PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2560

เคล็ดลับสร้างตัวยุคสื่อครองโลก

หนังโฆษณาเรื่อง "ไอ้ริตกินแบล็ค" ว่าขำแล้ว
แต่เมื่อวาน (๓๑ ส.ค.๖๐)
"ไอริตฟ้องผิดศาล" ขำกว่า!
ไอ้ริตเป็นนักกฎหมาย เป็นถึงอธิบดี DSI สมัยนั้น
แต่ต้องการสนองอยากนักการเมืองระบอบทักษิณที่เริงอำนาจสมัยนั้น
ไปดึงคดีสลายชุมนุม "นปช.เผาบ้าน-เผาเมือง" เมื่อปี ๕๓ มารีรันและส่งอัยการฟ้องทางช่องทาง "ศาลอาญา"
ก็รู้ทั้งรู้ เพราะตัวเองก็เคยอยู่ร่วม.........
ตอนนั้น "อภิสิทธิ์-สุเทพ" ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่ราชการในฐานะนายกฯ และรองนายกฯ
รวมทั้งเป็นผู้อำนวยการ ศอฉ.ตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ไม่ใช่การกระทำทางอาญาโดยส่วนตัว หรือทำนอกเหนือหน้าที่ราชการ
ซ้ำในปฏิบัติการทุกครั้ง เป็นไปตามขั้นตอนครบถ้วน-ถูกต้อง
แต่ถ้าจะต้องฟ้องให้ได้จริงๆ
ก็ต้องฟ้องให้ถูกศาล...........!
คือ "อภิสิทธิ์-สุเทพ" เป็นนักการเมือง ตามกระบวนการ ก็ต้องไปให้ ป.ป.ช.สอบชี้มูลความผิดก่อน
หากมีมูล
ป.ป.ช.ก็จะส่งอัยการฟ้องทาง "ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง"
ไม่ใช่ไปฟ้องที่ "ศาลอาญา" อย่างที่ไอ้ริตทำ
และทั้งศาลชั้นต้น ชั้นอุทธรณ์ ก็ยกฟ้องไปแล้วด้วยซ้ำ
แต่เมื่ออัยการยื่นคำร้อง ขอให้ศาลวินิจฉัยด้านข้อกฎหมาย ทางศาลฎีกาก็วินิจฉัยแล้ว
เมื่อวาน ศาลจึงอ่านคำสั่งศาลฎีกา "พิพากษายืน"
คือยกฟ้องเหมือน..........
เพราะ "ไอริตฟ้องผิดศาล"!
ความจริง ป.ป.ช.มีมติให้ข้อกล่าวหากรณี "อภิสิทธิ์-สุเทพ" สลายชุมนุม นปช. "ตกไป" ก่อนหน้าแล้วด้วยซ้ำ
ระดับไอ้ริต "กูรูกฎหมาย" คนหนึ่ง จะไม่ประสี-ประสา ถึงขนาดไปดึงมาเป็นคดี และ "ฟ้องผิดศาล" โดยไม่รู้เลยเชียวหรือ?
ไม่น่าเป็นอย่างนั้น จริงไหม?
แต่ถ้าใครนึกย้อน ลำดับเรื่องราวก่อน "ไอ้ริตเปลี่ยนสี" เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว
จากรัฐบาลอภิสิทธิ์ ไปเป็นรัฐบาลระบอบทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ก็คงพอเข้าใจ
ในเมื่ออำนาจการเมืองต้องการ ฝ่ายข้าราชการประจำที่ไม่มั่นคงในหน้าที่ ก็พร้อมคลานสนอง!
จำกันได้มั้ยล่ะ.......?
มีรัฐมนตรีที่คุยว่า "อ่านกฎหมายรู้-ดูกฎหมายเป็น" มาคอยกดปุ่มคอนโทรล
ให้ไอ้ริต ไปดึง-ไปรื้อ คดีสลายชุมนุมมาทำ!
ลงท้าย ทั้งน่าขำ-น่าอาย
ระดับอดีตอธิบดีดีเอสไอ ทำคดีฟ้องผิดศาล
นับเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของ "ข้าราชการประจำ" ที่สนองอำนาจการเมือง เพื่อตำแหน่ง-ลาภ-ยศ
นอกเหนือจากคดีจีทูจี ที่ข้าราชการพาณิชย์หลายคน ต้องติดคุกอยู่ขณะนี้
ความจริง ช่วงนี้ มีเรื่องคุยเยอะ.........
แต่อย่างว่า เป็นแต่เรื่อง "ไม่หนักหัว" ก็ "หนักคุก" เผอิญ เย็นวาน ดูข่าวโทรทัศน์แวบๆ
เป็นข่าว สาวยุคใหม่-วัยรุ่น ไปให้ตำรวจปรับหรืออะไรทำนองนี้ นัยว่าเธอ "ไลฟ์สดเปลือย" เรียกเรตติ้ง แล้วถูกตำรวจเรียกตัว
กับอีกข่าว อ่านจากโซเชียลมีเดีย
พระวัดหนึ่งแถวอ่างทอง ทำผ้ายันต์-เสื้อยันต์ "ลิเวอร์พูล" ปลุกเสกจำหน่าย หารายได้สร้างโบสถ์!
นัยว่า เจ้าคุณธงชัย วัดไตรมิตร เป็นไอดอล ผ้ายันต์เลสเตอร์ ซิตี เป็นแรงดาลใจ
ประกอบกับท่านเป็นสาวกหงส์ ชื่นชอบในตัว “เอียน รัช” ศูนย์หน้าทีมลิเวอร์พูลเป็นพิเศษ
จึงทำผ้ายันต์-เสื้อยันต์ โลโก้ลิเวอร์พูล ปลุกเสกจำหน่าย
ดูๆ แล้ว ผมก็นึกขึ้นว่า......
อย่างกรณี ๒ สาว ถ้าทำอะไรดีๆ อยู่ในกรอบวัฒนธรรมประเพณี หรือทำตัวให้เป็นคุณประโยชน์ต่อสังคม
ปีไหน ชาติไหน สิ่งที่เธอทำ จะเด่นขนาดได้ "ออกโทรทัศน์"?
ยากมาก และไม่มีทางเลย.......
แต่ที่ยากกลับ "ง่ายมาก" เพียงทำสิ่งตรงข้ามกับคำว่า "ดี"
แค่แก้ผ้าโชว์ทางเน็ต เธอก็ดังเข้าตาสื่อทุกแขนงในบัดดล
ได้ "ออกโทรทัศน์" โดยไม่ต้องจ้าง ไม่ต้องเชิญ ไม่ต้องงอนง้อ แช่จอเป็น ๕ เป็น ๑๐ นาที
แค่ "นางเอกหนังข่าวฉาว" ก็นับว่าระเบิด-ระเบ้อไปทั้งประเทศ เป็นผลงานใช้หากินได้แล้ว
พอๆ กับวิถีดาราเป็นโหลๆ วันนี้ แสดงก็ ดังๆ ดับๆ
แต่พองัดเรื่องในมุ้ง เรื่องผัวๆ เมียๆ เรื่องสะสมผู้ชาย ของใครจะมากกว่ากัน มาทะเลาะ-นินทา ออกโซเชียลมีเดียกัน
ดังระเบิดกว่าข่าว "ยิ่งลักษณ์ล่องหน" อีก!
มาดูกรณี พระทำผ้ายันต์ลิเวอร์พูลจำหน่ายบ้าง ทุกวันนี้ การปลุกเสก นับจะเป็น "อาชีพหลัก" ของพระกลุ่มหนึ่ง
ในเมื่อหลวงพ่อ-หลวงพี่ ต่างก็ปลุกเสกเลขยันต์เหมือนๆ กัน สินค้าประเภทเดียวกัน ชักล้นตลาด
การสร้าง "จุดต่าง" เป็น "จุดขาย" นับเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่หลวงพ่อ-หลวงพี่ต้องงัดมาสู้กัน
ผ้ายันต์เลสเตอร์ ซิตี ของเจ้าคุณธงชัย นับเป็นตัว "สร้างตลาดใหม่" แจก-จำหน่ายสะพัด
ถึงเลสเตอร์ตก-ไม่ตกชั้น ผ้ายันต์เจ้าคุณธงชัย ก็แรงไม่ตก มีรุ่นใหม่ให้ซื้อหา-ซื้อบูชา-ซื้อเก็บกันทุกรุ่น
เรียกว่า ผ้ายันต์เจ้าคุณธงชัยเป็นเจ้าตลาดขณะนี้ ยังไม่มีหลวงพ่อไหนแซงได้
เพิ่งคราวนี้แหละ........
พอผ้ายันต์-เสื้อยันต์ "ลิเวอร์พูล" ออกมา ก็เปรี้ยงปร้างประกบผ้ายันต์เลสเตอร์ทันใด
แฟนหงส์-ไม่หงส์ แห่แหนไปจับจองเป็นเจ้าของกันรึ่ม ร่ำลือเป็นกระแส จนบรรดาสื่อต้องตามไปทำเป็นข่าวมาขายบ้าง!
นี่ก็เห็นมั้ย..........
พระเดินตาม "ศีล-สมาธิ-ปัญญา" สังคมไม่นิยมว่า "ของดัง-ของดี" พระที่สอนศีล-สอนธรรม
สังคมก็ไม่ตื่น ไม่ร่ำลือเป็นกระแส ไม่มีสื่อไปทำเป็นข่าว
แต่พระน้อมนำโลโก้-ชื่อทีมฟุตบอลมาเป็นสรณะ ให้นำไปบูชา กราบไหว้ เท่านั้นแหละ
เปรี้ยงปร้างกระถางแตก!
มันก็ให้แง่คิดว่า ทำดีไม่ดัง-ไม่เป็นข่าว, ทำตรงข้ามดี กลับดัง แย่งกันทำเป็นข่าวเปรี้ยงปร้าง
ในนิยามว่า "สื่อ" คือ "เงาสะท้อนสังคม"
คิดในมุมกลับ......
แล้วที่สังคมทุกวันนี้ เป็นอย่างนี้ จะเรียกว่า "สังคมเป็นเงาสะท้อนสื่อ" บ้างได้ไหม?
ผมไม่ติดใจกรณีพระหันไปยึดโลโก้ทีมฟุตบอลเป็นสรณะแทนรูปสักการะทางพุทธศาสนาหรอก
ก็เอาที่พระคุณเจ้าสบายใจ และขายได้เถอะ!
แต่ทีนี้ เห็นหลวงพ่อที่อ่างทอง นำเอารูปลักษณ์ของ "ทีมลิเวอร์พูล" มาเป็นสินค้าขายแล้ว
อยากเตือนท่านด้วยเป็นห่วง
ฝรั่งเขาคิดไม่เหมือนเรานะพระคุณเจ้า ถ้าเขาเห็นนำโลโก้ทีมของเขามาทำเป็นสินค้าขาย
เขาฟ้องฐาน "ละเมิดสิทธิบัตร" ซึ่งเป็นความผิดทางอาญาเอาได้นะพระคุณเจ้า
ลองฝรั่งฟ้อง เงินหมื่น-เงินแสน ไม่ฟ้องหรอก จะล่อเป็นพัน-เป็นหมื่นล้านนั่นเชียวล่ะ
ที่จำหน่ายผืนละร้อย-ครึ่งร้อยนั่นน่ะ ไม่พอหรอก!
ทั้งแพ่ง ทั้งอาญา เขาฟ้องได้
จึงอยากนมัสการไปถึงพระคุณเจ้า ด้วยเข้าใจกุศลเจตนาในการหาเงินสร้างโบสถ์ของท่าน
แต่ไม่อยากให้ท่านต้องพบปัญหาทีหลัง ผิด-ถูก อย่างไร หลวงพ่อใคร่ครวญด้วย
อย่าคิดว่า ทีเจ้าคุณธงชัยทำผ้ายันต์เลสเตอร์ ซิตี ไม่ละเมิด แต่พออาตมาทำผ้ายันต์ลิเวอร์พูลบ้าง มาพูดว่าละเมิด?
ก็เลสเตอร์ ซิตี น่ะ คิงเพาเวอร์เป็นเจ้าของ คือ เจ้าของคิงเพาเวอร์ทำเอง เจ้าคุณธงชัยปลุกเสก จึงไม่ละเมิด
ส่วนผ้ายันต์ลิเวอร์พูลของท่าน ถ้าเจ้าของ "สโมสรลิเวอร์พูล" เขาอนุญาต
ก็นิมนต์พระคุณเจ้าเถอะ!
เอาล่ะ......
ผมขออนุญาตตามรอยปูซักวัน-สองวัน คงไม่ว่ากันนะครับ คุณ "ผักกาดหอม" เจ้าประจำ จะมาจำนรรจาแทน.

ไม่มีความคิดเห็น: