีที่กรมสอบสวน คดีพิเศษ (DSI) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “หลวงปู่พุทธอิสระ” หรือ “พระสุวิทย์ ธีรธัมโม” และพวกแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย 2,663,409 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จากกรณีระหว่างเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2556 ถึง มกราคม พ.ศ.2557 ร่วมกันบุกเข้าไปใน อาคาร DSI ถนนแจ้งวัฒนะ แล้วทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ สายไฟ กล้องวงจรปิด ที่อยู่ในความครอบครองของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)
โดยโจทก์ซึ่งมีสำนักงานคดีแพ่ง สำนักงานอัยการสูงสุด ทำหน้าที่ทนายแผ่นดิน ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาล เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 ทำให้เจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ โดยระหว่างการชุมนุมมีการตัดสายไฟฟ้าเมนหลัก และทำให้เครือข่ายระบบอินเทอร์เน็ตกับคอมพิวเตอร์ได้รับความเสียหาย
เมื่อศาลได้พิเคราะห์พฤติการณ์ของจำเลยแล้ว จึงมีคำพิพากษาของศาลแพ่งให้จำเลยที่ 1 คือ “หลวงปู่พุทธอิสระ” หรือ “พระสุวิทย์ ธีรธัมโม” ให้ต้องร่วมกันรับผิดกับจำเลยที่ 2 (พล.ต.สมเกียรติ วัฒนวิกย์กิจ) ร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ (DSI) เป็นจำนวนเงิน 899,203 บาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 นับจากวันถัดฟ้อง คือ วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ.2557 และให้จำเลยร่วมกันจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาล และค่าทนายความแก่โจทก์อีกเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท
การที่พระภิกษุในพระพุทธศาสนาไปดำเนินการทางการเมือง ปิดถนน ปิดสถานที่ราชการ เป็นการทอดทิ้งธุระของพระภิกษุ 2 อย่าง คือ 1) “คันถธุระ” การศึกษาพระธรรมวินัย และ 2) “วิปัสสนาธุระ” การเจริญพระกรรมฐาน มีความผิดทั้งพระธรรม และพระวินัย ความผิดทางธรรมนั้น ได้ปฏิบัติผิด พระพุทธพจน์ในโอวาทปาฏิโมกข์ ข้อว่า “น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี” ผู้ฆ่า-ผู้ทำร้ายผู้อื่นไม่ใช่พระ “สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต” ผู้ทำให้คนอื่นเดือดร้อนไม่ใช่พระ หรือไม่ ?
อีกทั้ง ความผิดทางพระวินัยนั้น “การปิดถนน ปิดสถานที่ราชการ” เป็นเหตุทำให้
1. ประชาชนทั่วไปผู้มาติดต่อราชการเสียทรัพย์ในการเดินทาง แต่ติดต่องานไม่ได้
2. ทางราชการขาดรายได้จากค่าภาษีอากร และค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่จะพึ่งได้ ซึ่งเทียบเคียงกันได้กับภิกษุผู้หลีกเลี่ยงค่าภาษี
3. ทรัพย์ของทางราชการเกิดความเสียหาย และต่อมาพนักงานอัยการได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “หลวงปู่พุทธอิสระ” หรือ “พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม” กับพวกเป็นจำเลย และศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหายแล้ว
ความผิดพระวินัย 3 ประการนี้ เป็นเหตุให้ภิกษุผู้กระทำต้อง “อทินนาทาน ปาราชิก ทั้งนั้น” หรือไม่?
พฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดต่อทรัพย์สินของทางราชการของ “หลวงปู่พุทธอิสระ” หรือ “พระสุวิทย์ ธีรธัมโม” นั้น ถือว่าชัดแจ้งแล้วตามคำพิพากษาศาลแพ่งและครบองค์ประกอบความผิดของ “อาบัติปาราชิก สิกขาบทที่ 2” ที่มูลค่าของทรัพย์สินมากกว่าห้ามาสกหรือบาทหนึ่งหรือไม่? ซึ่งมีบัญญัติองค์แห่งอาบัติ ดังนี้ 1) เป็นของผู้อื่นเป็นชาติมนุษย์หวงแหนอยู่ 2) สำคัญรู้ว่า เป็นของผู้อื่นหวงอยู่ 3) ของนั้นราคาบาทหนึ่งหรือราคากว่าบาทหนึ่งขึ้นไป 4) เถยยจิต 5) อาการที่ถือว่าลักทรัพย์ด้วยอวหาร
ดังนั้น จึงขอให้เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ในฐานะที่เป็นผู้ปกครอง “หลวงปู่พุทธอิสระ” หรือ “พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม” ได้ทำการดำเนินการสอบสวนความผิดทางพระวินัยตามกฎนิคหกรรม ด้วยข้อกล่าวหา “ต้องอาบัติปาราชิก สิกขาบทที่ 2” ต่อ “หลวงปู่พุทธอิสระ” หรือ “พระสุวิทย์ ธีรธัมโม” ว่า “พ้นจากความเป็นพระในทางพระพุทธศาสนา” หรือไม่? เพื่อยังความศรัทธาของพุทธบริษัทให้ดำรงมั่นคงต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น: